Miss Siam: ละเลียดรสอาหารไทยแบบฉบับจริตจะก้านสตรีไทย

ร้านอาหารไทยในแบบฉบับ มิสสยาม
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “มิสสยาม” ความคิดแรกที่แวบเข้ามาเชื่อว่า คนอาจนึกถึงการประกวดนางงาม หรือสตรีไทยย้อนยุค ความจริงแล้วมิสสยาม เป็นชื่อสายพันธุ์ของดอกบัวไทยชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ดี สำหรับร้านอาหารไทยที่โรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ ความหมายนั้นก็ตรงตามตัว หากเพียงเพิ่มบริบทของความเป็นสตรีไทยที่มีจริตจะก้านน่าหลงใหลอันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีบุคลิกร่วมสมัยแบบสตรีไทยยุคปัจจุบันเข้าไปด้วย เชฟไพโรจน์ ประไพรักษ์ (เชฟบอม) ผู้ผ่านประสบการณ์ในวงการอาหารโรงแรมระดับ 5 ดาว มายาวนาน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการสร้างสรรค์อาหารที่ร้านมิสสยาม ให้ออกมาเป็นสำรับไทยที่มีกลิ่นอายย้อนยุคร่วมสมัย จุดเด่นของการรับประทานอาหารแบบไทยที่นี่แบ่งออกเป็น สำรับ “จำปา” กับ “ชบา” ซึ่งแม้ได้ชื่อว่าเป็นอาหารไทยแบบย้อนอดีต แต่เชฟก็ไม่ได้กล่าวอ้างว่ามาจากยุคโบราณที่เกิดไม่ทัน หรือเป็นสูตรเด็ดจากต้นเครื่องวังไหน แต่รับประกันว่าไม่ผิดหวัง

“ผมไม่ได้ทำอาหารไทยชาววัง เพราะเราไม่ได้นำสูตรมาจากวังไหน และไม่ใช่อาหารไทยโบราณที่ผมก็เกิดไม่ทัน แต่อาหารที่มิสสยาม เป็นอาหารไทยแท้ที่มีความร่วมสมัย เป็นอาหารไทยที่ผมรู้จักเติบโตมาด้วยกัน ซึ่งเป็นรสชาติแบบไทยๆดั้งเดิมที่ไม่ปรับเปลี่ยนเพียงเพราะให้ถูกปากคนต่างชาติ” เชฟ กล่าว สิ่งสำคัญที่เชฟอธิบายอย่างน่าสนใจ คือ อาหารไทยของเขานั้น ไม่เน้นรสชาติอร่อย !
ก่อนจะเฉลยว่า สิ่งเน้น คือ ความสะอาดเป็นอันดับแรก “ผมคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีก่อน และเลือกที่ความสะอาด ออร์แกนิค ส่วนเรื่องความอร่อยนั้น ถือเป็นรสสัมผัสเฉพาะของแต่ละบุคคล คงไม่สามารถยืนยันว่า อาหารของเราอร่อยถูกปากกับทุกคนได้ เพราะแต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกัน แต่ผมรับประกันได้ว่าอาหารของเราสะอาด ปลอดภัย ดีต่อร่างกายแน่นอน” เอกลักษณ์เด่นของสำรับไทยทั้งสองชุด คือ การเสิร์ฟมาในภาชนะถ้วยชามขนาดกะทัดรัดที่เรียกว่า “เชิง” เป็นการสื่อถึงการให้เกียรติแก่แขกผู้มาเยือน พร้อมทั้งเพิ่มความหรูหราน่าลิ้มลองยิ่งขึ้น สำรับ “จำปา” นั้น เชื่อมโยงไปกับกลิ่นหอมละมุนของดอกจำปา เสมือนหญิงสาวที่มีความอ่อนหวานนุ่มนวล น่าหลงใหล อาหารในสำรับนี้ จึงเป็นอาหารที่รสไม่จัดนัก มีแกงกะทิที่มีรสกลมกล่อม อาทิ แกงเขียวหวานไก่ ต้มข่าไก่ ข้าวตัง หลนปูผักสด ผัดผักบุ้ง หมูหวาน พล่ากุ้งตะไคร้สด เป็นต้น (700+บาท)

ส่วนสำรับ “ชบา” ก็สอดคล้องไปกับสีสันอันร้อนแรงของดอกชบา อันสื่อถึงความจัดจ้าน เปรียบดั่งหญิงสาวที่ฉูดฉาด สนุกสนาน ร้อนแรงขึ้น อาหารในชุดนี้จึงมีรสจัดขึ้นมาสักนิด อาทิ มัสมั่นไก่ ส้มตำไทย ต้มยำกุ้ง ไก่ย่าง หมี่คลุก ทอดมัน เป็นต้น แต่ก็มีจานที่ลดความร้อนแรงลงมาเป็นเครื่องเคียงที่เข้ากัน เช่น ผัดวุ้นเส้น กับ ผัดเห็ดโคน (800+ บาท) ทั้งสองสำรับ มีเครื่องเคียงอย่าง กุนเชียง ไข่เค็ม ถุงทอง ผลไม้ตามฤดูกาล และเสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวหอมมะลิร้อนๆที่ครอบด้วยกรวยใบตองอันประณีต โดยที่ไม่ควรลืมของหวานตบท้าย ซึ่งมีให้เลือกอร่อยทั้งข้าวเหนียวมะม่วง หรือไอศกรีมกะทิสด นอกจากนี้ยังมีชุดศรีตอง Afternoon Tea แบบไทยๆ มีทั้งคาวหวานพร้อมชากาแฟ ราคา 850+ บาท (13.30-17.00น.)
นอกจากสำรับที่โดดเด่นทั้งสองรูปแบบแล้ว จานเดี่ยวแนะนำที่ไม่อยากให้พลาดชิม ยังมีข้าวผัดลิ้นจี่ ข้าวผัดน้ำพริก เป็นต้น หรือจะเลือกอาหารไทยอื่นๆก็มีอีกหลากหลาย ท่ามกลางบรรยากาศที่มีทั้งห้องปรับอากาศเย็นสบาย หรือสวนสวยร่มรื่นด้านนอก ที่ซ่อนตัวอย่างสงบทั้งที่อยู่ใจกลางเมือง

You May Also Like