7 แหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์ในดินแดนตะวันออกกลาง

ความน่าทึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวในมิดเดิลอีสต์

ตะวันออกกลาง ดินแดนที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เนิ่นนานนับพันปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่จะมีความมหัศจรรย์เรียงรายอยู่ทุกพื้นที่ แต่ไม่ใช่แค่ร่องรอยอารยธรรมเก่าแก่เพียงเท่านั้น เพราะตะวันออกกลางยังมีตัวแทนแห่งโลกสมัยใหม่ที่ชวนตะลึงไม่แพ้ที่ใดในโลก

The PASSPORT คัดเลือก 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่มีมาตั้งแต่พันปีที่แล้วจนถึงเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา

ตึกเบิร์จ คาลิฟา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ด้วยความสูงตระหง่าน 829 เมตร ทำให้ตึกเบิร์จ คาลิฟา ที่ตั้งอยู่ใจกลางมหานครดูไบได้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ด้านสถาปัตยกรรมของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ปัจจุบันภายในเป็นที่ตั้งของโรงแรม อพาร์ตเม้นท์ และร้านอาหารที่แสนหรูหรา ถ้าอยากขึ้นไปชมบนจุดชมวิวบนอาคารที่สูงที่สุดของโลกสักครั้ง ก็สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ โดยภายในจะมีลิฟต์ความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที พาคุณขึ้นไปชมทัศนียภาพบนชั้นที่ 124 แล้วค่อยขึ้นไปลองเดินบนระเบียงพื้นกระจก ชวนหวาดเสียวบนชั้นที่ 125

เมืองโบราณเปตรา, จอร์แดน
ย้อนไปในอดีต ดินแดนตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณ ให้บรรยากาศแสนลึกลับด้วยที่ตั้งซึ่งอยู่ในหุบเขาสีกุหลาบ สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่จึงเป็นการแกะสลักลงในหิน มากกว่าจะเป็นการก่อสร้างขึ้นใหม่ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกโบราณรวมกับสถาปัตยกรรมแบบเฮลเลนนิกและระบบท่อส่งน้ำชวนทึ่ง ที่ทำให้เปตรานั้นเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่โดดเด่นมาก

การเดินทางเข้าสู่เปตราต้องผ่านทางเดินแคบ ๆ ระหว่างช่องเขาที่เรียกว่า Siq จากนั้นจะได้พบกับ The Teasury ไฮไลต์สำคัญของเปตราซึ่งเป็นสุสานของ Nabataean King Aretas ที่สาม นอกจากนี้ ภายในเมืองแห่งหุบเขา ยังมีทั้งซากของบ้านเรือนและอารามโบราณ รวมถึงเส้นทางเทรกกิ้งให้เดินชมทัศนียภาพของเมืองในมุมสูง พีระมิดแห่งกีซ่า, อียิปต์
พีระมิดเปรียบเสมือนตัวแทนของโลกหลังความตาย ความยิ่งใหญ่ของพีระมิดแห่งกิซ่าก็เป็นดั่งคำยืนยันในความเชื่อเหล่านี้ มหาพีระมิดแห่งฟาโรห์คูฟูสร้างขึ้นตั้งแต่ 2550 ปีก่อนคริสตศักราช ประกอบด้วยก้อนหินจำนวน 2.3 ล้านก้อน วิธีการสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาในช่วงเวลาสองพันปีก่อนหน้านี้สร้างความประหลาดใจให้คนในรุ่นปัจจุบันไม่น้อย จึงไม่แปลกใจนักที่พีระมิดแห่งกิซ่าจะได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก คัปปาโดเกีย, ตุรกี
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของตุรกีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยภาพของบอลลูนลอยอยู่เหนือภูมิประเทศสุดแปลกประหลาดบนที่ราบสูงเออร์กับทางตอนกลางของประเทศตุรกี ซึ่งความมหัศจรรย์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากเถ้าถ่านและลาวาจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด และผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นเวลานับล้านปีจนกลายเป็นหินรูปร่างประหลาดแต่กลับงดงามอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

การชมพื้นที่มรดกโลกที่ดีที่สุดคือ การขึ้นบอลลูนในช่วงเช้าเพื่อชมแสงแดดยามเช้าทอประกายไปกับสันเขาขรุขระ และเยี่ยมชมพื้นที่ส่วนอื่น ๆ เช่น เมืองใต้ดินและโบสถ์เก่าแก่ แต่ถ้าอยากได้ประสบการณ์ที่เหนือชั้นไปอีกขั้นลองจองโรงแรมสุดทันสมัยที่อยู่ในผาหิน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยจริง ๆ ของคนในสมัยก่อน อีสฟาฮาน, อิหร่าน
ทั้งสิ่งก่อสร้างและสวนเปอร์เซียต่างเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อีสฟาฮานเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอิหร่าน  โดยเฉพาะที่จัตุรัสอิหม่ามที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก ด้วยขนาดที่ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 9 หมื่นตารางเมตร และงดงามด้วยองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมอิสลาม โดยทางทิศใต้เป็นที่ตั้งของมัสยิดหลวง ซึ่งหันหน้าสู่นครเมกกะ ส่วนนักท่องเที่ยวก็สามารถเข้าชมด้านในและเดินชมตลาดที่อยู่บริเวณรอบ ๆ จัตุรัสได้ เทลอาวีฟ, อิสราเอล
แม้ภาพจำของอิสราเอลจะเป็นเมืองแห่งศาสนา แต่เทลอาวีฟที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีสันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยหาดทรายสวย ๆ และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ไม่ธรรมดา แต่ในเมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ยังมีส่วนหนึ่งที่เรียกว่า เมืองสีขาว ซึ่งได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งโดดเด่นด้วยการวางผังเมืองที่ทันสมัยที่สุดในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 รายล้อมด้วยเหล่าอาคารที่ได้รับการออกแบบจากสถาปนิกสมัยใหม่ผู้ศึกษาการออกแบบจากยุโรป แต่ก็กลมกลืนไปกับวัฒนธรรมในท้องถิ่นและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ มูซานดัมฟยอร์ด, โอมาน
โอมานได้ชื่อว่ามีชายหาดและจุดดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกตะวันออกกลาง และยังเป็นแหล่งชมโลมาและวาฬที่สุดยอดที่สุด “นอร์เวย์แห่งอาระเบีย” ก็เป็นอีกชื่อหนึ่งของโอมาน ก็เพราะเวิ้งอ่าวมูซานดัมนั้นงดงามสูสีพอ ๆ กับเวิ้งมหาสมุทรแห่งนอร์เวย์ แต่มีความแตกต่างคือสีแดงของผาหินนั้นตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเลที่ช่วยเพิ่มมนตร์ขลังกับฟยอร์ดแห่งนี้ วิธีการชมเวิ้งอ่าวที่ดีที่สุดคือนั่งเรือไม้โบราณแบบดั้งเดิม แล้วไปดำน้ำดูปะการัง จากนั้นแวะเยี่ยมชมเกาะเทเลกราฟ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งสถานีโทรเลขของอังกฤษ

You May Also Like