เขาช้างเผือก จ.กาญจนบุรี
จริงอยู่ว่า ระยะทางและความยากลำบากของการเดินขึ้นเขาช้างเผือกนั้น ก็ไม่ถึงกับโหดร้ายเกินไปกว่าหุบดอยอื่นๆ แต่ความเป็นที่สุดที่หลายๆคนใฝ่ฝัน คือ ทัศนียภาพแนวเขาที่เรียกว่าสันคมมีด ซึ่งคมกริบชนิดว่าคนกลัวความสูงไม่น่าจะเหมาะสำหรับเส้นทางนี้
เขาช้างเผือก เป็นหนึ่งในเส้นทางการเดินเขาเข้าป่าที่นักเทรคกิ้งชาวไทยจัดอันดับไว้ว่าต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ด้วยความสวยงามแปลกตาของเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้า มีทางเดินแคบๆเพียงไม่ถึงเมตรที่ฝั่งซ้ายและขวาขนาบด้วยทางลาดแบบหุบเหว ชวนหวาดเสียวท้าทายจิตใจเป็นที่สุด ส่วนจุดสูงสุดของยอดเขากว่า 1,249 เมตรนั้นก็งดงามด้วยทิวทัศน์แบบ 360 องศา มองเห็นสันเขาแหลมๆเป็นโค้งสลับซับซ้อนชนิดที่ผู้ชิตก็คงตั้งคำถามกับตัวเองว่า เดินข้ามมาได้ยังไง?
เขาช้างเผือก อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เปิดประมาณ ธันวาคม – มกราคม เท่านั้น โทร.034 510 979
จำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว แนะนำว่าติดต่อผ่านบริษัทนำเที่ยว จะมีโอกาสมากกว่า
ผาหินสูงชะลูดเด่นตรงขึ้นฟ้าในมุมเกือบ 90 องศา มีลักษณะคล้ายหนอกวัว นั่นเป็นที่มาของชื่อยอดดอยที่ใครๆได้เห็นก็รู้สึกถึงความท้าทายหากได้ปีนป่ายขึ้นไปบนจุดสูงสุดตรงนั้น ภูมิศาสตร์ของดอยหนอกอยู่ในแนวเทือกเขาครอบคลุมพื้นที่จังหวัดลำปาง และพะเยา (หากรวมพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวง ก็ครอบคลุมถึง จ.เชียงราย)
ความยิ่งใหญ่แสนมหัศจรรย์ของดอยหนอก ไม่เพียงแต่ความเด่นเชิงภูมิศาสตร์ แต่ยอดดอยนี้ มีชาวบ้านเดินเท้าแบกอิฐแบกทรายขึ้นไปสร้างพระธาตุเจดีย์ด้วยแรงศรัทธาไว้ด้านบน และมีประเพณีที่จะขึ้นไปสักการะกันทุกเดือนเมษายน ทำให้การพิชิตดอยหนอกยังผนวกความเชื่อเรื่องศาสนาเข้าไปด้วย
จากบ้านปงถ้ำไปสู่ดอยหนอก ระยะทางราว 8 กม. มีรถอีแต๊กบริการไป-กลับ (1,600 บาท) สำหรับระยะ 4 กม.แรก
แต่หากเดินทางด้วยตัวเอง แนะนำว่าควรค้างคืนด้านบน สอบถาม โทร.08-6080-2452
ดอกไม้ป่าเมืองหนาวหลากสายพันธุ์ ทะเลหมอกคลอเคล้ายอดดอย ดวงดาวเต็มฟ้า แสงอาทิตย์สีทองโผล่พ้นแนวเขา ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่รอต้อนรับนักเดินทางผู้มาเยือนดอยหลวงเชียงดาว ขุนเขาหินปูนอายุนับร้อยล้านปีที่มีความสูงในลำดับที่ 3 ของเมืองไทย ตระหง่านอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 2,225 เมตร
การเดินเท้าประมาณ 8.5 กม.นั้น ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังสำหรับผู้ตั้งใจพิชิตยอดดอยหลวงแห่งนี้ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ไม่ชันมากนัก เป็นรูปแบบค่อยๆเดินไต่ระดับไปเรื่อยๆ ไม่ทันไรก็ค้นพบความงามของธรรมชาติอยู่ตรงหน้าไปแล้ว
การเป็นพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ยิ่งทำให้ขุนเขาสูงทะมึนแห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณต่างๆนี่ล่ะเป็นความมหัศจรรย์ของดอยหลวงเชียงดาวไม่แพ้ความงามของเทือกเขาสูงเลย
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โทร.053 456 623 (จำเป็นต้องสอบถามล่วงหน้า เนื่องจากจำกัดปริมาณคนขึ้นดอยในแต่ละวัน)
กําหนดพื้นที่สําหรับกิจกรรมศึกษาธรรมชาติ ไว้เฉพาะบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก (เด่นหญ้าขัด) เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติดอยหลวงเชียงดาว จุดพักแรมอ่างสลุง และยอดดอยหลวงเชียงดาว เท่านั้น ไม่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามอื่น
ถึงจะไม่มีภาพถ่ายทางอากาศจากโดรน แต่ถ้าลองเดินไปยืนอยู่ที่ลานหินสามวาฬ ใครๆก็ตื่นตะลึงไปกับรูปทรงของเนินผาตรงนั้นได้ไม่ยาก เพราะหินทรายสีแดงแกมน้ำตาลที่พาดวางอยู่ตรงหน้ามีขนาดมหึมา สีสันตัดไปกับความเขียวขจีของพื้นที่เกษตรกรรมด้านล่างมองไปไกลสุดลูกหูลูกตาจนเห็นชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอยู่ลิบๆ
หินสามวาฬมีรูปร่างลักษณะสมชื่อ เพราะคล้ายกับหลังของวาฬสามตัวเรียงขนานกันจนชาวบ้านบอกว่าเป็นพ่อแม่ลูก หากหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหินที่อยู่ริมซ้ายถือเป็นไฮไลท์วัดใจผู้มาเยือน เพราะลานหินกว้างนั้นสูงใหญ่คล้ายส่วนหัววาฬ โดยไม่มีอะไรให้ยึดเกาะเลย เมื่อมองจากก้อนหินลูกถัดมาแล้วชวนให้รู้สึกหวาดเสียวสะท้านใจที่สุด
กองหินขนาดยักษ์สามลูก อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ของจังหวัดบึงกาฬ และความน่าอัศจรรย์ของประติมากรรมธรรมชาติชิ้นนี้ก็กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมประจำจังหวัดไปแล้ว
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กม. (ใช้ถนนสาย 112 ไป อ.บุ่งคล้า)
มีรถกระบะของชาวบ้านให้บริการขึ้นไปด้านบน โทร. 08-8563-8852 , 08-8536-2717 หรือสอบถามเจ้าหน้าที่ด้านล่างก่อนขึ้นภูเขา
ลักษณะของปลายยอดเขาที่ชี้ขึ้นไปบนฟ้าเป็นมุมประมาณ 45 องศา แถมยังพุ่งล้ำเข้าไปในเขตประเทศลาวอีกต่างหาก เป็นความสวยงามของภูชี้ฟ้าขุนเขาที่ยากจะหาสถานที่ใดในเมืองไทยมาเทียบเคียง
สมัยในยุคอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตยคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นควันความขัดแย้ง ที่นี่เคยเป็นสมรภูมิสู้รบ และไม่มีใครบันทึกความงามเอาไว้ให้กล่าวถึง แต่เมื่อเรื่องน่าเศร้าในอดีตจบลง สนามรบก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนท้องถิ่นบอกกันปากต่อปาก จนกระทั่งมีภาพถ่ายปรากฏออกไป ภูชี้ฟ้า จึงกลายเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและจุดถ่ายภาพที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ไม่เคยตกจากอันดับในหมวดหมู่ว่าด้วยภูเขา ทะเลหมอก และยอดดอย
ที่ทำการวนอุทยานภูชี้ฟ้า สามารถจอดรถส่วนตัวได้ และที่พักรอบๆของชาวบ้านในท้องถิ่นส่วนใหญ่มีรถบริการขึ้นภูชี้ฟ้า
ก็จริงอยู่ที่ว่าการเดินป่าขึ้นดอยในเมืองไทยไม่ใช่กระแสหลักของนักเดินทางรุ่นใหม่ๆเหมือนเมื่อก่อน แต่หากอยากจะฝากประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เป็นผู้พิชิตยอดภูด้วยสองเท้าล่ะก็ “ภูกระดึง” หรือ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ก็ยังเป็นสถานที่ที่คู่ควรมากที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับนักเดินป่ามือใหม่ ที่จะได้สืบสานตำนานตามรอยผู้บุกเบิกหลายต่อหลายรุ่น ไปสู่ผืนป่าผลัดใบผสมป่าดิบที่สวยงามแห่งแดนอีสาน และอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองของประเทศ
ข้อดีของภูกระดึง คือ การเป็นขุนเขาระดับตำนานของการเดินป่า และถือได้ว่าเป็นแหล่งเที่ยวทางธรรมชาติอันดับหนึ่งของการเทรคกิ้งในไทย ที่นี่จึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ความยากลำบากก็ไม่มากเกินไป แลกกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่รออยู่มากมาย
โทร.042 810 833
ฤดูกาลท่องเที่ยวของภูกระดึง ระหว่าง 1 ต.ค. – 31 พ.ค.
อยากสัมผัสความมหัศจรรย์ของภูสอยดาวจริงๆไหมล่ะ ? ถ้าอยากมีประสบการณ์เจาะลึกกับที่นี่จริงๆ ต้องเดินขึ้นอย่างน้อยสองรอบ
รอบแรกคือช่วงฤดูฝนที่เต็มไปด้วยดอกหงอนนาคสีม่วงบานสะพรั่งไปทั้งลานสนสามใบ พร้อมความชุ่มฉ่ำของพืชพรรณต่างๆ จนเป็นที่มาของแหล่งท่องเที่ยวชมดอกไม้ตามธรรมชาติที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง
รอบสอง ลองไปช่วงฤดูหนาวที่ไม่มีดอกไม้อะไรหลงเหลือให้ดูมากนัก แต่เป็นฤดูกาลที่จะได้ค้นพบความงามตามชื่อ เพราะมีดวงดาราบนฟากฟ้าพร่างพราวอยู่นับล้าน และสามารถปีนขึ้นไปบนยอดภูสอยดาวได้ โดยยอดภูสอยดาวนั้น ต้องใช้เวลาปีนป่ายจากลานสนสามใบ ไปอีก 3-4ชั่วโมง จนถึงระดับความสูงกว่า 2,100 เมตร ที่ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับดวงดาวนั้นอยู่แค่เอื้อม
โทร. 09-5629-9528 , 09-1024-7633
หากต้องการขึ้นยอดภูสอยดาวด้านบนสุด อนุญาตเฉพาะฤดูหนาว และไม่มีฝนตก
ข้อสำคัญควรขึ้นไปกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯผู้ชำนาญเท่านั้น เนื่องจากมีความสูงชันและอันตรายพอสมควร
จริงอยู่ว่า ระยะทางและความยากลำบากของการเดินขึ้นเขาช้างเผือกนั้น ก็ไม่ถึงกับโหดร้ายเกินไปกว่าหุบดอยอื่นๆ แต่ความเป็นที่สุดที่หลายๆคนใฝ่ฝัน คือ ทัศนียภาพแนวเขาที่เรียกว่าสันคมมีด ซึ่งคมกริบชนิดว่าคนกลัวความสูงไม่น่าจะเหมาะสำหรับเส้นทางนี้
เขาช้างเผือก เป็นหนึ่งในเส้นทางการเดินเขาเข้าป่าที่นักเทรคกิ้งชาวไทยจัดอันดับไว้ว่าต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ด้วยความสวยงามแปลกตาของเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้า มีทางเดินแคบๆเพียงไม่ถึงเมตรที่ฝั่งซ้ายและขวาขนาบด้วยทางลาดแบบหุบเหว ชวนหวาดเสียวท้าทายจิตใจเป็นที่สุด ส่วนจุดสูงสุดของยอดเขากว่า 1,249 เมตรนั้นก็งดงามด้วยทิวทัศน์แบบ 360 องศา มองเห็นสันเขาแหลมๆเป็นโค้งสลับซับซ้อนชนิดที่ผู้ชิตก็คงตั้งคำถามกับตัวเองว่า เดินข้ามมาได้ยังไง?
เขาช้างเผือก อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เปิดประมาณ ธันวาคม – มกราคม เท่านั้น โทร.034 510 979
จำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว แนะนำว่าติดต่อผ่านบริษัทนำเที่ยว จะมีโอกาสมากกว่า
ผาหินสูงชะลูดเด่นตรงขึ้นฟ้าในมุมเกือบ 90 องศา มีลักษณะคล้ายหนอกวัว นั่นเป็นที่มาของชื่อยอดดอยที่ใครๆได้เห็นก็รู้สึกถึงความท้าทายหากได้ปีนป่ายขึ้นไปบนจุดสูงสุดตรงนั้น ภูมิศาสตร์ของดอยหนอกอยู่ในแนวเทือกเขาครอบคลุมพื้นที่จังหวัดลำปาง และพะเยา (หากรวมพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวง ก็ครอบคลุมถึง จ.เชียงราย)
ความยิ่งใหญ่แสนมหัศจรรย์ของดอยหนอก ไม่เพียงแต่ความเด่นเชิงภูมิศาสตร์ แต่ยอดดอยนี้ มีชาวบ้านเดินเท้าแบกอิฐแบกทรายขึ้นไปสร้างพระธาตุเจดีย์ด้วยแรงศรัทธาไว้ด้านบน และมีประเพณีที่จะขึ้นไปสักการะกันทุกเดือนเมษายน ทำให้การพิชิตดอยหนอกยังผนวกความเชื่อเรื่องศาสนาเข้าไปด้วย
จากบ้านปงถ้ำไปสู่ดอยหนอก ระยะทางราว 8 กม. มีรถอีแต๊กบริการไป-กลับ (1,600 บาท) สำหรับระยะ 4 กม.แรก
แต่หากเดินทางด้วยตัวเอง แนะนำว่าควรค้างคืนด้านบน สอบถาม โทร.08-6080-2452
ดอกไม้ป่าเมืองหนาวหลากสายพันธุ์ ทะเลหมอกคลอเคล้ายอดดอย ดวงดาวเต็มฟ้า แสงอาทิตย์สีทองโผล่พ้นแนวเขา ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่รอต้อนรับนักเดินทางผู้มาเยือนดอยหลวงเชียงดาว ขุนเขาหินปูนอายุนับร้อยล้านปีที่มีความสูงในลำดับที่ 3 ของเมืองไทย ตระหง่านอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 2,225 เมตร
การเดินเท้าประมาณ 8.5 กม.นั้น ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังสำหรับผู้ตั้งใจพิชิตยอดดอยหลวงแห่งนี้ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ไม่ชันมากนัก เป็นรูปแบบค่อยๆเดินไต่ระดับไปเรื่อยๆ ไม่ทันไรก็ค้นพบความงามของธรรมชาติอยู่ตรงหน้าไปแล้ว
การเป็นพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ยิ่งทำให้ขุนเขาสูงทะมึนแห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณต่างๆนี่ล่ะเป็นความมหัศจรรย์ของดอยหลวงเชียงดาวไม่แพ้ความงามของเทือกเขาสูงเลย
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โทร.053 456 623 (จำเป็นต้องสอบถามล่วงหน้า เนื่องจากจำกัดปริมาณคนขึ้นดอยในแต่ละวัน)
กําหนดพื้นที่สําหรับกิจกรรมศึกษาธรรมชาติ ไว้เฉพาะบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก (เด่นหญ้าขัด) เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติดอยหลวงเชียงดาว จุดพักแรมอ่างสลุง และยอดดอยหลวงเชียงดาว เท่านั้น ไม่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามอื่น
ถึงจะไม่มีภาพถ่ายทางอากาศจากโดรน แต่ถ้าลองเดินไปยืนอยู่ที่ลานหินสามวาฬ ใครๆก็ตื่นตะลึงไปกับรูปทรงของเนินผาตรงนั้นได้ไม่ยาก เพราะหินทรายสีแดงแกมน้ำตาลที่พาดวางอยู่ตรงหน้ามีขนาดมหึมา สีสันตัดไปกับความเขียวขจีของพื้นที่เกษตรกรรมด้านล่างมองไปไกลสุดลูกหูลูกตาจนเห็นชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอยู่ลิบๆ
หินสามวาฬมีรูปร่างลักษณะสมชื่อ เพราะคล้ายกับหลังของวาฬสามตัวเรียงขนานกันจนชาวบ้านบอกว่าเป็นพ่อแม่ลูก หากหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหินที่อยู่ริมซ้ายถือเป็นไฮไลท์วัดใจผู้มาเยือน เพราะลานหินกว้างนั้นสูงใหญ่คล้ายส่วนหัววาฬ โดยไม่มีอะไรให้ยึดเกาะเลย เมื่อมองจากก้อนหินลูกถัดมาแล้วชวนให้รู้สึกหวาดเสียวสะท้านใจที่สุด
กองหินขนาดยักษ์สามลูก อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ของจังหวัดบึงกาฬ และความน่าอัศจรรย์ของประติมากรรมธรรมชาติชิ้นนี้ก็กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมประจำจังหวัดไปแล้ว
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กม. (ใช้ถนนสาย 112 ไป อ.บุ่งคล้า)
มีรถกระบะของชาวบ้านให้บริการขึ้นไปด้านบน โทร. 08-8563-8852 , 08-8536-2717 หรือสอบถามเจ้าหน้าที่ด้านล่างก่อนขึ้นภูเขา
ลักษณะของปลายยอดเขาที่ชี้ขึ้นไปบนฟ้าเป็นมุมประมาณ 45 องศา แถมยังพุ่งล้ำเข้าไปในเขตประเทศลาวอีกต่างหาก เป็นความสวยงามของภูชี้ฟ้าขุนเขาที่ยากจะหาสถานที่ใดในเมืองไทยมาเทียบเคียง
สมัยในยุคอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตยคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นควันความขัดแย้ง ที่นี่เคยเป็นสมรภูมิสู้รบ และไม่มีใครบันทึกความงามเอาไว้ให้กล่าวถึง แต่เมื่อเรื่องน่าเศร้าในอดีตจบลง สนามรบก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนท้องถิ่นบอกกันปากต่อปาก จนกระทั่งมีภาพถ่ายปรากฏออกไป ภูชี้ฟ้า จึงกลายเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและจุดถ่ายภาพที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ไม่เคยตกจากอันดับในหมวดหมู่ว่าด้วยภูเขา ทะเลหมอก และยอดดอย
ที่ทำการวนอุทยานภูชี้ฟ้า สามารถจอดรถส่วนตัวได้ และที่พักรอบๆของชาวบ้านในท้องถิ่นส่วนใหญ่มีรถบริการขึ้นภูชี้ฟ้า
ก็จริงอยู่ที่ว่าการเดินป่าขึ้นดอยในเมืองไทยไม่ใช่กระแสหลักของนักเดินทางรุ่นใหม่ๆเหมือนเมื่อก่อน แต่หากอยากจะฝากประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เป็นผู้พิชิตยอดภูด้วยสองเท้าล่ะก็ “ภูกระดึง” หรือ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ก็ยังเป็นสถานที่ที่คู่ควรมากที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับนักเดินป่ามือใหม่ ที่จะได้สืบสานตำนานตามรอยผู้บุกเบิกหลายต่อหลายรุ่น ไปสู่ผืนป่าผลัดใบผสมป่าดิบที่สวยงามแห่งแดนอีสาน และอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองของประเทศ
ข้อดีของภูกระดึง คือ การเป็นขุนเขาระดับตำนานของการเดินป่า และถือได้ว่าเป็นแหล่งเที่ยวทางธรรมชาติอันดับหนึ่งของการเทรคกิ้งในไทย ที่นี่จึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ความยากลำบากก็ไม่มากเกินไป แลกกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่รออยู่มากมาย
โทร.042 810 833
ฤดูกาลท่องเที่ยวของภูกระดึง ระหว่าง 1 ต.ค. – 31 พ.ค.
อยากสัมผัสความมหัศจรรย์ของภูสอยดาวจริงๆไหมล่ะ ? ถ้าอยากมีประสบการณ์เจาะลึกกับที่นี่จริงๆ ต้องเดินขึ้นอย่างน้อยสองรอบ
รอบแรกคือช่วงฤดูฝนที่เต็มไปด้วยดอกหงอนนาคสีม่วงบานสะพรั่งไปทั้งลานสนสามใบ พร้อมความชุ่มฉ่ำของพืชพรรณต่างๆ จนเป็นที่มาของแหล่งท่องเที่ยวชมดอกไม้ตามธรรมชาติที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง
รอบสอง ลองไปช่วงฤดูหนาวที่ไม่มีดอกไม้อะไรหลงเหลือให้ดูมากนัก แต่เป็นฤดูกาลที่จะได้ค้นพบความงามตามชื่อ เพราะมีดวงดาราบนฟากฟ้าพร่างพราวอยู่นับล้าน และสามารถปีนขึ้นไปบนยอดภูสอยดาวได้ โดยยอดภูสอยดาวนั้น ต้องใช้เวลาปีนป่ายจากลานสนสามใบ ไปอีก 3-4ชั่วโมง จนถึงระดับความสูงกว่า 2,100 เมตร ที่ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับดวงดาวนั้นอยู่แค่เอื้อม
โทร. 09-5629-9528 , 09-1024-7633
หากต้องการขึ้นยอดภูสอยดาวด้านบนสุด อนุญาตเฉพาะฤดูหนาว และไม่มีฝนตก
ข้อสำคัญควรขึ้นไปกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯผู้ชำนาญเท่านั้น เนื่องจากมีความสูงชันและอันตรายพอสมควร
