นักวิทย์ฯ ออสเตรเลีย หวั่นปะการังทั่วโลกเผชิญภาวะวิกฤต

วิกฤตปะการังทั่วโลก ภาวะฟอกขาวและการกัดกร่อนครั้งใหญ่
ความงามของโลกใต้ทะเลทั่วโลกอย่างแนวปะการัง อาจกำลังเผชิญภาวะวิกฤตครั้งใหญ่ในประมาณ 30 ปี ข้างหน้า
เมื่อเร็วๆนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์จากออสเตรเลีย เปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลว่า แนวปะการังทั่วโลกอาจเผชิญกับภาวะฟอกขาว และการกัดกร่อนครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า

การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ทีมดังกล่าว ถูกนำมาเผยแพร่ในวารสารทางวิทยาศาสตร์พีเอ็นเอเอส (PNAS) ในสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้ดูแล The Great Barrier Reef ซึ่งเป็นแนวปะการังใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของออสเตรเลีย

กิลเยร์โม ดิแอซ-พูลิโด (Guillermo Diaz-Pulido) นักนิเวศวิทยาพืชทะเลจาก Griffith University รัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย ระบุในบทความที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์ The Conversation ว่าแนวปะการัง The Great Barrier Reef ได้สร้างเม็ดเงินราว 6.4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1.55 แสนล้านบาท) ให้กับประเทศ

การศึกษาดังกล่าวอิงจากข้อมูลแนวปะการังทั่วโลก 183 แห่ง โดยพิจารณาถึงผลกระทบของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นของมหาสมุทรและความเป็นกรดที่สูงขึ้นตามแนวปะการัง 

“คลื่นความร้อนในทะเล ซึ่งมีสาเหตุมาจากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นของมหาสมุทร ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศของแนวปะการัง ด้วยการก่อให้เกิดภาวะฟอกขาวครั้งใหญ่” ทีมนักวิทยาศาสตร์ระบุ และแนวปะการัง The Great Barrier Reef เผชิญกับภาวะฟอกขาวมาตั้งแต่ปี 2016 ทีมนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ภาวะฟอกขาวนี้เกิดขึ้นบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ปะการังตายเป็นวงกว้าง โดยพวกเขาเชื่อว่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปกป้องระบบนิเวศปะการัง

ทีมนักวิทยาศาสตร์คาดว่าหากยังมีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แนวปะการังทั่วโลกราวร้อยละ 94 จะถูกกัดกร่อนลงภายในปี 2050

ดร. คริสโตเฟอร์ คอร์นวอลล์ (Christopher Cornwall) นักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยเวลลิงตันของนิวซีแลนด์ กล่าวว่าเรากำลังสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปะการัง และการปกป้องปะการังที่ลดลงอย่างมาก อันเนื่องมาจากภาวะฟอกขาวครั้งใหญ่ โดยความหวังเพียงหนึ่งเดียวเพื่อฟื้นฟูแนวปะการัง คือ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานทางเลือกประเภทอื่นแทนการใช้เชื้อเพลงฟอสซิลโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

ที่มา: สำนักข่าวซินหัวไทย

You May Also Like