The Passport คัดสรรเมืองน่าเที่ยว ทั้งเป็นเมืองดังในกระแส หรือเมืองนอกกระแสยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ทุกเมืองนี้ล้วนเต็มไปด้วยความน่าสนใจในสีสันของวัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ด้านการท่องเที่ยว เหมาะสำหรับไอเดียการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ Palmanova, Italy
เอาเป็นว่าให้คุณลืมภาพของกรุงโรมไปได้เลยในชั่วเวลาหนึ่ง เพราะหากมีโอกาสได้ชมภาพแบบเบิร์ดอายวิว จากมุมบนภาพสุดอลังการของเมืองนี้ จะยิ่งตื่นใจมากขึ้นกับดีไซน์ของผังเมืองในรูปหกเหลี่ยมสุดอลัง โดยที่ศูนย์กลางทั้งหมดจะอยู่ที่ Grand Piazza ทำให้เมืองนี้จึงเป็นเมืองเสมือนป้อมปราการของอิตาลีมาตั้งแต่ยุค 1590s มีโบสถ์สวยงามท่าไปเยือนอย่าง DuomoDigale และเป็นเมืองยุคกลางที่สงบสุขโดยรอบมีที่พักน่าสนใจหลายแห่งรวมทั้งสถาปัตยกรรมที่ชวนบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก ส่วนผสมของความเก่าและใหม่ลงตัว เปี่ยมล้นไปด้วยมุมและมิติแห่งการค้นพบในเมืองนี้ รอคุณไปเยือนให้ได้สักครั้ง Sintra, Portugal
ไปโปรตุเกสทั้งทีจะเที่ยวอยู่แค่ลิสบอนก็คงน่าเสียดายไปหน่อย ไกลออกไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงโดยรถไฟ คุณก็ไปถึงเมืองซินทราแล้ว เมืองเล็กๆ ที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม ตั้งแต่บ้านที่พักอาศัยตั้งลดหลั่นอยู่ตามไหล่เขาเหมือนเลเยอร์ในภาพวาด พระราชวังหลายแห่งตั้งตระหง่านบนยอดเขาสูง อาทิ Sintra National Palace ที่พำนักหลักของราชวงศ์โปรตุเกสตั้งแต่สมัยก่อนปฏิวัติเมื่อปีค.ศ. 1910 และพระราชวัง Pena Palace หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง กษัตริย์จึงมอบหมายให้สถาปนิกชาวเยอรมันแต่งแต้มสถาปัตกรรมเสีย
ใหม่ ในสไตล์เรอเนสซองต์ มัวริซและนีโอโกธิก กระทั่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลก และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวโปรตุเกสภาคภูมิใจด้วย ส่วนในตัวเมืองเล็กกะทัดรัด ยังมีตลาดช็อปปิ้งเล็กๆ ตามซอกตึก และยังมีมิวเซียมและแกลเลอรีดีๆ อีกหลายแห่ง รับรองว่าถูกอกถูกใจคอศิลปะอย่างแน่นอน Cappadocia, Turkey
เมืองมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี 30 ล้านปีก่อน เมื่อภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟฮาซานเกิดการประทุครั้งใหญ่ พ่นเถ้าถ่านลงทับถมเป็นชั้นหนากว่า 100 เมตร พอชั้นหินเริ่มเย็นตัวภูเขาไฟก็ระเบิด ทำให้ลาวาไหลคลุมทับชั้นหินจากเถ้าถ่านเดิม จนในที่สุดกลายเป็นแผ่นดินใหม่ขึ้นมาเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวงสารพัดรูปร่าง ทุกวันนี้มีคนเข้าไปทำบ้านร้านอาหารในถ้ำมากมาย จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยระดับโลกไปแล้วนอกจากนี้ ภูมิประเทศของคัปปาโดเกียมีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลกปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียนคัปปาโดเกียเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี Dalarna, Sweden
สถานที่ซึ่งคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวไม่แพ้เมืองอื่นๆ มีชื่อเสียงอย่างมากด้านงานฝีมือแบบสวีดิช และธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างทะเลสาบ Siljan รายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ตื่นตาตื่นใจ และที่พักน่ารักๆหลายแห่ง ในฤดูร้อนจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ประจำปี ผู้คนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสตกแต่งร้านรวงต่างๆ ให้สวยงาม และบรรเลงเพลงจากฟิดเดิล (เครื่องสีชนิดหนึ่งคล้ายไวโอลิน) และหีบเพลงกันอย่างคึกครื้น ทว่าเมืองนี้ยังเป็นบ้านของอันเดอร์สซอร์น และคาร์ลลาร์สสัน สองศิลปินสวีดิชชื่อดังระดับโลก ที่นี่จึงมีพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้มากมาย สำหรับผู้สนใจด้านจิตรกรรมและการตกแต่งภายในด้วย Merida , Mexico
วัฒนธรรมในเมริด้าไม่เหมือนที่อื่น ในทุกวันคุณจะเจอการเล่นดนตรีสด งานศิลปะที่นำมาจัดแสดงและการเต้นโชว์การแสดง แถมอาหารการกินก็ดุเด็ดเผือดมันกว่าพริกไทยอีก และเมริด้ายังได้รับการโหวตให้เป็น American Capital of Culture อีก เมืองสวยแห่งนี้ได้รับตำแหน่งว่า เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในเม็กซิโกอีกด้วย Bogota , Colombia
“โบโกตา” เมืองเอกของประเทศโคลอมเบีย พัฒนาแปรสภาพชุมชนใหญ่ที่เคยเป็นแหล่งอาชญากรรม ยาเสพติด และแหล่งเสื่อมโทรม พลิกโฉมให้กลายเป็นเมืองจักรยาน และเมืองต้นแบบคุณภาพชีวิตที่ดี เมืองได้รับขนานนามว่าเป็น Athens of South America ซึ่งอุดมไปด้วยพิพิธภัณฑ์ ย่านเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่ยังหลงเหลือจากยุคโคโลเนียล และยังมักได้รับการเป็นเจ้าภาพจากนิทรรศการนานาชาติบ่อยครั้ง องค์กรยูเนสโก เคยเสนอชื่อให้เมืองสำคัญแห่งอเมริกาใต้ เป็น City of Music ทำให้เมืองยิ่งคึกคัก จากสีสันของการเฉลิมฉลองไปด้วยเสียงเพลงคลาสสิค และดนตรีพื้นเมือง โดยเฉพาะเมื่อตรงกับช่วงเทศกาล สำคัญประจำปี Pennsylvania , U.S.A.
ความน่าสนใจของเมืองนี้คือ เป็นที่อาศัยของชาวอามิช (Amish) ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายอนาแบ๊ปติส ที่ยังเคร่งศาสนาจารีตประเพณีแบบดั้งเดิม หากได้ลองก้าวไปในชุมชน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าจะไม่ต่างจากภาพของชุมชนเมื่อราวร้อยปีที่แล้ว นั่นก็คือ ความเงียบสงบบนถนนสายเล็กๆ ที่สองข้างทางเพาะปลูกพืชทำปศุสัตว์แบบดั้งเดิม ขณะที่ชาวอามิชเองแต่งตัวเหมือนกับหนังฝรั่งสไตล์ย้อนยุค ขับขี่รถม้าวิ่งไปตามทางบนถนน ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ปิดรับความทันสมัยทั้งปวง ประชากรจะเข้าพิธีรับศีลจุ่มเมื่ออายุระหว่าง 16-25 ปี จากนั้นจึงได้รับอนุญาตให้แต่งงานได้ ภาษากลางที่ใช้คือ ภาษาอังกฤษ แต่ก็พูดภาษาเยอรมันสำเนียงเพนซิลวาเนียอยู่บ้าง Adelaide, Australia
เมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ทั้งยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของออสเตรเลีย หลายคนอาจไม่คุ้นหูนักเมื่อได้ยินชื่อเมือง แอดิเลด เพราะเมื่อพูดถึงออสเตรเลีย คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเมลเบิร์นและซิดนีย์ ทั้งๆ ที่เมืองนี้ได้รับยกย่องว่า เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในออสเตรเลียติดต่อกัน 3 ปีซ้อน และยังเคยติด 1 ใน 10 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกด้วย ทั้งยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำคัญๆ ทางด้านกีฬาและศิลปะ อาทิ แอดิเลดเฟสติวัล ซึ่งเป็นเทศกาลด้านศิลปะระดับโลก “แอดิเลดฟรินจ์ เฟสติวัล” ซึ่งเป็นเทศกาลศิลปะประจำปี จัดขึ้นติดต่อกัน 24 วัน 24 คืน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ตลอดจนงาน World of Music, Arts & Dance ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี Muscat, Oman
มหานครมัสกัต โปรยหว่านเสน่ห์ในแบบฉบับของตะวันออกกลางได้อย่างละมุนละเมียด ย่านเมืองเก่ามัสกัตนอกจากมีพระราชวังและพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการแต่งกายของชาวโอมานดั้งเดิมแล้ว ยังมีสุเหร่าประจำเมือง ที่เปล่งประกายความงามด้วยแผ่นกระจกสีจากภายนอก ส่วนภายในอลังการไปกับการชื่นชมแชนเดอเลียร์ทรงแปลกตา ที่ไม่ควรพลาดนั่นคือ ตลาดใหญ่ในร่ม จำหน่ายสินค้าเต็มไปด้วยของแต่งบ้าน เครื่องประดับ เครื่องเงินแท้ เงินอำพัน และเทอร์ควอยซ์หลากแบบรูปทรง ส่วนตรงถนนและท่าเรือมัททรา จะมองเห็นอาคารบ้านเรือนผู้คน และเรียนรู้วิถีชีวิตชาวโอมานได้อย่างเต็มอิ่ม Cape Town , South Africa
ภาพลวงตาทำให้คิดกันว่าเคปทาวน์เป็นเมืองสบายๆ ไม่มีอะไร ที่ไหนได้เมืองเขาโดดเด่นทั้งเรื่องวัฒนธรรม และอาหาร รวมทั้งขึ้นชื่อเรื่องความงามธรรมชาติอีก เป็นเมืองในแอฟริกันแต่ทันสมัย อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อลือชา และน่าประทับใจกับการทานอาหารบนยอดเขา รวมทั้งไวน์ที่มีตำนาน ตามตลาดก็มีพ่อค้านำผลไม้สดๆ ในละแวกนี้มาขาย ร้านอาหารก็ได้รับรางวัลระดับโลก และถ้าอยากขึ้นไปทานอาหารชมวิวที่สูงกว่าพันเมตรบนยอดเขา สามารถขึ้นเคเบิ้ล คาร์ไปได้ Dubrovnik, Croatia
เหมาะสำหรับผู้หลงใหลความเป็นเมืองเก่า แต่มีของแถมเป็นเมืองริมทะเล แม้อาจจะดูย้อนแย้งแต่กลับน่าสนใจเพราะที่แห่งนี้เก็บเอาอดีตอันน่าขมขื่นแห่งสงครามเอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 สังเกตได้จากกำแพงเมืองที่มีความยาวหลายกิโลเมตร บนกำแพงคือหนึ่งในจุดชมวิวชั้นดี มองทอดสายตาออกไปไกลโพ้นเห็นท้องทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา หากสนใจจะเดินเล่นทอดน่องต้องแวะไปแถว Placa ถนนสายหอมหวานสำหรับนักเดินทาง เพราะมีทุกสิ่ง ร้านอาหาร ขายของที่ระลึก คาเฟ่กาแฟ ไม่ไกลกันเป็นจุดพักน้ำพุโอโนฟริโอ สุดทางก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหอระฆัง พระราชวังเรคเตอร์ พระราชวังสปอนซา อวดโฉมความสวยงามแบบกอทิกและเรอเนสซองส์ Berat, Albania
เนื่องจากเมืองนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโกร่วมกับเมือง Gjirokastra เพราะมีความเก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000ปี ทั้งยังคงสภาพบ้านเรือนในยุคสมัยออตโตมันได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้รับฉายาเท่ๆว่า ” The City of a Thousand Windows ด้วย อีกความน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักเดินทาง นอกจากนี้ยังมีเสียงร่ำลือไม่ขาดปากว่า อัธยาศัยน้ำใจไมตรีของชาวอัลบาเนียนั้น การันตีความน่ารัก เป็นมิตร และจิตใจดี พร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
เอาเป็นว่าให้คุณลืมภาพของกรุงโรมไปได้เลยในชั่วเวลาหนึ่ง เพราะหากมีโอกาสได้ชมภาพแบบเบิร์ดอายวิว จากมุมบนภาพสุดอลังการของเมืองนี้ จะยิ่งตื่นใจมากขึ้นกับดีไซน์ของผังเมืองในรูปหกเหลี่ยมสุดอลัง โดยที่ศูนย์กลางทั้งหมดจะอยู่ที่ Grand Piazza ทำให้เมืองนี้จึงเป็นเมืองเสมือนป้อมปราการของอิตาลีมาตั้งแต่ยุค 1590s มีโบสถ์สวยงามท่าไปเยือนอย่าง DuomoDigale และเป็นเมืองยุคกลางที่สงบสุขโดยรอบมีที่พักน่าสนใจหลายแห่งรวมทั้งสถาปัตยกรรมที่ชวนบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก ส่วนผสมของความเก่าและใหม่ลงตัว เปี่ยมล้นไปด้วยมุมและมิติแห่งการค้นพบในเมืองนี้ รอคุณไปเยือนให้ได้สักครั้ง
ไปโปรตุเกสทั้งทีจะเที่ยวอยู่แค่ลิสบอนก็คงน่าเสียดายไปหน่อย ไกลออกไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงโดยรถไฟ คุณก็ไปถึงเมืองซินทราแล้ว เมืองเล็กๆ ที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม ตั้งแต่บ้านที่พักอาศัยตั้งลดหลั่นอยู่ตามไหล่เขาเหมือนเลเยอร์ในภาพวาด พระราชวังหลายแห่งตั้งตระหง่านบนยอดเขาสูง อาทิ Sintra National Palace ที่พำนักหลักของราชวงศ์โปรตุเกสตั้งแต่สมัยก่อนปฏิวัติเมื่อปีค.ศ. 1910 และพระราชวัง Pena Palace หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง กษัตริย์จึงมอบหมายให้สถาปนิกชาวเยอรมันแต่งแต้มสถาปัตกรรมเสีย
ใหม่ ในสไตล์เรอเนสซองต์ มัวริซและนีโอโกธิก กระทั่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลก และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวโปรตุเกสภาคภูมิใจด้วย ส่วนในตัวเมืองเล็กกะทัดรัด ยังมีตลาดช็อปปิ้งเล็กๆ ตามซอกตึก และยังมีมิวเซียมและแกลเลอรีดีๆ อีกหลายแห่ง รับรองว่าถูกอกถูกใจคอศิลปะอย่างแน่นอน
เมืองมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี 30 ล้านปีก่อน เมื่อภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟฮาซานเกิดการประทุครั้งใหญ่ พ่นเถ้าถ่านลงทับถมเป็นชั้นหนากว่า 100 เมตร พอชั้นหินเริ่มเย็นตัวภูเขาไฟก็ระเบิด ทำให้ลาวาไหลคลุมทับชั้นหินจากเถ้าถ่านเดิม จนในที่สุดกลายเป็นแผ่นดินใหม่ขึ้นมาเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวงสารพัดรูปร่าง ทุกวันนี้มีคนเข้าไปทำบ้านร้านอาหารในถ้ำมากมาย จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยระดับโลกไปแล้วนอกจากนี้ ภูมิประเทศของคัปปาโดเกียมีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลกปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียนคัปปาโดเกียเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี
สถานที่ซึ่งคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวไม่แพ้เมืองอื่นๆ มีชื่อเสียงอย่างมากด้านงานฝีมือแบบสวีดิช และธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างทะเลสาบ Siljan รายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ตื่นตาตื่นใจ และที่พักน่ารักๆหลายแห่ง ในฤดูร้อนจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ประจำปี ผู้คนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสตกแต่งร้านรวงต่างๆ ให้สวยงาม และบรรเลงเพลงจากฟิดเดิล (เครื่องสีชนิดหนึ่งคล้ายไวโอลิน) และหีบเพลงกันอย่างคึกครื้น ทว่าเมืองนี้ยังเป็นบ้านของอันเดอร์สซอร์น และคาร์ลลาร์สสัน สองศิลปินสวีดิชชื่อดังระดับโลก ที่นี่จึงมีพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้มากมาย สำหรับผู้สนใจด้านจิตรกรรมและการตกแต่งภายในด้วย
วัฒนธรรมในเมริด้าไม่เหมือนที่อื่น ในทุกวันคุณจะเจอการเล่นดนตรีสด งานศิลปะที่นำมาจัดแสดงและการเต้นโชว์การแสดง แถมอาหารการกินก็ดุเด็ดเผือดมันกว่าพริกไทยอีก และเมริด้ายังได้รับการโหวตให้เป็น American Capital of Culture อีก เมืองสวยแห่งนี้ได้รับตำแหน่งว่า เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในเม็กซิโกอีกด้วย
“โบโกตา” เมืองเอกของประเทศโคลอมเบีย พัฒนาแปรสภาพชุมชนใหญ่ที่เคยเป็นแหล่งอาชญากรรม ยาเสพติด และแหล่งเสื่อมโทรม พลิกโฉมให้กลายเป็นเมืองจักรยาน และเมืองต้นแบบคุณภาพชีวิตที่ดี เมืองได้รับขนานนามว่าเป็น Athens of South America ซึ่งอุดมไปด้วยพิพิธภัณฑ์ ย่านเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่ยังหลงเหลือจากยุคโคโลเนียล และยังมักได้รับการเป็นเจ้าภาพจากนิทรรศการนานาชาติบ่อยครั้ง องค์กรยูเนสโก เคยเสนอชื่อให้เมืองสำคัญแห่งอเมริกาใต้ เป็น City of Music ทำให้เมืองยิ่งคึกคัก จากสีสันของการเฉลิมฉลองไปด้วยเสียงเพลงคลาสสิค และดนตรีพื้นเมือง โดยเฉพาะเมื่อตรงกับช่วงเทศกาล สำคัญประจำปี
ความน่าสนใจของเมืองนี้คือ เป็นที่อาศัยของชาวอามิช (Amish) ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายอนาแบ๊ปติส ที่ยังเคร่งศาสนาจารีตประเพณีแบบดั้งเดิม หากได้ลองก้าวไปในชุมชน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าจะไม่ต่างจากภาพของชุมชนเมื่อราวร้อยปีที่แล้ว นั่นก็คือ ความเงียบสงบบนถนนสายเล็กๆ ที่สองข้างทางเพาะปลูกพืชทำปศุสัตว์แบบดั้งเดิม ขณะที่ชาวอามิชเองแต่งตัวเหมือนกับหนังฝรั่งสไตล์ย้อนยุค ขับขี่รถม้าวิ่งไปตามทางบนถนน ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ปิดรับความทันสมัยทั้งปวง ประชากรจะเข้าพิธีรับศีลจุ่มเมื่ออายุระหว่าง 16-25 ปี จากนั้นจึงได้รับอนุญาตให้แต่งงานได้ ภาษากลางที่ใช้คือ ภาษาอังกฤษ แต่ก็พูดภาษาเยอรมันสำเนียงเพนซิลวาเนียอยู่บ้าง
Plovdiv , Bulgaria
เมืองโบราณร่ำรวยวัฒนธรรม หนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีคนอยู่อาศัย โดยเฉพาะในปีนี้เมืองพลอฟดิฟ (Plovdiv) แห่งบัลแกเรีย ได้รับรางวัลเมืองหลวงวัฒนธรรมแห่งยุโรป European Capital of Culture 2019ตอนนี้เมืองจึงเป็นเวลาที่ทุกสายตาหันมาจับจ้องมอง นักโบราณคดีบางคนเชื่อว่า นี่คือเมืองที่คนตั้งรกราก และอยู่กันต่อเนื่องมานานสุดในยุโรป ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม ที่แน่ๆ ขนาดชื่อเดิมของเมือง Philippopolis ก็ยังมาจากชื่อของพ่อของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ เดอะ เกรท ที่นี่ยังโดดเด่นด้วยการมีโรงละครสมัยโรมันซึ่งวันนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดัง ทั้งๆที่ก่อนนั้นเคยถูกฝังสนิทและถูกหลงลืมไปจนกระทั่งเกิดแผ่นดินเคลื่อนในยุค 1970 นั่นแหละ ผู้คนถึงได้รับรู้ และบูรณะซ่อมแซม
เมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ทั้งยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของออสเตรเลีย หลายคนอาจไม่คุ้นหูนักเมื่อได้ยินชื่อเมือง แอดิเลด เพราะเมื่อพูดถึงออสเตรเลีย คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเมลเบิร์นและซิดนีย์ ทั้งๆ ที่เมืองนี้ได้รับยกย่องว่า เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในออสเตรเลียติดต่อกัน 3 ปีซ้อน และยังเคยติด 1 ใน 10 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกด้วย ทั้งยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำคัญๆ ทางด้านกีฬาและศิลปะ อาทิ แอดิเลดเฟสติวัล ซึ่งเป็นเทศกาลด้านศิลปะระดับโลก “แอดิเลดฟรินจ์ เฟสติวัล” ซึ่งเป็นเทศกาลศิลปะประจำปี จัดขึ้นติดต่อกัน 24 วัน 24 คืน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ตลอดจนงาน World of Music, Arts & Dance ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
มหานครมัสกัต โปรยหว่านเสน่ห์ในแบบฉบับของตะวันออกกลางได้อย่างละมุนละเมียด ย่านเมืองเก่ามัสกัตนอกจากมีพระราชวังและพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการแต่งกายของชาวโอมานดั้งเดิมแล้ว ยังมีสุเหร่าประจำเมือง ที่เปล่งประกายความงามด้วยแผ่นกระจกสีจากภายนอก ส่วนภายในอลังการไปกับการชื่นชมแชนเดอเลียร์ทรงแปลกตา ที่ไม่ควรพลาดนั่นคือ ตลาดใหญ่ในร่ม จำหน่ายสินค้าเต็มไปด้วยของแต่งบ้าน เครื่องประดับ เครื่องเงินแท้ เงินอำพัน และเทอร์ควอยซ์หลากแบบรูปทรง ส่วนตรงถนนและท่าเรือมัททรา จะมองเห็นอาคารบ้านเรือนผู้คน และเรียนรู้วิถีชีวิตชาวโอมานได้อย่างเต็มอิ่ม
ภาพลวงตาทำให้คิดกันว่าเคปทาวน์เป็นเมืองสบายๆ ไม่มีอะไร ที่ไหนได้เมืองเขาโดดเด่นทั้งเรื่องวัฒนธรรม และอาหาร รวมทั้งขึ้นชื่อเรื่องความงามธรรมชาติอีก เป็นเมืองในแอฟริกันแต่ทันสมัย อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อลือชา และน่าประทับใจกับการทานอาหารบนยอดเขา รวมทั้งไวน์ที่มีตำนาน ตามตลาดก็มีพ่อค้านำผลไม้สดๆ ในละแวกนี้มาขาย ร้านอาหารก็ได้รับรางวัลระดับโลก และถ้าอยากขึ้นไปทานอาหารชมวิวที่สูงกว่าพันเมตรบนยอดเขา สามารถขึ้นเคเบิ้ล คาร์ไปได้
เหมาะสำหรับผู้หลงใหลความเป็นเมืองเก่า แต่มีของแถมเป็นเมืองริมทะเล แม้อาจจะดูย้อนแย้งแต่กลับน่าสนใจเพราะที่แห่งนี้เก็บเอาอดีตอันน่าขมขื่นแห่งสงครามเอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 สังเกตได้จากกำแพงเมืองที่มีความยาวหลายกิโลเมตร บนกำแพงคือหนึ่งในจุดชมวิวชั้นดี มองทอดสายตาออกไปไกลโพ้นเห็นท้องทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา หากสนใจจะเดินเล่นทอดน่องต้องแวะไปแถว Placa ถนนสายหอมหวานสำหรับนักเดินทาง เพราะมีทุกสิ่ง ร้านอาหาร ขายของที่ระลึก คาเฟ่กาแฟ ไม่ไกลกันเป็นจุดพักน้ำพุโอโนฟริโอ สุดทางก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหอระฆัง พระราชวังเรคเตอร์ พระราชวังสปอนซา อวดโฉมความสวยงามแบบกอทิกและเรอเนสซองส์
เนื่องจากเมืองนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโกร่วมกับเมือง Gjirokastra เพราะมีความเก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000ปี ทั้งยังคงสภาพบ้านเรือนในยุคสมัยออตโตมันได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้รับฉายาเท่ๆว่า ” The City of a Thousand Windows ด้วย อีกความน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักเดินทาง นอกจากนี้ยังมีเสียงร่ำลือไม่ขาดปากว่า อัธยาศัยน้ำใจไมตรีของชาวอัลบาเนียนั้น การันตีความน่ารัก เป็นมิตร และจิตใจดี พร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยว