การกลับมาของโรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์

เส้นทางพลิกฟื้นมรดกศิลป์สู่ไลฟ์สไตล์โฮเทล
เรื่อง : สุวิทย์ วงศ์รุจิราวาณิชย์

อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของธุรกิจโรงแรมไทยเกิดขึ้นเมื่อวันวาเลนไทน์ปี 2510 (ค.ศ.1967) เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ มาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดโรงแรมมณเฑียรบนถนนสุรวงศ์ และนับแต่นั้นมาตลอดหลายทศวรรษ โรงแรมมณเฑียรก็สร้างชื่อเป็นโรงแรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ด้วยเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและเสน่ห์การตกแต่งที่สะท้อนศิลปะไทย จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักธุรกิจนานาชาติ ดาราฮอลลีวู้ด และนักท่องเที่ยวชั้นนำที่ตั้งใจเดินทางมาเข้าพัก 

นอกจากนี้ โรงแรมมณเฑียรยังเคยเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของลูกค้าชาวไทยที่ชื่นชอบละครเวทีของโรงละครมณเฑียรทอง โดยเฉพาะละครเรื่อง ‘ฉันผู้ชายนะยะ’ (นำแสดงโดย ดร.เสรี วงษ์มณฑา) ที่ทำให้ศิลปะละครเวทีก้าวกลับสู่ความนิยมอีกครั้ง รวมไปถึงการแสดงดนตรีสดจากศิลปินชื่อดังในยุคก่อน อาทิ เศรษฐา ศิระฉายา เรวัต พุทธินันท์ กับวง The Impossible (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น The Oriental Funk) อัสนี-วสันต์ โชติกุล กับวง Isn’t อัญชลี จงคดีกิจ ฯลฯ ที่ต่างก็ได้แจ้งเกิดจากเวทีของโรงแรมมณเฑียรนี้ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี ในโลกวันนี้ที่รสนิยมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป โรงแรมมณเฑียรในวัย 53 หาได้มีบรรยากาศครึกครื้นเหมือนเก่าก่อน ด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายสำคัญที่เป็นคนรุ่นใหม่วัยมิลเลนเนียลล้วนตามหาประสบการณ์ที่แตกต่าง ทำให้โรงแรมระดับไอคอนแห่งนี้ไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ ของพวกเขาอีกต่อไป  คุณมณเฑียร ตันตกิตติ์ (รองประธานบริหาร) และ คุณนุศรา โผนประเสริฐ (ตัวแทนเจ้าของโรงแรมมณเฑียร) ตัดสินใจนัดพบกับคุณแกรนท์ ฮีลลี่ และคุณจิ้ง – สุพิชญา รักปัญญา จากบริษัท Conduit House (ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มโรงแรม) เพื่อทาบทามให้มาร่วมพลิกโฉมโรงแรมมณเฑียรกลับสู่ความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

คุณแกรนท์ ฮีลลี่ ซีอีโอของ Conduit House กล่าวว่า “เมื่อเราได้มาสัมผัสถึงศักยภาพของโรงแรมมณเฑียร ทั้งเรื่องทำเลที่ตั้ง การบริการที่เป็นเลิศ รวมถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าต่างๆ  เราจึงเสนอคอนเซปท์ ‘Revival of the Original’ ให้กับครอบครัวตันตกิตติ์ ผู้เป็นเจ้าของโรงแรม ซึ่งแนวคิดนี้ของเราไม่ได้ครอบคลุมแค่การรีโนเวทห้องพักหรือพื้นที่ใช้สอยในโรงแรมให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกมิติใหม่ทางด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ ที่จะนำไปสู่การพลิกเอกลักษณ์ดั้งเดิมของโรงแรมให้กลับมามีสีสันแบบร่วมสมัยได้อีกครั้ง” 

และนี่คือเรื่องราวการเดินทางของโรงแรมมณเฑียรนับจากวันแรกสู่ความเป็นไลฟ์สไตล์โฮเทลในวันนี้ สานฝันโกวรรณ ช่างไม้ในพระราชสำนัก
คุณมณเฑียร ตันตกิตติ์ ย้อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นของคุณปู่ในปี 2504 (ค.ศ. 1961) ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ และหม่อมเจ้าจงกลนี วัฒนวงศ์ วางใจให้ “โกวรรณ” ผู้เป็นต้นตระกูลตันตกิตติ์ ร่วมรับผิดชอบดูแลการก่อสร้างพระตำหนักที่ประทับพระราชฐาน และในเวลาต่อมาโกวรรณก็ได้รับความไว้วางใจให้ซ่อมบำรุงพระตำหนักอื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงได้สร้างบ้านหลังใหม่ให้กับหม่อมเจ้าจงกลนี ซึ่งเมื่อท่านย้ายจากบ้านเก่าไปแล้ว ที่ดินนั้นก็ถูกทิ้งร้างลง ด้วยความที่โกวรรณเป็นช่างไม้ที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หม่อมเจ้าจงกลนีจึงมอบสิทธิการเช่าที่ดินผืนเดิมนี้ให้แก่โกวรรณ เพื่อให้โกวรรณได้สร้างเป็นโรงแรมตามความฝัน 

โดยสถาปนิกผู้ออกแบบและก่อสร้างโรงแรม คือ หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี ได้เสนอให้ตั้งชื่อโรงแรมแห่งนี้ว่า “มณเฑียร” ซึ่งแปลว่า “เรือนหลวง” เป็นนัยยะว่าที่พักแห่งนี้พร้อมจะต้อนรับแขกเหรื่ออย่างพิเศษสุด แต่ถึงแม้ชื่อจะฟังสูงส่งดุจราชวัง โรงแรมมณเฑียรกลับทำให้แขกเหรื่อรู้สึกถึงความอบอุ่น เป็นกันเอง และเข้าถึงง่าย สะท้อนถึงบุคลิกของโกวรรณผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีและมีใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอด ซึ่งนี่เองคือเสน่ห์ความพิเศษของโรงแรมมณเฑียร ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทีม Conduit House พัฒนาแนวคิด Revival of the Original ขึ้นมา เอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมและงานจิตรกรรม
โรงแรมมณเฑียรแบ่งโซนห้องพักออกเป็น 2 อาคารหลัก ได้แก่ อาคารทิศใต้ (South Wing) จำนวน 200 ห้อง เปิดให้บริการในปี 2510 (ค.ศ.1967) และอีก 10  ปีถัดมาถึงได้เปิดอาคารทิศเหนือ (North Wing) อีกจำนวน 300 ห้อง ตัวอาคารออกแบบโดยหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เป็นอาคารสไตล์โมเดิร์นที่มีฟาซาดเป็นแพทเทิร์นสวยงาม 

คุณจิ้ง -สุพิชญา รักปัญญา หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจและสร้างสรรค์ กล่าวว่า “ฟาซาดของอาคาร South Wing ถูกออกแบบให้เหมือนกับลำปล้องของต้นไผ่ ในขณะที่อาคาร North Wing ถูกออกแบบให้ตำแหน่งห้องพักและหน้าต่างสลับกันเป็นฟันปลาระหว่างชั้น ส่งผลให้ฟาซาดของโรงแรมมณเฑียรมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตามาก” นอกจากงานออกแบบอาคารแล้ว หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี ยังเป็นผู้ออกแบบตราสัญลักษณ์ของโรงแรมที่มีลายเส้นเป็นรูปปราสาทเพื่อสื่อถึงชื่อของโรงแรมนี้

นอกเหนือจากงานสถาปัตยกรรมระดับไอคอนิกแล้ว ในส่วนของงานตกแต่งภายใน โรงแรมมณเฑียรยังสร้างความประทับใจให้แขกเหรื่อและนักสะสมงานศิลปะด้วยผลงานภาพจิตรกรรมของศิลปิน ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ หนึ่งในศิษย์เอกของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่สืบสานงานด้านจิตรกรรมฝาผนังอันเป็นวิจิตรศิลป์สำคัญของไทย

โดยผลงานของอาจารย์ไพบูลย์ภายในโรงแรมมณเฑียรนั้นมีทั้งหมด 5 ภาพ ภาพที่หนึ่งติดตั้งภายในห้องล็อบบี้  สองภาพในห้องมณเฑียรทิพย์ (Red Room) และอีกสองภาพในห้อง Imperial Suite สองห้อง (ห้องละหนึ่งภาพ) โดยเนื้อหาหลักในภาพจิตรกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องราวของเหล่าเทพเทวดาที่สถิตในปราสาทตามความหมายของชื่อ “มณเฑียร” ตลอดจนภาพของกระบวนพยุหยาตราชลมารคที่มีลายเส้นงดงาม มีสัตว์จากป่าหิมพานต์เข้ามาเสริมเสน่ห์เพื่อให้ภาพจิตรกรรมมีเอกลักษณ์เฉพาะ และมีสีสันที่แตกต่างจากภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่เราพบเห็นทั่วไป พลิกฟื้นมรดกศิลป์สู่ไลฟ์สไตล์โฮเทล
คุณแกรนท์ ฮีลลี่ กล่าวว่า “ในเชิงสถาปัตยกรรมโรงแรมมณเฑียรมีงานฟาซาดที่ทรงเอกลักษณ์ ทั้งยังมีจุดเด่นด้านงานบริการเป็นที่เล่าขานมาหลายทศวรรษ ด้วยเหตุนี้การค้นหาเรื่องราวในอดีตของโรงแรมมณเฑียร จึงเป็นงานหลักที่ทีมงานให้ความสำคัญอย่างยิ่งตลอดกระบวนการพัฒนาแนวคิด Revival of the Original ไม่ว่าจะเป็น การศึกษาข้อมูลจากวารสาร Grand Opening H.M. Queen ที่มีอายุกว่า 53 ปีของโรงแรม ทำให้ทราบถึงแนวคิดการออกแบบ รูปแบบห้องพัก และการวางรากฐานงานบริการอันเป็นจุดเด่นของโรงแรม 

นอกจากนั้นเรายังมีภาพถ่าย ภาพสไลด์ และภาพโฆษณาจากนิตยสารทั้งหัวไทยและหัวนอกอีกมากมายที่เก็บบันทึกเรื่องราวของโรงแรมไว้ รวมถึงการพูดคุยสอบถามข้อมูลจากพนักงานที่อยู่คู่โรงแรมมากว่า 50 ปี” ทั้งหมดนี้คือข้อมูลสำคัญในการทำความเข้าใจอัตลักษณ์ที่แท้จริงของโรงแรมมณเฑียร ความเป็นแหล่งนัดพบของนักธุรกิจนานาชาติ ความเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของคนไทยในยุค ’70 และ ’80 รวมถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามกาลเวลา
สำหรับงานตกแต่งพื้นที่ภายในอาคาร ทีมงานมอบหมายงานให้กับบริษัท P49 Deesign & Associates ทำการปรับปรุงห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางให้มีความร่วมสมัย สอดรับกับเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงอนุรักษ์โครงสร้างสถาปัตยกรรมหลายส่วนที่ถือเป็นไอคอนแห่งยุคสมัยเอาไว้ อาทิ บันไดเวียนหินอ่อนกับราวบันไดทองเหลืองที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมในโถงต้อนรับ นอกจากนี้ห้องพัก Imperial Suite จำนวน 2 ห้องที่มีภาพจิตรกรรมอันงดงามของอาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ ก็ได้ถูกชุบชีวิตใหม่ขึ้นเป็นห้องรับรองแขก และห้องประชุมส่วนกลาง เพื่อให้ผู้ใช้บริการสัมผัสถึงความงามของงานจิตรกรรมอย่างทั่วถึง

คุณแกรนท์ ฮีลลี่ กล่าวว่า “ครั้งนี้ถือเป็นการปรับปรุงโรงแรมที่เป็นไปแบบออร์แกนิกมาก คือเราแก้ไขแบบโดยตลอด เช่นเราได้พบว่าเนื้อในของฝาปะกนบริเวณทางเดินที่ถูกทาสีทับไว้ จริงๆ แล้วเป็นไม้สักคุณภาพเยี่ยม เราก็ตัดสินใจขัดสีออกเพื่อโชว์ลายไม้ที่สวยงาม ทุกครั้งที่เราค้นพบวัสดุเดิมที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นฝาปะกน ราวจับทองเหลือง งานแกะสลักไม้บนกรอบประตู ฯลฯ เราจะพยายามเก็บรักษามันไว้ให้มากที่สุด โดยพยายามนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมและรสนิยมสมัยใหม่ เพราะนี่คือการทำงานภายใต้แนวคิด The Revival of the Original”

นอกจากนี้ คุณจิ้ง – สุพิชญา รักปัญญา ยังได้นำแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของโกวรรณไปใช้ในการรีโนเวทอาคารจงกลนี อาคาร 8 ชั้นที่อยู่ติดกันกับโรงแรมมณเฑียรให้กลายเป็นโรงแรมและที่พักแนวเทรนดี้ สนุกสนาน ราคาย่อมเยา โดยการตกแต่งภายในเน้นการนำมาใช้ใหม่ (Reuse) อาทิ นำงานเฟอร์นิเจอร์เก่าและวัสดุที่ยังคงสภาพดีจากโรงแรมมณเฑียรมาปรับใช้

“แม้ว่าการปรับปรุงซ่อมแซมของเก่าพวกนี้จะมีราคาแพงกว่าการซื้อของใหม่ แต่เมื่อมองในระยะยาวแล้ว คุณภาพ ความคงทน และรายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์เก่ามีเรื่องราวที่ทรงคุณค่ามากกว่า” คุณจิ้งกล่าว ทั้งนี้พื้นที่ใช้สอยในห้องพักส่วนนี้จะมีขนาดเล็กกว่าในส่วนของโรงแรมมณเฑียร แต่จะให้อารมณ์เหมือนบ้านที่อบอุ่น ทีมงานเลือกใช้โทนสีพาสเทลเป็นโทนสีหลักตามคำแนะนำของ คุณบุญเนตร ตันตกิตติ์ ประธานกรรมการโรงแรมฯ ที่ให้คำแนะนำว่าสีพาสเทลจะช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่กับบ้าน ตราสัญลักษณ์และงานกราฟิก
ในส่วนของการปรับภาพลักษณ์ของโรงแรม ทีมงานได้ร่วมงานกับ Bing Bing Deng จาก Bing Design ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์และกราฟิกที่มีประสบการณ์ทำงานกับแบรนด์ระดับโลก ซึ่งหลังจากทำเวิร์คช็อปกันอย่างเข้มข้น ทีมงานตัดสินใจนำภาพสัตว์หิมพานต์ที่ปรากฏในภาพจิตรกรรมฝาผนังของอาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ มาต่อยอดเป็นงานกราฟิกและข้าวของเครื่องใช้ภายในโรงแรม เช่น งานตกแต่งฝาผนังในห้องพัก คีย์การ์ด ป้ายแขวนประตู ชุดของใช้ในห้องน้ำ สินค้าที่ระลึก บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ เพื่อส่งต่อมรดกศิลป์อันทรงคุณค่าจากอดีตสู่ปัจจุบัน เป็นการตอกย้ำคุณค่าของงานจิตรกรรมฝาผนังที่สามารถพลิกรูปแบบการใช้งานให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมเชิญช่างภาพ พิชาญ สุจริตสาธิต เข้ามาบันทึกภาพสัตว์หิมพานต์ในงานจิตกรรมฝาผนังของอาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ เพื่อให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูง สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายตามวัตถุประสงค์ 

สานต่อบริการชั้นเลิศสู่อนาคต
คุณนุศรา โผนประเสริฐ กล่าวว่า “เราเชิญพนักงานกว่า 50 ท่านที่อยู่คู่กับโรงแรมมาไม่ต่ำกว่า 20 – 30 ปีให้มาเป็น Ambassador ตามหน้าที่ที่รับผิดชอบเฉพาะด้าน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการทำงานบริการของโรงแรมมณเฑียรในอดีตให้กับพนักงานรุ่นใหม่” ถือเป็นการแบ่งปันประสบการณ์การทำงานระหว่างเจเนอเรชั่น เพื่อหาจุดร่วมในการสร้างสรรค์งานบริการที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมและตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ได้สูงสุด

นี่คือหนึ่งเรื่องราวการพลิกฟื้นมรดกและต่อยอดลมหายใจใหม่ให้กับโรงแรมมณเฑียรบนถนนสุรวงศ์ ที่เริ่มต้นจากแนวคิดเชิงอนุรักษ์ การให้คุณค่ากับการศึกษาประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ นำไปสู่การสร้างสรรค์อัตลักษณ์อันโดดเด่นผ่านงานออกแบบในทุกมิติ สามารถผสานมรดกศิลป์ทรงคุณค่าสู่ประสบการณ์ร่วมสมัย สอดรับกับเทรนด์การท่องเที่ยวของนักเดินทางยุคใหม่ที่ชื่นชอบที่โรงแรมที่มีเรื่องเล่าเฉพาะตัวมากกว่าโรงแรมเครือระดับโลกทั่วไป

นี่คือการกลับมาของโรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ ไลฟ์สไตล์โฮเทลที่ผสานมรดกศิลป์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งกำลังจะเปิดประตูต้อนรับทุกคนอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2563 ติดตามเรื่องราวแนวคิด Revival of the Original และไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ จากโรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ ได้ทางเฟซบุ๊ค: Montien Hotel Surawong Bangkok อินสตาแกรม: montiensurawongbangkok  และเว็บไซต์ www.montienbangkok.com

You May Also Like