ย้อนเวลากลับไปกว่า 300 ปีที่แล้ว …
กลุ่มชาวเวียดนามจำนวน 130 ชีวิต หนีภัยสงครามและการเบียดเบียนเรื่องศาสนาจากแผ่นดินเกิดในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ล่องเรือมาทางแหลมสิงห์ เพื่อมาตั้งรกรากยังดินแดนใหม่ และการอพยพครั้งนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดชุมชนคาทอลิกที่มีความสำคัญคู่เมืองจันทบุรีสืบมาจนปัจจุบัน
บาทหลวงเปโตรอานุภาพ วงษ์แก้ว หรือคุณพ่อเปา เริ่มต้นเล่าประวัติศาสตร์สำคัญอย่างเป็นกันเองด้วยน้ำเสียงอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความสุข เมื่อได้ย้อนความทรงจำกลับไปจุดเริ่มของชุมชนความเชื่อชาวคาทอลิก “การสร้างโบสถ์หลังแรก เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1711 ต่อมาก็ได้มีการสร้างโบสถ์เรื่อยมาเพื่อทดแทนโบสถ์หลังเก่าที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา หรือคับแคบ จนกระทั่งการสร้างโบสถ์หลังที่ 5 ที่คุณเห็นในปัจจุบัน ก็คือ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” วิหารอันเป็นศูนย์กลางความศรัทธาของชุมชน ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1909 งดงามอลังการด้วยสไตล์สถาปัตยกรรมโกธิค เสาจากไม้สักทอง พื้นทำจากกระเบื้องโบราณ มีหอระฆัง หอนาฬิกา กระจกสีภาพนักบุญ ที่ล้วนวิจิตรตระการตา บ่งบอกถึงความเชื่อและความศรัทธาอันเปี่ยมล้น
“หลังคาโดมแบบโกธิคนั้น สร้างยอดสูงเพื่อเป็นการสรรเสริญพระเจ้า” คุณพ่อเปาบอก แต่ในช่วงสงครามอินโดจีน หลังคาสูงถูกถอดออกไปเพื่อป้องกันการเป็นเป้าหมายโจมตี เป็นอย่างนั้นมาเนิ่นนานนับทศวรรษ จนกระทั่งในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ศตวรรษ ในปี 2009 จึงมีการบูรณะครั้งใหญ่ พร้อมทั้งได้ทำการยกยอดโดมทั้งสองข้างขึ้นมาอีกครั้ง “เนื่องจากเรามีพระนางมารีอาเป็นองค์อุปถัมภ์ ในปีที่บูรณะครบรอบร้อยปี ชาวจันทบุรียังร่วมสร้างแม่พระประดับพลอย ใช้พลอยประมาณสองแสนเม็ด เพื่อเทิดพระเกียรติ” ซึ่งในปีเดียวกันก็ได้สร้างอนุสาวรีย์พระนางมารีอาประดิษฐานไว้ด้านหน้า
กลุ่มชาวเวียดนามจำนวน 130 ชีวิต หนีภัยสงครามและการเบียดเบียนเรื่องศาสนาจากแผ่นดินเกิดในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ล่องเรือมาทางแหลมสิงห์ เพื่อมาตั้งรกรากยังดินแดนใหม่ และการอพยพครั้งนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดชุมชนคาทอลิกที่มีความสำคัญคู่เมืองจันทบุรีสืบมาจนปัจจุบัน
บาทหลวงเปโตรอานุภาพ วงษ์แก้ว หรือคุณพ่อเปา เริ่มต้นเล่าประวัติศาสตร์สำคัญอย่างเป็นกันเองด้วยน้ำเสียงอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความสุข เมื่อได้ย้อนความทรงจำกลับไปจุดเริ่มของชุมชนความเชื่อชาวคาทอลิก “การสร้างโบสถ์หลังแรก เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1711 ต่อมาก็ได้มีการสร้างโบสถ์เรื่อยมาเพื่อทดแทนโบสถ์หลังเก่าที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา หรือคับแคบ จนกระทั่งการสร้างโบสถ์หลังที่ 5 ที่คุณเห็นในปัจจุบัน ก็คือ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” วิหารอันเป็นศูนย์กลางความศรัทธาของชุมชน ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1909 งดงามอลังการด้วยสไตล์สถาปัตยกรรมโกธิค เสาจากไม้สักทอง พื้นทำจากกระเบื้องโบราณ มีหอระฆัง หอนาฬิกา กระจกสีภาพนักบุญ ที่ล้วนวิจิตรตระการตา บ่งบอกถึงความเชื่อและความศรัทธาอันเปี่ยมล้น
“หลังคาโดมแบบโกธิคนั้น สร้างยอดสูงเพื่อเป็นการสรรเสริญพระเจ้า” คุณพ่อเปาบอก แต่ในช่วงสงครามอินโดจีน หลังคาสูงถูกถอดออกไปเพื่อป้องกันการเป็นเป้าหมายโจมตี เป็นอย่างนั้นมาเนิ่นนานนับทศวรรษ จนกระทั่งในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ศตวรรษ ในปี 2009 จึงมีการบูรณะครั้งใหญ่ พร้อมทั้งได้ทำการยกยอดโดมทั้งสองข้างขึ้นมาอีกครั้ง
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เป็นโบสถ์อยู่กลางชุมชน เป็นจุดศูนย์กลางความศรัทธาและเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เปิดให้เข้าชมได้ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ซึมซับความยิ่งใหญ่ แต่ขณะเดียวกัน สถานที่แห่งนี้ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรัก “โบสถ์ใช้ประกอบพิธีแต่งงาน … คุณรู้ไหมว่า ที่นี่เป็นสถานที่อันใฝ่ฝันของคู่รักชาวคาทอลิกเลยนะครับ”
คุณพ่อเปา อธิบายเพิ่มเติมว่า ในยุคปัจจุบัน คู่รักไม่จำเป็นต้องเป็นคาทอลิกทั้งคู่ก็ได้ อาจเป็นคาทอลิกเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าต่างฝ่ายต่างถือ แต่การแต่งงานนั้นต้องเคารพกฎหมายของศาสนจักร คู่สมรสจึงต้องมาหาบาทหลวงอย่างน้อย 4 ครั้ง เพื่ออบรมความหมายของการแต่งงาน และรับคำแนะนำการใช้ชีวิตคู่
“การแต่งงานที่สมบูรณ์แบบของชาวคาทอลิก ต้องมีศาสนบริกร หรือพระสงฆ์ มีคู่สมรส พยานอย่างน้อยสองคน และการแต่งงานจัดขึ้นภายในโบสถ์” คุณพ่อกล่าวสรุป