กว่า 27 ปี ที่ “เชฟวิชิต มุกุระ” โลดแล่นอยู่ในวงการอาหาร ดูแลความอร่อยในฐานะ Executive Thai Chef ให้กับโรงแรมโอเรียลเต็ล โรงแรมระดับ 5 ดาว ของไทยที่ติดอันดับโลก จนกระทั่งเมื่อถึงวัยที่ชีวิตอยากออกจากกรอบเดิมๆบ้าง เขาจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ถนัดที่สุด คือ การทำอาหาร อันเป็นที่มาของร้านอาหาร “ข้าว” หนึ่งในร้านอาหารไทยแท้ที่ได้รับดาวมิชลินปีล่าสุด (2020)
ข้าว ไม่ใช่เพียงพืชพรรณหรืออาหารสำหรับคนไทย เพราะข้าวเป็นอาหารหลักที่อยู่คู่คนไทยมานาน ข้าวจึงเสมือนความผูกพันและชีวิตของคนไทยด้วย ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้ก็ถ่ายทอดแนวคิดออกมาได้ตรงตามนั้น
“clean food ไม่ใช่คำที่ร้านใช้โฆษณา แต่เป็นคำชมที่ได้รับมาจากลูกค้า เพราะกินแล้วรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ วัตถุดิบหลายอย่างที่เป็นส่วนประกอบ เราก็ใช้จากสวนที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น มะนาว ตะไคร้ ข่า นอกจากนี้ยังเลือกวัตถุดิบเอง ไม่ผ่านระบบ Supplier เพื่อที่จะสามารถควบคุมคุณภาพสินค้า และราคาให้เหมาะสม เกิดประโยชน์ต่อลูกค้ามากที่สุด”
“แนวคิดของอาหารที่ร้าน ไม่พยายามผสมอะไรที่มากจนเกินไป ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะเมนูที่เราทำนั้น หากินที่ไหนก็ได้ ดังนั้นจึงต้องทำให้อร่อย และให้ลูกค้ากินแล้วรับรู้ว่า ความอร่อยของอาหารไทยในแต่ละคำนั้นได้จากวัตถุดิบชนิดใด”
“ทำให้ลูกค้ามีความสุขแล้วความสำเร็จก็จะมาหาเราเอง เพราะคอนเซปต์ของผม คือ ทำอาหารง่ายๆให้มีคุณภาพ ทุกวันนี้ ร้านมีสัดส่วนลูกค้าชาวไทยถึงร้อยละ 60 ซึ่งการที่ร้านอาหารไทยมีคนไทยมากินเป็นจำนวนมาก ผมก็ถือเป็นความสำเร็จ” เมนูของร้านข้าวเป็นอาหารไทย ข้าวที่นำมาเสิร์ฟเป็นพันธุ์พื้นเมืองปลอดสารจากบุรีรัมย์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิแดงกับข้าวขาวหอมมะลิ อันหอมกรุ่นเรียงเม็ด เหมาะกับสารพัดเมนูไทยที่รังสรรค์มาให้เลือกมากมาย
เมนูขึ้นชื่อประจำร้าน คือ อาหารประเภทยำ และประเภทแกง อาทิ ยำขมิ้นขาวกุ้งทอด ยำดอกอัญชันทอดกรอบ (ซึ่งมีหมูฝอยกับเครื่องยำคลุกเคล้าเข้ากันพร้อมกุ้งแชบ๊วยหลังไข่) ยำเนื้อย่างออสเตรเลียกับองุ่นแดงไร้เมล็ด ยำมะเขือยาวกับกุ้งแม่น้ำย่าง แกงจืดใบโหระพากับหมูบะช่อวุ้นเส้น มัสมั่นน่องแกะนิวซีแลนด์ที่เคี่ยวจนเปื่อยรสกลมกล่อมหอมเครื่องเทศเข้มข้นจนไร้กลิ่นสาบของเนื้อแกะ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารจานเดียวง่ายๆอย่างผัดไทย ข้าวผัดประเภทต่างๆ ข้าวคลุกกะปิ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ฯลฯ ซึ่งราคาจานละ 200-300 บาทเท่านั้น
ข้าว ไม่ใช่เพียงพืชพรรณหรืออาหารสำหรับคนไทย เพราะข้าวเป็นอาหารหลักที่อยู่คู่คนไทยมานาน ข้าวจึงเสมือนความผูกพันและชีวิตของคนไทยด้วย ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้ก็ถ่ายทอดแนวคิดออกมาได้ตรงตามนั้น
“clean food ไม่ใช่คำที่ร้านใช้โฆษณา แต่เป็นคำชมที่ได้รับมาจากลูกค้า เพราะกินแล้วรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ วัตถุดิบหลายอย่างที่เป็นส่วนประกอบ เราก็ใช้จากสวนที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น มะนาว ตะไคร้ ข่า นอกจากนี้ยังเลือกวัตถุดิบเอง ไม่ผ่านระบบ Supplier เพื่อที่จะสามารถควบคุมคุณภาพสินค้า และราคาให้เหมาะสม เกิดประโยชน์ต่อลูกค้ามากที่สุด”
“แนวคิดของอาหารที่ร้าน ไม่พยายามผสมอะไรที่มากจนเกินไป ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะเมนูที่เราทำนั้น หากินที่ไหนก็ได้ ดังนั้นจึงต้องทำให้อร่อย และให้ลูกค้ากินแล้วรับรู้ว่า ความอร่อยของอาหารไทยในแต่ละคำนั้นได้จากวัตถุดิบชนิดใด”
“ทำให้ลูกค้ามีความสุขแล้วความสำเร็จก็จะมาหาเราเอง เพราะคอนเซปต์ของผม คือ ทำอาหารง่ายๆให้มีคุณภาพ ทุกวันนี้ ร้านมีสัดส่วนลูกค้าชาวไทยถึงร้อยละ 60 ซึ่งการที่ร้านอาหารไทยมีคนไทยมากินเป็นจำนวนมาก ผมก็ถือเป็นความสำเร็จ” เมนูของร้านข้าวเป็นอาหารไทย ข้าวที่นำมาเสิร์ฟเป็นพันธุ์พื้นเมืองปลอดสารจากบุรีรัมย์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิแดงกับข้าวขาวหอมมะลิ อันหอมกรุ่นเรียงเม็ด เหมาะกับสารพัดเมนูไทยที่รังสรรค์มาให้เลือกมากมาย
เมนูขึ้นชื่อประจำร้าน คือ อาหารประเภทยำ และประเภทแกง อาทิ ยำขมิ้นขาวกุ้งทอด ยำดอกอัญชันทอดกรอบ (ซึ่งมีหมูฝอยกับเครื่องยำคลุกเคล้าเข้ากันพร้อมกุ้งแชบ๊วยหลังไข่) ยำเนื้อย่างออสเตรเลียกับองุ่นแดงไร้เมล็ด ยำมะเขือยาวกับกุ้งแม่น้ำย่าง แกงจืดใบโหระพากับหมูบะช่อวุ้นเส้น มัสมั่นน่องแกะนิวซีแลนด์ที่เคี่ยวจนเปื่อยรสกลมกล่อมหอมเครื่องเทศเข้มข้นจนไร้กลิ่นสาบของเนื้อแกะ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารจานเดียวง่ายๆอย่างผัดไทย ข้าวผัดประเภทต่างๆ ข้าวคลุกกะปิ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ฯลฯ ซึ่งราคาจานละ 200-300 บาทเท่านั้น
ร้านข้าว (Khao) เป็นหนึ่งในร้านอาหารไทย ที่ได้รับดาวมิชลิน 1 ดาว ประจำปี 2020
** ร้านข้าว เปิดสาขาอีกแห่งเป็นทางเลือก คือ สาขาต้นสน (Tonson)
ซอยต้นสน เพลินจิต สอบถาม โทร. 02-2521619, 093-5050055 **
** ร้านข้าว เปิดสาขาอีกแห่งเป็นทางเลือก คือ สาขาต้นสน (Tonson)
ซอยต้นสน เพลินจิต สอบถาม โทร. 02-2521619, 093-5050055 **
