เมฆเทาทะมึนตั้งเค้ามาพร้อมกับสายลมที่บ่งบอกถึงความชุ่มฉ่ำในอีกไม่นาน แต่ความครึ้มหม่นของสภาพอากาศช่วงเปลี่ยนฤดูกาลก็ไม่อาจลดทอนความงามของเรือนไทยโบราณสุดวิจิตร และบรรยากาศย้อนอดีตภายในอาณาบริเวณ “วิลล่า มูเซ่” (Villa Musée) สถานที่อันเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์เรียนรู้กลางแจ้ง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากความหลงใหลของการ “สะสม” ของ “คุณโอ๊ค-อรรถดา คอมันตร์” ผู้เป็นเจ้าของ
“วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่” เปรียบได้กับแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต อาคารสถาปัตยกรรมไทยทรงโบราณ ตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 4-5 ที่ปรากฏต่อสายตาซึ่งมีสภาพดูใหม่และสมบูรณ์นั้น เป็นอาคารเก่าดั้งเดิมทั้งเรือนไทยโบราณ เรือนปั้นหยา และอาคารชิโน-ยูโรเปียน ที่ได้ทำการชะลอ (เคลื่อนย้าย) มาจากทั่วประเทศ เพื่อมาอนุรักษ์ บูรณะให้คงสภาพดีและจัดแสดงเสริมด้วยเครื่องเรือน เครื่องประดับร่วมสมัยราวกับบ้านแต่ละหลังยังมีชีวิตไม่ต่างจากศตวรรษก่อน รูปแบบการจัดแสดงกำหนดให้เสมือนว่า เรือนหลังต่างๆ เหล่านี้ เป็นขุนนางสยามท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นชายหนุ่มโสด ผู้ได้รับการศึกษาจากโลกตะวันตก ในสมัยรัชกาลที่ 5 และกลับมารับราชการ ต่อเนื่องจนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 ดังนั้น การจัดวางเครื่องตกแต่งต่างๆ แม้กระทั่งโต๊ะทำงาน หรือห้องนั่งเล่น ก็เป็นดั่งว่า ขุนนางท่านนี้ยังคงใช้เรือนหลังนี้อาศัยอยู่ และผู้มาเยือนทุกท่านจึงเสมือนเป็นแขกของท่านเจ้าคุณเจ้าของบ้าน หมู่เรือนไทยที่โดดเด่น ในวิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่ ได้แก่
เรือนประเสนชิต
เรือนปั้นหยาไม้สักทองสีเขียวไข่กา เคลื่อนย้ายมาจากย่านสี่พระยา เรือนไทยสองชั้นตระหง่านเด่นที่เชื้อเชิญให้เข้าไปสัมผัสอดีตกว่าร้อยปีที่แล้ว ผ่านเครื่องเรือน ศาสตราวุธ และเอกสารโบราณ อาทิ ภาพพิมพ์หินพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ภาพเหตุการณ์สำคัญจากหนังสือพิมพ์หัวฝรั่งเศส “Le Petit Journal” ต้นฉบับจริง ที่มีการประโคมข่าวกรณีพิพาท สยาม-ฝรั่งเศส จนนำไปสู่วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ซึ่งนับเป็นการเสียดินแดนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสยามประเทศ ประดับสอดรับกับชุดรับแขกไม้มะค่าปุ่มชุดงาม โคมไฟแก้วเจียระไน ชุดน้ำชาจากยุโรป เป็นต้น เรือนไม้หลังนี้ ยังได้รับพระราชทานรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2558 โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมป์ จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรือนอนุรักษ์โกษา
ภาพงานเลี้ยงรับรองบุคคลสำคัญอย่างธรรมเนียมสากลที่ปรากฏอยู่ในภาพถ่ายเก่าสมัยปลายรัชกาลที่ 5 ถึงต้นรัชกาลที่ 6 จะได้รับการแต่งแต้มให้มีสีสันขึ้นอีกครั้ง สำหรับผู้มาเยือน “เรือนอนุรักษ์โกษา” ด้วยลักษณะอาคารที่ปลูกสร้างใหม่ นำประตู หน้าต่าง ประดับกระจกสีสมัยศตวรรษที่ 19 จากประเทศเมียนมา และอินเดียมาตกแต่ง พร้อมบันไดวนเหล็กหล่อลายวิจิตรอายุกว่าร้อยปี ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพถ่ายอาคาร บ้านและตึก ที่ยังหลงเหลือในปัจจุบัน นอกเหนือจากความตั้งใจในการรังสรรค์ให้เรือนอนุรักษ์โกษาเป็นเรือนแบบชิโน-ยูโรเปียนที่นับวันจะถูกเมืองใหญ่กลืนกินไปตามกาลเวลา การตกแต่งภายในใช้เฟอร์นิเจอร์โบราณ ทั้งไม้ชิงชัน ชุดมุก ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่นิยมใช้กันในบ้านขุนนาง คหบดีชาวพารานากัน แวะจิบเครื่องดื่มเคล้าเสียงดนตรี และบรรยากาศการตกแต่งที่ทำให้บาร์ 1885 อบอวลไปด้วยสีสันของอดีต เมื่อครั้งชาวตะวันตกเข้ามาในดินแดนแถบนี้ เรือนศรีสุนทร
สถาปัตยกรรมไทย – มอญ ของเรือนทรงไทยผสมปั้นหยาอายุกว่าร้อยปีจากราชบุรี ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมจำลองวิถีชีวิตในอดีต อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและความภาคภูมิใจ ของชาวสยาม อาทิ ตู้พระไตรปิฎกลายรดน้ำ ภาพพระบฏและเครื่องเรือนยุคต้นรัตนโกสินทร์ ธรรมาสน์ศิลปะเมียนมา เครื่องกระเบื้องลายคราม สะท้อนวิถีชีวิตของคหบดีสยามในยุคนั้นได้อย่างดี เรือนราชพงศา
เรือนไม้ริมน้ำที่ให้บรรยากาศความงามของบ้านเก่ากับธรรมชาติราวฉากละครย้อนยุค สถาปัตยกรรมผสมผสานทรงปั้นหยาจากย่านชุมชนหลังวัดอนงคาราม สมัยรัชกาลที่ 4 อายุกว่า 160 ปี นาม “เรือนราชพงศา” ครองตำแหน่งเรือนอาวุโสสูงสุดในวิลล่า มูเซ่แห่งนี้ พบกับพื้นกระดานไม้สักแผ่นใหญ่ อวดโฉมลายไม้ที่ผ่านการใช้งานมากว่าศตวรรษ ทอดยาวไปจรดศาลาท่าน้ำหลังงาม เมื่อผ่านเข้าไปสู่ภายในเรือน พบกับชุดเครื่องเรือนไม้แกะสลักประดับมุกอย่างประณีต ลวดลายกระบวนมงคลจีน บนเตียงไม้แกะสลักขนาดใหญ่ คู่กับหีบไม้ลายรดน้ำ ลวดลายแกะสลักอย่างไทย บนพรมเปอร์เซียทอมือผืนใหญ่กลางเรือน ตู้หนังสือโบราณ พร้อมหนังสือเก่าร่วมสมัยนานาชนิดจัดวางเป็นสง่า เคียงคู่ภาพวาดลายเส้นเครื่องมงคลราชบรรณาการ ที่ทางสยามส่งไปเจริญสัมพันธไมตรียังราชสำนักอังกฤษ สมัยพระนางเจ้าวิกตอเรีย เรือนสิงหฬสาคร
เรือนไทยแฝดฝา ลายปะกนจากจังหวัดสุพรรณบุรี ตัวแทนสถาปัตยกรรมแบบเรือนแพ ที่ปรุงเรือนขึ้นอีกครั้งพร้อมการอนุรักษ์ จัดแต่งสภาพแวดล้อมให้ให้สอดคล้องกับประวัติเดิมของเรือน ภายในเรือนยังได้รับการออกแบบ ประยุกต์ภูมิปัญญา จากอดีตเข้ากันกับนวัตกรรมสมัยใหม่ ด้วยการยกหลังคาสูงเพิ่มพื้นที่ และความรู้สึกโล่งสบาย เข้ากันกับตัวเรือนที่สอบเข้าหากัน ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้สักโบราณ ทว่าให้ความรู้สึกนุ่มนวลด้วยลวดลายแกะสลักอ่อนช้อย ภายในเรือนแบ่งการใช้งานออกเป็นสัดส่วน ทั้งส่วนรับแขกที่ตกแต่งด้วยเครื่องลายคราม งานไม้แกะสลัก บนพรมทอมือซึ่งของทุกชิ้นล้วนเป็นงานฝีมือที่ผลิตอย่างตั้งใจ ทำให้เรือนหลังนี้กลายเป็นสวรรค์บนพื้นที่เล็กๆ เหมาะสำหรับบุคคลพิเศษที่ต้องการใช้วันพักผ่อนเรียนรู้วิถีไทย เรือนสัตยาธิปตัย
เรือนไทยภาคกลางสองชั้นที่ภายนอกสะดุดสายตาเหมือนฉากละครที่คุ้นชิน เป็นการประยุกต์เรือนไทยหมู่ภาคกลางสีแดงชาด สถาปัตยกรรมไทยจากย่านฝั่งธนบุรีที่สืบทอดศิลปะการปรุงเรือนมาแต่ครั้งแผ่นดินอยุธยา ได้รับการดัดแปลงเป็นหมู่ห้องพักซึ่งนำพาเส้นเวลาแห่งอดีตและปัจจุบันมาบรรจบกันอย่างไม่เคอะเขิน ความโอ่อ่าแห่งอดีต และรสนิยมร่วมสมัยสอดรับกันอย่างกลมกลืนในทุกซอกทุกมุม เมื่อมองจากภายนอกจะเห็นหมู่เรือนไทยที่ตั้งตระหง่าน มีสระน้ำเกลือร่วมสมัยขนาดพอเหมาะที่เคียงคู่ศาลาเก๋งญวณ ชุดรับแขกไม้ประดับหินอ่อนที่ วิลล่า มูเซ่ จัดไว้บริการสำหรับแขกพิเศษ เมื่อเข้าสู่ภายในจะพบกับห้องพักที่ประดับตกแต่งหลากวัฒนธรรมตามการบันทึกของนักเดินเรือชาวตะวันตก พ่อค้าวาณิช และศิลปินช่างถ่ายภาพที่เดินทางจากทั่วทุกสารทิศ เสมือนว่าได้ซ่อนโลกอีกใบไว้เพียงหลังบานประตู โดยหมู่ห้องพักนั้นจัดเป็น 2 ชุด ตั้งตามชื่อบุคคลสำคัญในวงการถ่ายภาพยุคแรกของสยามประเทศ และจุดหมายปลายทางสำคัญของนักเดินทางในแถบทะเลจีนใต้อีกชุดหนึ่ง รศ. ๑๑๑ คาเฟ่
คาเฟ่ร่วมสมัย ที่นำคุณเข้าสู่บรรยากาศคล้ายภัตตาคารจีนย้อนยุค ตกแต่งภายในใช้เฟอร์นิเจอร์โบราณ ทั้งไม้ชิงชัน ชุดมุก ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่นิยมใช้กันในบ้านขุนนาง คหบดีชาวพารานากัน เปิดให้บริการติ่มซำสำหรับมื้อกลางวันและอาหารเย็นที่คัดสรรมาเป็นพิเศษในสไตล์เอเชียตะวันออก หลากหลายเมนูที่ตั้งชื่อได้อย่างน่าตื่นเต้น อิงมาจากนวนิยายจีนกำลังภายใน อาทิ บัลลังก์มังกร -พุดดิ้งเสิร์ฟพร้อมพุทธาจีน แปะก๊วย รากบัว ลำไย และน้ำเชื่อมหอมหวาน, ชมสวนดอกท้อ- น้ำแข็งไสแตงโมสด, ติ่มซำชุดฮ่องเต้ หรือชุดฮองเฮา เป็นต้น ติดต่อเข้าชมบ้านล่วงหน้า โทร. 06 3225 1555
Facebook : facebook.com/villamuseekhaoyai
เปิดให้เข้าชมเฉพาะศุกร์ – อาทิตย์ ในบรรยากาศส่วนตัว วันละ 4 รอบ คือ 9.00 น., 11.00 น. , 14.00 น. และ 16.00 น. จำกัดผู้เข้าชมรอบละ 8 ท่าน โดยมีผู้นำชมคอยบอกเล่าเรื่องราว และอนุญาตให้ถ่ายภาพได้
วิลล่า มูเซ่ 111 หมู่ 2 ถนนธนะรัชต์ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
“วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่” เปรียบได้กับแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต อาคารสถาปัตยกรรมไทยทรงโบราณ ตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 4-5 ที่ปรากฏต่อสายตาซึ่งมีสภาพดูใหม่และสมบูรณ์นั้น เป็นอาคารเก่าดั้งเดิมทั้งเรือนไทยโบราณ เรือนปั้นหยา และอาคารชิโน-ยูโรเปียน ที่ได้ทำการชะลอ (เคลื่อนย้าย) มาจากทั่วประเทศ เพื่อมาอนุรักษ์ บูรณะให้คงสภาพดีและจัดแสดงเสริมด้วยเครื่องเรือน เครื่องประดับร่วมสมัยราวกับบ้านแต่ละหลังยังมีชีวิตไม่ต่างจากศตวรรษก่อน
เรือนประเสนชิต
เรือนปั้นหยาไม้สักทองสีเขียวไข่กา เคลื่อนย้ายมาจากย่านสี่พระยา เรือนไทยสองชั้นตระหง่านเด่นที่เชื้อเชิญให้เข้าไปสัมผัสอดีตกว่าร้อยปีที่แล้ว ผ่านเครื่องเรือน ศาสตราวุธ และเอกสารโบราณ อาทิ ภาพพิมพ์หินพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ภาพเหตุการณ์สำคัญจากหนังสือพิมพ์หัวฝรั่งเศส “Le Petit Journal” ต้นฉบับจริง ที่มีการประโคมข่าวกรณีพิพาท สยาม-ฝรั่งเศส จนนำไปสู่วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ซึ่งนับเป็นการเสียดินแดนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสยามประเทศ ประดับสอดรับกับชุดรับแขกไม้มะค่าปุ่มชุดงาม โคมไฟแก้วเจียระไน ชุดน้ำชาจากยุโรป เป็นต้น
ภาพงานเลี้ยงรับรองบุคคลสำคัญอย่างธรรมเนียมสากลที่ปรากฏอยู่ในภาพถ่ายเก่าสมัยปลายรัชกาลที่ 5 ถึงต้นรัชกาลที่ 6 จะได้รับการแต่งแต้มให้มีสีสันขึ้นอีกครั้ง สำหรับผู้มาเยือน “เรือนอนุรักษ์โกษา” ด้วยลักษณะอาคารที่ปลูกสร้างใหม่ นำประตู หน้าต่าง ประดับกระจกสีสมัยศตวรรษที่ 19 จากประเทศเมียนมา และอินเดียมาตกแต่ง พร้อมบันไดวนเหล็กหล่อลายวิจิตรอายุกว่าร้อยปี ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพถ่ายอาคาร บ้านและตึก ที่ยังหลงเหลือในปัจจุบัน
สถาปัตยกรรมไทย – มอญ ของเรือนทรงไทยผสมปั้นหยาอายุกว่าร้อยปีจากราชบุรี ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมจำลองวิถีชีวิตในอดีต อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและความภาคภูมิใจ ของชาวสยาม อาทิ ตู้พระไตรปิฎกลายรดน้ำ ภาพพระบฏและเครื่องเรือนยุคต้นรัตนโกสินทร์ ธรรมาสน์ศิลปะเมียนมา เครื่องกระเบื้องลายคราม สะท้อนวิถีชีวิตของคหบดีสยามในยุคนั้นได้อย่างดี
เรือนไม้ริมน้ำที่ให้บรรยากาศความงามของบ้านเก่ากับธรรมชาติราวฉากละครย้อนยุค สถาปัตยกรรมผสมผสานทรงปั้นหยาจากย่านชุมชนหลังวัดอนงคาราม สมัยรัชกาลที่ 4 อายุกว่า 160 ปี นาม “เรือนราชพงศา” ครองตำแหน่งเรือนอาวุโสสูงสุดในวิลล่า มูเซ่แห่งนี้ พบกับพื้นกระดานไม้สักแผ่นใหญ่ อวดโฉมลายไม้ที่ผ่านการใช้งานมากว่าศตวรรษ ทอดยาวไปจรดศาลาท่าน้ำหลังงาม เมื่อผ่านเข้าไปสู่ภายในเรือน พบกับชุดเครื่องเรือนไม้แกะสลักประดับมุกอย่างประณีต ลวดลายกระบวนมงคลจีน บนเตียงไม้แกะสลักขนาดใหญ่ คู่กับหีบไม้ลายรดน้ำ ลวดลายแกะสลักอย่างไทย บนพรมเปอร์เซียทอมือผืนใหญ่กลางเรือน ตู้หนังสือโบราณ พร้อมหนังสือเก่าร่วมสมัยนานาชนิดจัดวางเป็นสง่า เคียงคู่ภาพวาดลายเส้นเครื่องมงคลราชบรรณาการ ที่ทางสยามส่งไปเจริญสัมพันธไมตรียังราชสำนักอังกฤษ สมัยพระนางเจ้าวิกตอเรีย
เรือนไทยแฝดฝา ลายปะกนจากจังหวัดสุพรรณบุรี ตัวแทนสถาปัตยกรรมแบบเรือนแพ ที่ปรุงเรือนขึ้นอีกครั้งพร้อมการอนุรักษ์ จัดแต่งสภาพแวดล้อมให้ให้สอดคล้องกับประวัติเดิมของเรือน ภายในเรือนยังได้รับการออกแบบ ประยุกต์ภูมิปัญญา จากอดีตเข้ากันกับนวัตกรรมสมัยใหม่ ด้วยการยกหลังคาสูงเพิ่มพื้นที่ และความรู้สึกโล่งสบาย เข้ากันกับตัวเรือนที่สอบเข้าหากัน ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้สักโบราณ ทว่าให้ความรู้สึกนุ่มนวลด้วยลวดลายแกะสลักอ่อนช้อย ภายในเรือนแบ่งการใช้งานออกเป็นสัดส่วน ทั้งส่วนรับแขกที่ตกแต่งด้วยเครื่องลายคราม งานไม้แกะสลัก บนพรมทอมือซึ่งของทุกชิ้นล้วนเป็นงานฝีมือที่ผลิตอย่างตั้งใจ ทำให้เรือนหลังนี้กลายเป็นสวรรค์บนพื้นที่เล็กๆ เหมาะสำหรับบุคคลพิเศษที่ต้องการใช้วันพักผ่อนเรียนรู้วิถีไทย
เรือนไทยภาคกลางสองชั้นที่ภายนอกสะดุดสายตาเหมือนฉากละครที่คุ้นชิน เป็นการประยุกต์เรือนไทยหมู่ภาคกลางสีแดงชาด สถาปัตยกรรมไทยจากย่านฝั่งธนบุรีที่สืบทอดศิลปะการปรุงเรือนมาแต่ครั้งแผ่นดินอยุธยา ได้รับการดัดแปลงเป็นหมู่ห้องพักซึ่งนำพาเส้นเวลาแห่งอดีตและปัจจุบันมาบรรจบกันอย่างไม่เคอะเขิน ความโอ่อ่าแห่งอดีต และรสนิยมร่วมสมัยสอดรับกันอย่างกลมกลืนในทุกซอกทุกมุม
คาเฟ่ร่วมสมัย ที่นำคุณเข้าสู่บรรยากาศคล้ายภัตตาคารจีนย้อนยุค ตกแต่งภายในใช้เฟอร์นิเจอร์โบราณ ทั้งไม้ชิงชัน ชุดมุก ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่นิยมใช้กันในบ้านขุนนาง คหบดีชาวพารานากัน เปิดให้บริการติ่มซำสำหรับมื้อกลางวันและอาหารเย็นที่คัดสรรมาเป็นพิเศษในสไตล์เอเชียตะวันออก หลากหลายเมนูที่ตั้งชื่อได้อย่างน่าตื่นเต้น อิงมาจากนวนิยายจีนกำลังภายใน อาทิ บัลลังก์มังกร -พุดดิ้งเสิร์ฟพร้อมพุทธาจีน แปะก๊วย รากบัว ลำไย และน้ำเชื่อมหอมหวาน, ชมสวนดอกท้อ- น้ำแข็งไสแตงโมสด, ติ่มซำชุดฮ่องเต้ หรือชุดฮองเฮา เป็นต้น
Facebook : facebook.com/villamuseekhaoyai
เปิดให้เข้าชมเฉพาะศุกร์ – อาทิตย์ ในบรรยากาศส่วนตัว วันละ 4 รอบ คือ 9.00 น., 11.00 น. , 14.00 น. และ 16.00 น. จำกัดผู้เข้าชมรอบละ 8 ท่าน โดยมีผู้นำชมคอยบอกเล่าเรื่องราว และอนุญาตให้ถ่ายภาพได้
วิลล่า มูเซ่ 111 หมู่ 2 ถนนธนะรัชต์ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา