จุดหมายปลายทางทั้งหมดนี้ไม่เคยปิดกั้นไอเดียเพื่อสร้างความยั่งยืน จากโรงแรมที่มุ่งมั่นจะลดการใช้พลังงาน ไปจนถึงทัวร์และกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบแทนชุมชนท้องถิ่นและช่วยเหลือสัตว์ป่าให้เจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ และนี่คือ 8 สถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ที่จะพาคุณเข้าไปสู่อ้อมกอดสีเขียวของธรรมชาติ Lake Garda, Italy
ในขณะที่ชายฝั่งอันหรูหราของทะเลสาบโคโมอาจดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาล เมื่อพูดถึงฮอตสปอตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็ต้องพูดถึง ทะเลสาบการ์ดา ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลีเท่านั้น แต่ยังเดินทางสะดวกด้วยมีรถไฟเชื่อมต่อโดยตรงจากมิลาน และยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมสีเขียวที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี Lefay Resort and Spa ชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 100% และพลังงาน 60 เปอร์เซ็นต์มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน วัสดุการออกแบบล้วนใช้เทคโนโลยีขั้นสูงช่วยลดการกระจายความร้อนและพลังงาน ส่วนหลังคานั้นปกคลุมด้วยพืชพรรณเพื่อลดมลภาวะทางสายตาและส่งเสริมพืชและสัตว์ในท้องถิ่น อย่าลืมแวะไปคลายเครียดด้วยการนวดที่สปา ซึ่งเป็นแห่งแรกในอิตาลีที่ได้รับใบรับรอง Ecological Spa จาก Ecocert Arosa, Switzerland
Arosa เป็นที่ตั้งของ Hotel Valsana ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในสวิตเซอร์แลนด์ใช้ความร้อนจากนวัตกรรม ‘Ice Battery’ – ระบบการสำรองพลังงาน โดยนำเอาพลังงานความร้อนส่วนเกินที่จะสูญเสียไปโดยเปล่าประโชยน์ กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หมู่บ้านรีสอร์ทอัลไพน์ที่มีเสน่ห์แห่งนี้กำลังช่วยสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีอื่นเช่นกัน โรงแรมหลายแห่งมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และยังมีจุดชาร์จในใจกลางเมืองที่ให้บริการฟรี จนได้รับสถานะ Alpine Pearl ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนที่กำลังพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน Galápagos Islands, Ecuador
หมู่เกาะกาลาปากอสอันไกลโพ้น เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ท่ามกลางความโดดเดี่ยวที่ดึงดูดใจ ยังมีเรื่องน่าชื่นใจจากบรรดาผู้ประกอบการที่พัก อย่างเช่น Pikaia Lodge โรงแรมสุดหรูที่กำลังเดินหน้าปกป้องสภาพแวดล้อม และชดเชยต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในการเดินทาง เชื่อหรือไม่ว่าโรงแรมปลอดคาร์บอนแห่งนี้สร้างขึ้นจากเหล็กกล้า ซึ่งคัดสรรมาเพื่อให้สะดวกในการรีไซเคิล ผนังถูกปกคลุมด้วยหินลาวาที่รวบรวมได้จากพื้นที่ที่ได้รับการรับรองจากอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส ส่วนประตูและเฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้สัก ตอนนี้โรงแรมมีโครงการปลูกป่า พืชเฉพาะถิ่นจำนวน 10,000 ต้น และใช้น้ำที่มาจากระบบเก็บเกี่ยวฝนบนชั้นดาดฟ้า
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมาก แนะนำว่าให้ค้นคว้าข้อมูลก่อนจะทำการจอง และหากเป็นไปได้ควรเดินทางเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อให้มีผลกระทบต่อสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติน้อยที่สุด The Bahamas
ตอนนี้บาฮามาสเริ่มใช้วิธีเชิงรุกในการปกป้องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เกาะ Andros ที่หันมาชักชวนให้แขกลองรับประทานปลาสิงโต ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่รุกรานกินปลาพื้นเมืองและรบกวนระบบนิเวศในท้องถิ่น และโรงแรม The Other Side ที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด ที่ Tiamo Resort ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมดได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อลดความเสี่ยงของมลภาวะ ด้วยแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่ใช้เพื่อช่วยให้น้ำร้อนและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นด้วยพนักงานที่เป็นชาวบาฮามาสทั้งหมด Pangulasian Island, Philippines
เกาะ Pangulasian ในฟิลิปปินส์เป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่อยากหลบหนีความวุ่นวาย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รีสอร์ตบนเกาะส่วนตัวแห่งนี้อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้คนในท้องถิ่นผ่านความคิดริเริ่มทางเศรษฐกิจ ด้วยการสอนศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองแก่สตรีในท้องถิ่น ซึ่งหาซื้อกันได้ที่ร้านค้าของโรงแรม
นอกจากนี้ยังมีโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติ ทำความสะอาดชายฝั่งสองครั้งต่อเดือน มาตรการป้องกันการจับปลาที่ผิดกฎหมาย ติดตั้ง Eco Reefs เพื่อช่วยฟื้นสภาพแวดล้อมทางทะเลที่เสียหาย และทุ่นจอดเรือ รวมถึงโครงการอนุรักษ์เต่า เพื่ออนุบาลลูกเต่าเกิดใหม่
และเพื่อรักษาระบบนิเวศนี้ไว้ในตัวของมันเอง ทีมงานทุกคนของที่นี่ได้รับการส่งเสริมให้เสนอโครงการใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ Werfenweng, Weissensee, Styria and Vienna, Austria
Werfenweng เป็นเมืองริมทะเลสาบที่สวยงามซึ่งกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ใครก็ตามที่เดินทางมาถึงสถานีรถไฟ สามารถใช้บริการรถรับส่งที่มีทั้งแบบฟรีและแบบที่มีราคาอยู่ที่ 10 ยูโร นักท่องเที่ยวสามารถใช้บัตรโดยสาร SAMO pass เพื่อใช้บริการยานพาหนะรักษ์โลก e-cars รถม้า และจักรยาน และ Werfenweng ไม่สู้เพื่อธรรมชาติอย่างเดียวดาย เพราะใน Weissensee Hotel Gralhof อาศัยระบบทำความร้อนจากเศษไม้ และมีครัวออร์แกนิกเต็มรูปแบบ ส่วนรีสอร์ท Styrian ซึ่งตั้งอยู่ใน Ramsau ริเริ่มโครงการที่เรียกว่า Ramsau Bioniere เพื่อคัดเลือกโรงแรม ฟาร์ม และเกสต์เฮาส์ ที่สนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติ ใช้พลังงาน และการสนับสนุนผลิตผลอินทรีย์ ด้านเมืองหลวงอย่างเวียนนาก็ไม่น้อยหน้า เพราะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเมืองหลวงสีเขียว เพราะเพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ในปี 2562 ด้วยสวนสาธารณะกว่า 2,000 แห่งกระจายอยู่ทั่วเมือง และโครงการ Green Taxi ที่ใช้รถไฮบริด 370 คัน และรถแท็กซี่พลังงานแก๊ส นอกจากนั้นเวียนนายังมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์มากกว่าเมืองอื่น ๆ (มากกว่า 800 เฮกตาร์ และฟาร์มในเมืองอีกสามแห่ง) รวมถึงสถานีแบ่งปันจักรยาน 120 แห่ง และเครือข่ายเส้นทางปั่นจักรยานรวมระยะทาง 1,300 กิโลเมตร Catalonia, Spain
กาตาลุญญาเป็นแคว้นแรกที่ได้รับการรับรองจาก Biosphere Responsible Tourism ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก Unesco และ GTSC (สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก) เพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์ทางชีวภาพระหว่างมนุษย์และธรรมชาติในแคว้นนี้ ถ้าอยากเป็นส่วนหนึ่ง ให้มองหาธุรกิจที่มี EU Ecolabel ใบรับรองที่เน้นผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคุณภาพสูง สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของภูมิภาคนี้ ได้แก่ เดินไปตามรอยเท้าไดโนเสาร์ที่อยู่ในซากดึกดำบรรพ์ในเหมืองถ่านหินแบบเปิดโล่งของ Fígols-Vallcebre Fumanya ซึ่งเป็นสถานที่ทางบรรพชีวินวิทยาที่กำหนดไว้ พื้นที่ที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งคือ Cardona Salt Mountain หลังจากเหมืองปิดตัวลงในปี 1990 อุทยานได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ Costa Rica
คอสตาริกาตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศปลอดคาร์บอนแห่งแรกของโลก และกำลังจะบรรลุเป้าหมายนี้ภายในปี 2021 ไฟฟ้าเกือบทั้งหมดมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และสหประชาชาติรู้สึกประทับใจอย่างมากกับความพยายามนี้ ทำให้อดีตประธานาธิบดี Luis Guillermo Solís ได้รับเลือกเป็นทูตพิเศษขององค์กรการท่องเที่ยวของสหประชาชาติ โครงการต่อไปของคอสตาริกานั้นว่าด้วยเรื่องของ กาแฟ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของคอสตาริกา แต่ก็เป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน The Coffee Institute of Costa Rica เลยร่วมมือกับกระทรวงเกษตรในการพัฒนาระบบดักจับแก๊ส จากกระบวนการย่อยสลายกากกาแฟแล้วนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิง
ในขณะที่ชายฝั่งอันหรูหราของทะเลสาบโคโมอาจดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาล เมื่อพูดถึงฮอตสปอตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็ต้องพูดถึง ทะเลสาบการ์ดา ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลีเท่านั้น แต่ยังเดินทางสะดวกด้วยมีรถไฟเชื่อมต่อโดยตรงจากมิลาน และยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมสีเขียวที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี
Arosa เป็นที่ตั้งของ Hotel Valsana ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในสวิตเซอร์แลนด์ใช้ความร้อนจากนวัตกรรม ‘Ice Battery’ – ระบบการสำรองพลังงาน โดยนำเอาพลังงานความร้อนส่วนเกินที่จะสูญเสียไปโดยเปล่าประโชยน์ กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
หมู่เกาะกาลาปากอสอันไกลโพ้น เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ท่ามกลางความโดดเดี่ยวที่ดึงดูดใจ ยังมีเรื่องน่าชื่นใจจากบรรดาผู้ประกอบการที่พัก อย่างเช่น Pikaia Lodge โรงแรมสุดหรูที่กำลังเดินหน้าปกป้องสภาพแวดล้อม และชดเชยต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในการเดินทาง
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมาก แนะนำว่าให้ค้นคว้าข้อมูลก่อนจะทำการจอง และหากเป็นไปได้ควรเดินทางเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อให้มีผลกระทบต่อสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติน้อยที่สุด
ตอนนี้บาฮามาสเริ่มใช้วิธีเชิงรุกในการปกป้องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เกาะ Andros ที่หันมาชักชวนให้แขกลองรับประทานปลาสิงโต ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่รุกรานกินปลาพื้นเมืองและรบกวนระบบนิเวศในท้องถิ่น และโรงแรม The Other Side ที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด
เกาะ Pangulasian ในฟิลิปปินส์เป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่อยากหลบหนีความวุ่นวาย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รีสอร์ตบนเกาะส่วนตัวแห่งนี้อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้คนในท้องถิ่นผ่านความคิดริเริ่มทางเศรษฐกิจ ด้วยการสอนศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองแก่สตรีในท้องถิ่น ซึ่งหาซื้อกันได้ที่ร้านค้าของโรงแรม
นอกจากนี้ยังมีโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติ ทำความสะอาดชายฝั่งสองครั้งต่อเดือน มาตรการป้องกันการจับปลาที่ผิดกฎหมาย ติดตั้ง Eco Reefs เพื่อช่วยฟื้นสภาพแวดล้อมทางทะเลที่เสียหาย และทุ่นจอดเรือ รวมถึงโครงการอนุรักษ์เต่า เพื่ออนุบาลลูกเต่าเกิดใหม่
และเพื่อรักษาระบบนิเวศนี้ไว้ในตัวของมันเอง ทีมงานทุกคนของที่นี่ได้รับการส่งเสริมให้เสนอโครงการใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ
Werfenweng เป็นเมืองริมทะเลสาบที่สวยงามซึ่งกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ใครก็ตามที่เดินทางมาถึงสถานีรถไฟ สามารถใช้บริการรถรับส่งที่มีทั้งแบบฟรีและแบบที่มีราคาอยู่ที่ 10 ยูโร นักท่องเที่ยวสามารถใช้บัตรโดยสาร SAMO pass เพื่อใช้บริการยานพาหนะรักษ์โลก e-cars รถม้า และจักรยาน
กาตาลุญญาเป็นแคว้นแรกที่ได้รับการรับรองจาก Biosphere Responsible Tourism ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก Unesco และ GTSC (สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก) เพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์ทางชีวภาพระหว่างมนุษย์และธรรมชาติในแคว้นนี้ ถ้าอยากเป็นส่วนหนึ่ง ให้มองหาธุรกิจที่มี EU Ecolabel ใบรับรองที่เน้นผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคุณภาพสูง
คอสตาริกาตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศปลอดคาร์บอนแห่งแรกของโลก และกำลังจะบรรลุเป้าหมายนี้ภายในปี 2021 ไฟฟ้าเกือบทั้งหมดมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และสหประชาชาติรู้สึกประทับใจอย่างมากกับความพยายามนี้ ทำให้อดีตประธานาธิบดี Luis Guillermo Solís ได้รับเลือกเป็นทูตพิเศษขององค์กรการท่องเที่ยวของสหประชาชาติ