ประกาศผลแล้วสำหรับ Best in travel 2020 โดย Lonely Planet สื่อท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งในหมวด “ประเทศน่าเที่ยวที่สุด” ในปีหน้า มีทั้งหมด 10 อันดับ 1. Bhutan
ภูฏาน ดินแดนมังกรสายฟ้าแห่งอ้อมกอดหิมาลัย ที่ดัชนีความสุขนั้นสูงติดระดับต้นๆของโลก วิถีชีวิตเรียบง่าย แง่งามตามวิถีแห่งพุทธศาสนา ตลอดจนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว อากาศแสนบริสุทธิ์จนเป็นประเทศเดียวในโลกที่ไม่ใช่เพียงแค่โลว์คาร์บอน แต่มีค่าคาร์บอนเป็นลบ และสามารถประกาศตัวเป็นประเทศออร์แกนิกได้อย่างเต็มภาคภูมิ 2. England
เกาะอังกฤษกำลังพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีระยะทางยาวกว่า 3 พันไมล์ ที่คุณจะได้พบกับธรรมชาติตระการตา ร่องรอยประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตท้องถิ่น และ ฟิช แอนด์ ชิบ ต้นตำรับ 3. North Macedonia
มาเซโดเนียเหนือ หรือชื่อเดิม มาเซโดเนีย เพิ่งลงนามข้อตกลงเพื่อแก้ปัญหาวุ่นๆเรื่องพรมแดนกับกรีซไป จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่ประเทสแห่งนี้จะเปิดรับการท่องเที่ยวอย่างจริงๆจังๆ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติ อาหารการกิน และวัฒนธรรมที่โดดเด่น และในปีหน้า มีเส้นทางการบินไปทะเลสาบ Ohrid หนึ่งในไฮไลท์ระดับ 5 ดาวของประเทศ 4. Aruba
เกาะในทะเลแคริบเบียน ประกาศนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้พลาสติกให้คุ้มค่า การแบนโลชั่นกันแดดที่มีผลต่อสภาวะแวดล้อม และปะการัง ดังนั้นความโดดเด่นที่สุดของเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากเวเนซูเอล่า ก็คือ หาดทรายขาวสะอาด ทะเลใสๆแสนบริสุทธิ์ 5. Eswatini
ราชอาณาจักรแห่งเอสวาตินี หรือชื่อเดิมที่เราคุ้นเคย คือ ประเทศสวาซิแลนด์ ฉลองการประกาศเอกราชครบ 50 ปีไปเมื่อปีก่อน แต่ปีหน้ายิ่งคึกคักกว่าเดิม เพราะการพัฒนาสาธารณูปโภค ถนนหนทาง สนามบินแห่งใหม่ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักว่าประเทศทางแอฟริกาตอนใต้แห่งนี้ มีจุดขายเรื่องการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ-ซาฟารี ที่สมบูรณ์ไม่น้อยไปกว่าที่อื่น 6. Costa Rica
หนึ่งในดินแดนของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเป็นดั่งสวรรค์ของการท่องเที่ยวป่าเขตร้อน ซึ่งมีธรรมชาติบริสุทธิ์ทั้งรูปแบบป่าเขา น้ำตก ภูเขาไฟ ไปจนถึงทะเลสวย 7. The Netherlands
เนเธอร์แลนด์ครบรอบ 75 ปี ที่ได้รับอิสรภาพภายหลังฝุ่นควันแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศที่มีเสน่ห์แห่งนี้ เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และกิจกรรมสนุกสนาน ข้อสำคัญคือระบบรถไฟที่ดีเยี่ยม รวมถึงเส้นทางจักรยานที่ขยายเครือข่ายมากกว่าเดิม รวมแล้วกว่า 35,000 กิโลเมตร ที่จะนำให้คุณไปซอกแซกสำรวจแหล่งท่องเที่ยวได้มากกว่าเดิม 8. Liberia
ดินแดนแอฟริกาตะวันตกที่ยังลึกลับเป็นปริศนากับใครหลายคน แต่ถ้ารู้จักให้ดีแล้วล่ะก็ ประเทศไลบีเรีย มีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล รีสอร์ทในราคาย่อมเยา แหล่งเล่นเซิร์ฟชั้นยอด แหล่งเที่ยวอุทยานฯที่คุณจะเจอชิมแปนซี ช้างแอฟริกา และฮิปโปได้ไม่ยาก ประเทศแห่งนี้ยังได้ทำข้อตกลงกับนอร์เวย์เพื่อการอนุรักษ์ป่าไม้ไว้เป็นสมบัติแก่คนรุ่นหลังอีกด้วย 9. Morocco
เสน่ห์ของโมร็อกโกนั้นมัดใจใครต่อใครหลายคน โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์แบบแอฟริกาตอนเหนือ และปีหน้า เมืองดังอย่างมาร์ราเกซ ยังได้รับให้เป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมแอฟริกันเป็นครั้งแรก 10. Uruguay
นอกจากธรรมชาติที่เป็นจุดขายแล้ว อุรุกวัย ยังขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศโซนอเมริกาใต้ที่ผู้คนเป็นมิตร ทั้งยังก้าวหน้าด้วยเป็นประเทศที่สนับสนุนสิทธิความเท่าเทียมทางเพศแก่กลุ่ม LGBTQ รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ภูฏาน ดินแดนมังกรสายฟ้าแห่งอ้อมกอดหิมาลัย ที่ดัชนีความสุขนั้นสูงติดระดับต้นๆของโลก วิถีชีวิตเรียบง่าย แง่งามตามวิถีแห่งพุทธศาสนา ตลอดจนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว อากาศแสนบริสุทธิ์จนเป็นประเทศเดียวในโลกที่ไม่ใช่เพียงแค่โลว์คาร์บอน แต่มีค่าคาร์บอนเป็นลบ และสามารถประกาศตัวเป็นประเทศออร์แกนิกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
เกาะอังกฤษกำลังพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีระยะทางยาวกว่า 3 พันไมล์ ที่คุณจะได้พบกับธรรมชาติตระการตา ร่องรอยประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตท้องถิ่น และ ฟิช แอนด์ ชิบ ต้นตำรับ
มาเซโดเนียเหนือ หรือชื่อเดิม มาเซโดเนีย เพิ่งลงนามข้อตกลงเพื่อแก้ปัญหาวุ่นๆเรื่องพรมแดนกับกรีซไป จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่ประเทสแห่งนี้จะเปิดรับการท่องเที่ยวอย่างจริงๆจังๆ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติ อาหารการกิน และวัฒนธรรมที่โดดเด่น และในปีหน้า มีเส้นทางการบินไปทะเลสาบ Ohrid หนึ่งในไฮไลท์ระดับ 5 ดาวของประเทศ
เกาะในทะเลแคริบเบียน ประกาศนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้พลาสติกให้คุ้มค่า การแบนโลชั่นกันแดดที่มีผลต่อสภาวะแวดล้อม และปะการัง ดังนั้นความโดดเด่นที่สุดของเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากเวเนซูเอล่า ก็คือ หาดทรายขาวสะอาด ทะเลใสๆแสนบริสุทธิ์
ราชอาณาจักรแห่งเอสวาตินี หรือชื่อเดิมที่เราคุ้นเคย คือ ประเทศสวาซิแลนด์ ฉลองการประกาศเอกราชครบ 50 ปีไปเมื่อปีก่อน แต่ปีหน้ายิ่งคึกคักกว่าเดิม เพราะการพัฒนาสาธารณูปโภค ถนนหนทาง สนามบินแห่งใหม่ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักว่าประเทศทางแอฟริกาตอนใต้แห่งนี้ มีจุดขายเรื่องการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ-ซาฟารี ที่สมบูรณ์ไม่น้อยไปกว่าที่อื่น
หนึ่งในดินแดนของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเป็นดั่งสวรรค์ของการท่องเที่ยวป่าเขตร้อน ซึ่งมีธรรมชาติบริสุทธิ์ทั้งรูปแบบป่าเขา น้ำตก ภูเขาไฟ ไปจนถึงทะเลสวย
เนเธอร์แลนด์ครบรอบ 75 ปี ที่ได้รับอิสรภาพภายหลังฝุ่นควันแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศที่มีเสน่ห์แห่งนี้ เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และกิจกรรมสนุกสนาน ข้อสำคัญคือระบบรถไฟที่ดีเยี่ยม รวมถึงเส้นทางจักรยานที่ขยายเครือข่ายมากกว่าเดิม รวมแล้วกว่า 35,000 กิโลเมตร ที่จะนำให้คุณไปซอกแซกสำรวจแหล่งท่องเที่ยวได้มากกว่าเดิม
ดินแดนแอฟริกาตะวันตกที่ยังลึกลับเป็นปริศนากับใครหลายคน แต่ถ้ารู้จักให้ดีแล้วล่ะก็ ประเทศไลบีเรีย มีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล รีสอร์ทในราคาย่อมเยา แหล่งเล่นเซิร์ฟชั้นยอด แหล่งเที่ยวอุทยานฯที่คุณจะเจอชิมแปนซี ช้างแอฟริกา และฮิปโปได้ไม่ยาก ประเทศแห่งนี้ยังได้ทำข้อตกลงกับนอร์เวย์เพื่อการอนุรักษ์ป่าไม้ไว้เป็นสมบัติแก่คนรุ่นหลังอีกด้วย
เสน่ห์ของโมร็อกโกนั้นมัดใจใครต่อใครหลายคน โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์แบบแอฟริกาตอนเหนือ และปีหน้า เมืองดังอย่างมาร์ราเกซ ยังได้รับให้เป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมแอฟริกันเป็นครั้งแรก
นอกจากธรรมชาติที่เป็นจุดขายแล้ว อุรุกวัย ยังขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศโซนอเมริกาใต้ที่ผู้คนเป็นมิตร ทั้งยังก้าวหน้าด้วยเป็นประเทศที่สนับสนุนสิทธิความเท่าเทียมทางเพศแก่กลุ่ม LGBTQ รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน