นักเขียน John Walton แห่งเว็บไซต์ lonelyplanet.com ได้เขียนบทความคาดการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก รวมถึงการเดินทางโดยเครื่องบินที่จะเปลี่ยนไป หลังภัยโรคระบาด COVID-19 จบลง
1. ราคาตั๋วเครื่องบิน
ทันทีที่สถานการณ์นั้นดีขึ้น มีความเป็นไปได้ที่สายการบินจะเริ่มไตร่ตรองเรื่องจำนวนเครื่องบินที่จะนำกลับมาใช้บริการอีกครั้ง เพราะการที่ทุกคนจะกลับมาเดินทางอีกครั้งนั้นอาจจะใช้เวลาเป็นปี แน่นอนว่าจำนวนผู้โดยสารที่ลดน้อยลงจะส่งผลต่อจำนวนที่นั่งที่ขายได้ จึงไม่แปลกที่ราคาตั๋วเครื่องบินจะสูงขึ้น หรือสายการบินอาจจะหันมาใช้เครื่องบินขนาดเล็กมากขึ้น และผู้เดินทางอาจจะต้องต่อเครื่องหากไม่ได้เดินทางจากเมืองศูนย์กลางขนาดใหญ่
หนึ่งในวิธีการที่สายการบินพยายามตอบสนองกับนโยบายเพิ่มระยะห่างทางกายภาพระหว่างผู้โดยสาร คือการปิดที่นั่งที่อยู่ติดกันเพื่อลดความใกล้ชิด ถึงแม้จะไม่ใช่มาตรการที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะรักษาความปลอดภัยของผู้โดยสารให้ได้มากที่สุด แต่แน่นอนว่าการทำแบบนี้จะเป็นไปไม่ได้ในระยะยาว เพราะการขายที่นั่งได้เพียงสองในสามของที่นั่งทั้งหมด จะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
3. ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ถึงแม้ว่าหน้ากากอนามัยจะไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกันได้ อุปกรณ์ดังกล่าวนี้ก็พอจะสร้างความอุ่นใจได้บ้าง
เราทุกคนรู้ดีเรื่องกฎห้ามนำของเหลวที่มีขนาดเกิน 100 มิลลิลิตร (3.4 ออนซ์) ขึ้นเครื่องเด็ดขาด แต่หลังจากนี้ เป็นไปได้ว่าเจลล้างมืออาจเป็นข้อยกเว้น US Transportation Security Administration ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบความปลอดภัยที่สนามบินเกือบทุกแห่งในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มอนุญาตให้น้ำยาฆ่าเชื้อในมือมีปริมาณของเหลวถึง 12 ออนซ์ผ่านการรักษาความปลอดภัย แต่มีข้อแม้ว่าต้องผ่านการคัดแยกพิเศษที่อาจจะใช้เวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย
5. ต้องตรวจอุณหภูมิร่างกายทุกครั้ง
การตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น อาจจะทำให้คุณอดขึ้นเครื่องได้ง่าย ๆ หากคุณกำลังมีไข้หรือแสดงอาหารที่เสี่ยงต่อการเป็นโรค COVID-19 มีตัวอย่างของสายการบินเอทิฮัด ซึ่งมีการตั้งจุดบริการตัวเองเพื่อให้ผู้โดยสารได้ตรวจสอบอัตราการหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงอุณหภูมิร่างกายของตัวเองก่อนขึ้นเครื่อง
สายการบินอาจต้องการหรือต้องสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย จึงเป็นไปได้ที่ผู้โดยสารจะได้รับการตรวจสอบร่างกายอย่างละเอียดยิ่งขึ้น และเมื่อมาถึงนักท่องเที่ยวควรวางแผนในการกักกันตัวเอง อาจเป็นการพักสองสามวันหรืออาจนานกว่านั้น
7. อาจต้องเตรียมเอกสารมากขึ้น
แต่ละประเทศก็มีมาตราการในการชะลอโรคที่แตกต่างกันไป อย่างเช่นแอพพลิเคชั่นติดตามตัวในประเทศสิงคโปร์ หรือการทดสอบทางการแพทย์ที่สนามบิน ซึ่งมาตรการหลาย ๆ อย่างที่เพิ่มมากขึ้นทำให้แต่ละประเทศต้องการเอกสารเกี่ยวกับผู้เดินทางมากขึ้นอย่างแน่นอน
กุญแจสำคัญเกี่ยวการเดินทางโดยเครื่องบินคือ อัปเดตข้อมูลของแต่ละประเทศอยู่เสมอ รวมถึงข้อมูลของสายการบินที่คุณเลือก และข้อมูลของสนามบินที่คุณต้องเดินทางไป
1. ราคาตั๋วเครื่องบิน
ทันทีที่สถานการณ์นั้นดีขึ้น มีความเป็นไปได้ที่สายการบินจะเริ่มไตร่ตรองเรื่องจำนวนเครื่องบินที่จะนำกลับมาใช้บริการอีกครั้ง เพราะการที่ทุกคนจะกลับมาเดินทางอีกครั้งนั้นอาจจะใช้เวลาเป็นปี แน่นอนว่าจำนวนผู้โดยสารที่ลดน้อยลงจะส่งผลต่อจำนวนที่นั่งที่ขายได้ จึงไม่แปลกที่ราคาตั๋วเครื่องบินจะสูงขึ้น หรือสายการบินอาจจะหันมาใช้เครื่องบินขนาดเล็กมากขึ้น และผู้เดินทางอาจจะต้องต่อเครื่องหากไม่ได้เดินทางจากเมืองศูนย์กลางขนาดใหญ่
หนึ่งในวิธีการที่สายการบินพยายามตอบสนองกับนโยบายเพิ่มระยะห่างทางกายภาพระหว่างผู้โดยสาร คือการปิดที่นั่งที่อยู่ติดกันเพื่อลดความใกล้ชิด ถึงแม้จะไม่ใช่มาตรการที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะรักษาความปลอดภัยของผู้โดยสารให้ได้มากที่สุด แต่แน่นอนว่าการทำแบบนี้จะเป็นไปไม่ได้ในระยะยาว เพราะการขายที่นั่งได้เพียงสองในสามของที่นั่งทั้งหมด จะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
3. ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ถึงแม้ว่าหน้ากากอนามัยจะไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกันได้ อุปกรณ์ดังกล่าวนี้ก็พอจะสร้างความอุ่นใจได้บ้าง
เราทุกคนรู้ดีเรื่องกฎห้ามนำของเหลวที่มีขนาดเกิน 100 มิลลิลิตร (3.4 ออนซ์) ขึ้นเครื่องเด็ดขาด แต่หลังจากนี้ เป็นไปได้ว่าเจลล้างมืออาจเป็นข้อยกเว้น US Transportation Security Administration ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบความปลอดภัยที่สนามบินเกือบทุกแห่งในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มอนุญาตให้น้ำยาฆ่าเชื้อในมือมีปริมาณของเหลวถึง 12 ออนซ์ผ่านการรักษาความปลอดภัย แต่มีข้อแม้ว่าต้องผ่านการคัดแยกพิเศษที่อาจจะใช้เวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย
5. ต้องตรวจอุณหภูมิร่างกายทุกครั้ง
การตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น อาจจะทำให้คุณอดขึ้นเครื่องได้ง่าย ๆ หากคุณกำลังมีไข้หรือแสดงอาหารที่เสี่ยงต่อการเป็นโรค COVID-19 มีตัวอย่างของสายการบินเอทิฮัด ซึ่งมีการตั้งจุดบริการตัวเองเพื่อให้ผู้โดยสารได้ตรวจสอบอัตราการหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงอุณหภูมิร่างกายของตัวเองก่อนขึ้นเครื่อง
สายการบินอาจต้องการหรือต้องสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย จึงเป็นไปได้ที่ผู้โดยสารจะได้รับการตรวจสอบร่างกายอย่างละเอียดยิ่งขึ้น และเมื่อมาถึงนักท่องเที่ยวควรวางแผนในการกักกันตัวเอง อาจเป็นการพักสองสามวันหรืออาจนานกว่านั้น
7. อาจต้องเตรียมเอกสารมากขึ้น
แต่ละประเทศก็มีมาตราการในการชะลอโรคที่แตกต่างกันไป อย่างเช่นแอพพลิเคชั่นติดตามตัวในประเทศสิงคโปร์ หรือการทดสอบทางการแพทย์ที่สนามบิน ซึ่งมาตรการหลาย ๆ อย่างที่เพิ่มมากขึ้นทำให้แต่ละประเทศต้องการเอกสารเกี่ยวกับผู้เดินทางมากขึ้นอย่างแน่นอน
กุญแจสำคัญเกี่ยวการเดินทางโดยเครื่องบินคือ อัปเดตข้อมูลของแต่ละประเทศอยู่เสมอ รวมถึงข้อมูลของสายการบินที่คุณเลือก และข้อมูลของสนามบินที่คุณต้องเดินทางไป
