มนุษย์ต่างดาวมีจริงมั้ย? ไม่มีใครรู้คำตอบที่แน่นอน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาก็มีข่าวลือว่าเห็น UFO โผล่เหนือน่านฟ้าในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีพื้นที่ไหนบ้างที่คนท้องถิ่นว่ากันว่าเคยเห็น UFO มาเยือนแล้ว
1. Roswell, New Mexico, USA
ที่ฮือฮาที่สุดคงจะเป็นเหตุการณ์ในเดือนกรกฎาคม ปี 1947 ในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนองอย่างหนักใน เมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นจากวัตถุลึกลับลักษณะคล้ายจานบิน ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ จะอ้างว่าเป็นบอลลูนตรวจอากาศ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา UFO แห่งรอสเวลล์กลายเป็นไอค่อนประจำเมือง แถมยังมีเทศกาลยูเอฟโอรวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวด้วยการประกวดเครื่องแต่งกาย (สำหรับทั้งสัตว์เลี้ยงและมนุษย์) ขบวนพาเหรด ไปจนถึงการบรรยายทางวิชาการ พูดคุยถึงทฤษฎีต่าง ๆ ที่อาจเป็นไปได้ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าร่วม Alien Chase ระยะทาง 5 กิโลเมตร หรือ 10 กิโลเมตร ผ่านสวนสาธารณะของรอสเวลล์ได้ด้วย 2. Extraterrestrial Highway, Nevada, USA
Nevada State Route 375 ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า Extraterrestrial Highway เนื่องจากจำนวนรายงานการพบเห็นแสงแปลก ๆ ในท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่บ่อย ๆ ถนนสายหลักวิ่งผ่านทะเลทรายที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ติดกับ Area 51 และฐานทัพอากาศเนลลิส เลยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มาพร้อมประสบการณ์เหนือธรรมชาติ ความโล่งร้างว่างเปล่าของถนนสายนี้เป็นข้อดีที่ทำให้เห็นแสงบนท้องฟ้าได้ชัดเจนขึ้น เมื่อล่ายูเอฟโอกันจนเหน็ดเหนื่อย ก็มุ่งหน้าไปพักผ่อนกันที่โรงแรม Little A’Le’Inn ซึ่งตกแต่งในธีมเอเลี่ยน 3. Hoia Baciu Forest, Romania
ป่าแห่งนี้ให้ความรู้สึกลึกลับและวังเวงจนได้ชื่อว่าป่าผีสิง แต่ผีเกี่ยวอะไรกับ UFO ล่ะ? ความเชื่อมโยงของป่ากับการพบเห็น UFO ต้องย้อนกลับไปในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เมื่อนักชีววิทยาถ่ายภาพแสงที่ไม่สามารถอธิบายได้ในผืนป่าแห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นานก็มีช่างเทคนิคทหารคนหนึ่งถ่ายภาพลูกแก้วบินไว้ได้ และเรื่องราวลึกลับก็ยังมีให้ได้ยินกันตลอดไม่ว่าจะเป็นเด็กหายสาบสูญ เสียงลึกลับ และเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ 4. Nazca Lines, Peru
ว่ากันว่าลายเส้นสุดลึกลับบนที่ราบนาซกานี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอารยธรรมก่อนอินคา ลายเส้นแกะสลักขนาดใหญ่รูปแมงมุม นกฮัมมิงเบิร์ด ลิง และอื่น ๆ อีกมากมายไม่สามารถมองเห็นได้ในระดับพื้นดิน จึงมีการคาดคะเนกันว่ามนุษย์ยุคก่อนสร้างรูปภาพขนาดยักษ์ขึ้นมาเพื่อดึงดูด UFO หรือเปล่า? 5. Wycliff Well, Australia
เมืองเล็ก ๆ ในดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือใกล้กับ Alice Springs มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเมืองหลวงยูเอฟโอของออสเตรเลีย โดยอ้างว่ามีผู้คนพบเห็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1940 ทุกวันนี้ไม่ว่าจะร้านอาหาร บาร์ หรือโรงแรมไหนในเมืองก็มักจะมีภาพวาดมนุษย์ต่างดาวเป็นส่วนหนึ่ง 6. เขากะลา ประเทศไทย
มีรายงานวัตถุลึกลับบินผ่านท้องฟ้าทั่วไทยตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1300 แต่ครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นที่เขากะลา ใกล้กับ จ.นครสวรรค์ ในปี 2554 หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่ามีการพบเห็นเพิ่มขึ้น จนพระพุทธรูปบนเขากะลาได้กลายเป็นจุดรวมตัวของคนอยากเห็น UFO
7. Varginha, Brazil
ตั้งอยู่ในรัฐ Minas Gerais ของบราซิลที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสิ่งมีชีวิตนานาชนิด เช่น หมาป่าเคราขาว และลิงแมงมุม และอาจจะรวมถึงมนุษย์ต่างดาว (ด้วยหรือเปล่า?) ย้อนกลับไปในปี 1996 มีรายงานว่าชาวบ้านในแถบนี้ตื่นตระหนกไปกับซากมนุษย์ต่างดาวกลางทุ่ง และที่สำคัญยังมีข่าวลือเกี่ยวกับฐานทัพที่อยู่ใกล้ ๆ เมือง แพร่สะพัดไปทั่วว่ากองทัพบราซิลเกี่ยวข้องกับการสังหารมนุษย์ต่างดาว แต่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ก็คือ Varginha กลายเป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องราวนอกโลก และยังเป็นสถานที่นัดพบสำหรับการประชุมวิจัยยูเอฟโอระดับประเทศ และพวกเขายังสร้าง Nave Espacial de Varginha ซึ่งเป็นหอเก็บน้ำรูปจานบินขนาดใหญ่ไว้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองด้วย 8. Emilcin, Poland
ห่างออกไปประมาณ 25 ไมล์นอกเมือง Lublin หมู่บ้าน Emilcin มีเหตุการณ์ผิดปกติในเดือนพฤษภาคมปี 1978 เกิดขึ้นกับ Jan Wolski ซึ่งเป็นคนในท้องถิ่นอายุ 70 ปี ที่ป้างว่าโดนมนุษย์ต่างดาวจับไปตรวจร่างกายบน UFO จนเรื่องราวนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์และหนังสือการ์ตูนในเวลาต่อมา และชาวบ้านคนอื่น ๆ เช่นกันว่าเห็นยานบางอย่างบินอยู่บนท้องฟ้า เรื่องราวดังกล่าวนี้เป็นความจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ในเมืองได้สร้างอนุสาวรีย์แห่งประสบการณ์ของ Wolski เอาไว้ในปี 2005 พร้อมประโยคที่กล่าวว่า “ความจริงจะยังคงทำให้เราประหลาดใจ”
9. Stonehenge, UK
สโตนเฮนจ์เป็นหนึ่งในความลึกลับทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ของสหราชอาณาจักร นักโบราณคดีคาดว่ากองหินนี้มีมาตั้งแต่ประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตศักราช แถมก้อนหินยักษ์เหล่านี้ถูกจับเรียงไว้ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับดวงดาว จนกลายเป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าออกแบบมาเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ และบ้างก็ว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว 10. Bermuda Triangle, Atlantic Ocean
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นสถานที่หนึ่งที่ลือกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว ผืนน้ำที่กว้างใหญ่นี้ทอดยาวจากปลายฟลอริดาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงเบอร์มิวดาและจรดเปอร์โตริโก พบว่ามีเรือและเครื่องบินหลายลำหายไปอย่างลึกลับโดยไม่ทราบสาเหตุในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยเชื่อว่าการหายตัวไปเหล่านี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของมนุษย์เอง หรืออาจจะเป็นเพราะเครื่องมือต่าง ๆ ทำงานบกพร่อง ไม่ก็เป็นเพราะพายุรุนแรง แต่อาถรรพ์ที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้หลายต่อหลายครั้งก็ชวนให้จินตนาการของผู้คนโลดแล่น
1. Roswell, New Mexico, USA
ที่ฮือฮาที่สุดคงจะเป็นเหตุการณ์ในเดือนกรกฎาคม ปี 1947 ในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนองอย่างหนักใน เมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นจากวัตถุลึกลับลักษณะคล้ายจานบิน ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ จะอ้างว่าเป็นบอลลูนตรวจอากาศ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา UFO แห่งรอสเวลล์กลายเป็นไอค่อนประจำเมือง แถมยังมีเทศกาลยูเอฟโอรวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวด้วยการประกวดเครื่องแต่งกาย (สำหรับทั้งสัตว์เลี้ยงและมนุษย์) ขบวนพาเหรด ไปจนถึงการบรรยายทางวิชาการ พูดคุยถึงทฤษฎีต่าง ๆ ที่อาจเป็นไปได้ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าร่วม Alien Chase ระยะทาง 5 กิโลเมตร หรือ 10 กิโลเมตร ผ่านสวนสาธารณะของรอสเวลล์ได้ด้วย
Nevada State Route 375 ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า Extraterrestrial Highway เนื่องจากจำนวนรายงานการพบเห็นแสงแปลก ๆ ในท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่บ่อย ๆ ถนนสายหลักวิ่งผ่านทะเลทรายที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ติดกับ Area 51 และฐานทัพอากาศเนลลิส เลยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มาพร้อมประสบการณ์เหนือธรรมชาติ ความโล่งร้างว่างเปล่าของถนนสายนี้เป็นข้อดีที่ทำให้เห็นแสงบนท้องฟ้าได้ชัดเจนขึ้น เมื่อล่ายูเอฟโอกันจนเหน็ดเหนื่อย ก็มุ่งหน้าไปพักผ่อนกันที่โรงแรม Little A’Le’Inn ซึ่งตกแต่งในธีมเอเลี่ยน
ป่าแห่งนี้ให้ความรู้สึกลึกลับและวังเวงจนได้ชื่อว่าป่าผีสิง แต่ผีเกี่ยวอะไรกับ UFO ล่ะ? ความเชื่อมโยงของป่ากับการพบเห็น UFO ต้องย้อนกลับไปในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เมื่อนักชีววิทยาถ่ายภาพแสงที่ไม่สามารถอธิบายได้ในผืนป่าแห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นานก็มีช่างเทคนิคทหารคนหนึ่งถ่ายภาพลูกแก้วบินไว้ได้ และเรื่องราวลึกลับก็ยังมีให้ได้ยินกันตลอดไม่ว่าจะเป็นเด็กหายสาบสูญ เสียงลึกลับ และเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
ว่ากันว่าลายเส้นสุดลึกลับบนที่ราบนาซกานี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอารยธรรมก่อนอินคา ลายเส้นแกะสลักขนาดใหญ่รูปแมงมุม นกฮัมมิงเบิร์ด ลิง และอื่น ๆ อีกมากมายไม่สามารถมองเห็นได้ในระดับพื้นดิน จึงมีการคาดคะเนกันว่ามนุษย์ยุคก่อนสร้างรูปภาพขนาดยักษ์ขึ้นมาเพื่อดึงดูด UFO หรือเปล่า?
เมืองเล็ก ๆ ในดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือใกล้กับ Alice Springs มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเมืองหลวงยูเอฟโอของออสเตรเลีย โดยอ้างว่ามีผู้คนพบเห็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1940 ทุกวันนี้ไม่ว่าจะร้านอาหาร บาร์ หรือโรงแรมไหนในเมืองก็มักจะมีภาพวาดมนุษย์ต่างดาวเป็นส่วนหนึ่ง
มีรายงานวัตถุลึกลับบินผ่านท้องฟ้าทั่วไทยตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1300 แต่ครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นที่เขากะลา ใกล้กับ จ.นครสวรรค์ ในปี 2554 หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่ามีการพบเห็นเพิ่มขึ้น จนพระพุทธรูปบนเขากะลาได้กลายเป็นจุดรวมตัวของคนอยากเห็น UFO
7. Varginha, Brazil
ตั้งอยู่ในรัฐ Minas Gerais ของบราซิลที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสิ่งมีชีวิตนานาชนิด เช่น หมาป่าเคราขาว และลิงแมงมุม และอาจจะรวมถึงมนุษย์ต่างดาว (ด้วยหรือเปล่า?) ย้อนกลับไปในปี 1996 มีรายงานว่าชาวบ้านในแถบนี้ตื่นตระหนกไปกับซากมนุษย์ต่างดาวกลางทุ่ง และที่สำคัญยังมีข่าวลือเกี่ยวกับฐานทัพที่อยู่ใกล้ ๆ เมือง แพร่สะพัดไปทั่วว่ากองทัพบราซิลเกี่ยวข้องกับการสังหารมนุษย์ต่างดาว แต่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ก็คือ Varginha กลายเป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องราวนอกโลก และยังเป็นสถานที่นัดพบสำหรับการประชุมวิจัยยูเอฟโอระดับประเทศ และพวกเขายังสร้าง Nave Espacial de Varginha ซึ่งเป็นหอเก็บน้ำรูปจานบินขนาดใหญ่ไว้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองด้วย
ห่างออกไปประมาณ 25 ไมล์นอกเมือง Lublin หมู่บ้าน Emilcin มีเหตุการณ์ผิดปกติในเดือนพฤษภาคมปี 1978 เกิดขึ้นกับ Jan Wolski ซึ่งเป็นคนในท้องถิ่นอายุ 70 ปี ที่ป้างว่าโดนมนุษย์ต่างดาวจับไปตรวจร่างกายบน UFO จนเรื่องราวนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์และหนังสือการ์ตูนในเวลาต่อมา และชาวบ้านคนอื่น ๆ เช่นกันว่าเห็นยานบางอย่างบินอยู่บนท้องฟ้า เรื่องราวดังกล่าวนี้เป็นความจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ในเมืองได้สร้างอนุสาวรีย์แห่งประสบการณ์ของ Wolski เอาไว้ในปี 2005 พร้อมประโยคที่กล่าวว่า “ความจริงจะยังคงทำให้เราประหลาดใจ”
9. Stonehenge, UK
สโตนเฮนจ์เป็นหนึ่งในความลึกลับทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ของสหราชอาณาจักร นักโบราณคดีคาดว่ากองหินนี้มีมาตั้งแต่ประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตศักราช แถมก้อนหินยักษ์เหล่านี้ถูกจับเรียงไว้ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับดวงดาว จนกลายเป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าออกแบบมาเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ และบ้างก็ว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นสถานที่หนึ่งที่ลือกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว ผืนน้ำที่กว้างใหญ่นี้ทอดยาวจากปลายฟลอริดาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงเบอร์มิวดาและจรดเปอร์โตริโก พบว่ามีเรือและเครื่องบินหลายลำหายไปอย่างลึกลับโดยไม่ทราบสาเหตุในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยเชื่อว่าการหายตัวไปเหล่านี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของมนุษย์เอง หรืออาจจะเป็นเพราะเครื่องมือต่าง ๆ ทำงานบกพร่อง ไม่ก็เป็นเพราะพายุรุนแรง แต่อาถรรพ์ที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้หลายต่อหลายครั้งก็ชวนให้จินตนาการของผู้คนโลดแล่น