กิติพานิช จากตึกเก่าร้อยปีสู่ร้านอาหารล้านนาร่วมสมัย

หนึ่งในร้านอาหารที่น่าจับตาที่สุดในเชียงใหม่
อาคารเก่าริมถนนท่าแพ ที่อวดสถาปัตยกรรมโดดเด่นผสมผสานระหว่างภาคเหนือของไทย ตะวันตก จีน และเมียนมา ตระหง่านงามมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2423 บ่งบอกถึงต้นกำเนิดได้ดีว่า ก่อสร้างขึ้นในยุคที่เศรษฐกิจการค้าทางเหนือกำลังเติบโต และได้รับอิทธิพลการก่อสร้างจากช่างชาวเมียนมาในยุคที่สัมปทานการค้าไม้เฟื่องฟู หน้าที่ของอาคารพาณิชย์ที่สร้างจากไม้สักเริ่มต้นด้วยการเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของเมืองเชียงใหม่ ชื่อ “ย่งไท้เฮง” นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และเป็นที่นิยมของคหบดี ข้าราชการชั้นสูงในยุคนั้น
ต่อมาห้างได้ปรับมาเป็นสถานเสริมความงามของสตรี ก็ยังได้รับความนิยมอยู่เช่นเคย จนกระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อาคารกิติพานิช ได้ทำหน้าที่ใหม่ในฐานะเป็นสถานพยาบาลชื่อ คลินิกดารา เปิดรักษาโรคแก่คนทั่วไป จนถึงปี พ.ศ. 2509 อาคารเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่ก็ยุติบทบาทลง และปล่อยให้พื้นที่ด้านหน้า มีผู้เช่าสำหรับจำหน่ายหนังสือ และกลายเป็นภาพจำคุ้นสายตาชาวท้องถิ่นต่อมาอีกหลายสิบปี แต่แล้วเมื่อทายาทรุ่นที่ 5 ของอาคารหลังนี้ มีโอกาสได้กลับมารู้จักกับมรดกของบรรพบุรุษ อาคารคลาสสิคที่ปิดตายไปหลายปี ก็ฟื้นคืนกลับมามีลมหายใจที่กระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ ก็ดูจะมีสีสันและสร้างปรากฏการณ์ได้ดีไม่แพ้ยุครุ่งเรือง  บุคคลสำคัญของการปรับโฉมให้อาคารกิติพานิช คือ “รุ่งโรจน์ อิงคุทานนท์” นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้เป็นหุ้นส่วนและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านอาหาร Le Du (ฤดู) ร้านอาหารไทยสไตล์ fine dinning ระดับมิชลินสตาร์ในกรุงเทพฯ และยังติดอันดับ 1 ใน 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชียมาแล้ว เขาไม่ใช่เพียงบุคคลผู้ประสบความสำเร็จระดับแนวหน้าในแวดวงร้านอาหารไทย แต่ทว่า รุ่งโรจน์ คือ ทายาทรุ่นที่ 5 ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากญาติๆที่จะมาช่วยปลุกชีพให้อาคารเก่าแก่คู่ถนนท่าแพกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
โดยภายหลังการรีโนเวทสิ้นสุดลง หน้าที่ใหม่ของอาคารกิติพานิช จึงเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนในฐานะ ร้านอาหารแนว fine dinning ที่ผสมผสานความร่วมสมัยกับอาหารล้านนาดั้งเดิม รวมถึงอาหารถิ่นไทยใหญ่ มารังสรรค์ความอร่อยเสิร์ฟให้แก่ทุกคน โดยได้เชฟฝีมือดีจากร้าน Saawaan (สวรรค์) ร้านอาหารดังย่านสาทร มาช่วยดูแลในเรื่องรสชาติและการสร้างสรรค์เมนูต่างๆ เมนูอาหารน่ารับประทานนั้นมีทั้งอาหารเหนือที่คุ้นเคย อาทิ ปีกไก่ทอดมะแขว่น ข้าวซอยไก่ แกงฮังเล ไข่ป่ามไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม ยำผักชีไก่ย่าง หรือจะเลือกเมนูที่ผสานความเป็นท้องถิ่นที่หลากหลาย หรือประยุกต์ให้ร่วมสมัย เช่น ไทยใหญ่มีทบอล ยำสามเห็ด เมี่ยงคำใบชะพลู ก๋วยเตี๋ยวคั่วกุ้งแม่น้ำ ฯลฯ  นอกจากนี้ ต้องไม่พลาดเมนูของหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน ได้แก่ ข้าวเม่าก้อนราดกะทิ ทาร์ตทุเรียน และข้าวเหนียวมูนใบเตยกินคู่กับมะม่วงสุกย่าง หลังจากอิ่มเอมกับรสชาติของอาหารที่อร่อยในแบบฉบับล้านนาที่เพิ่มเติมความร่วมสมัยในการนำเสนอ สิ่งที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทุกคน ก็ย่อมเป็นบรรยากาศของอาคารเก่าแห่งนี้ที่ผ่านการอนุรักษ์และปรับปรุงฟื้นคืนความงามจากยุคก่อนกลับมาได้เป็นอย่างดี บรรยากาศด้านใน รอบๆโต๊ะอาหารนั้น ประดับตกแต่งด้วยข้าวของจากอดีต ภาพถ่ายในวันวานที่ช่วยบอกเล่าความเป็นมาของอาคารกิติพานิช ส่วนชั้นสองสะดุดตาด้วยโถงโปร่งโล่ง มีโคมไฟระย้าแบบจีนสีแดงสดเฉิดฉายให้เห็น ทำให้ทุกๆพื้นที่ของกิติพานิช เสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์บันทึกความทรงจำของชาวเชียงใหม่ให้ระลึกถึงอดีต ขณะเดียวกันก็ได้ดื่มด่ำความงดงามที่ยังดำเนินอยู่ ณ ปัจจุบัน

**การประกาศรางวัลมิชลินไกด์ไทยแลนด์ 2021
กิติพานิช ก็เป็น 1 ใน 32 ร้านอาหารที่ได้รับสัญลักษณ์รับรอง 
‘มิชลิน เพลท’ เป็นครั้งแรก 
สำหรับ ‘มิชลิน เพลท’ มอบให้กับร้านอาหารคุณภาพดีที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ และปรุงอย่างพิถีพิถัน ซึ่งมิชลินไกด์ มองว่ากิติพานิช สามารถนำเสนออาหารสไตล์ล้านนาดั้งเดิมในบรรยากาศเปี่ยมมนต์เสน่ห์ของอดีตกาล และผนวกความร่วมสมัยได้อย่างมีชีวิตชีวา

You May Also Like