เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมืองท่องเที่ยวดังของอิตาลีอย่าง “ฟลอเรนซ์” ได้ออกกฎ ห้ามไม่ให้ผู้คนออกไปเตร็ดเตร่ในย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืน เว้นแต่กรณีไปรับประทานอาหารภายในร้านเท่านั้น รวมถึงการมีข้อเรียกร้องให้เก็บภาษีจากแผงขายอาหารริมทาง
นายกเทศมนตรีเมืองฟลอเรนซ์ นายดาริโอ นาร์เดลลา (Dario Nardella) ได้ลงนามในคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้คนเดินเตร็ดเตร่ไปในบริเวณที่เป็นสถานที่นิยมในช่วงเวลาระหว่าง 21.00 น. – 6.00 น. ของวันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันเสาร์ จนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น โดยสถานที่ดังกล่าว ได้แก่ พื้นที่ย่านใจกลางเมืองประวัติศาสตร์ รวมถึงสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยม เว้นแต่เป็นลูกค้าของบาร์และร้านอาหารบริเวณนั้น
ข้อห้ามอื่นๆ ได้แก่ พื้นที่ส่วนกลาง Piazza Strozzi, Santa Croce และ Piazza S.S. Annunziata ซึ่งทุกแห่งล้วนเป็นสถานที่ที่ผู้คนชอบมาชุมนุมกันในตอนเย็นไปจนถึงค่ำ ระเบียบใหม่ยังรวมถึงห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มบนขั้นบันไดของมหาวิหาร Santo Spirito ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน หากใครฝ่าฝืนกฎจะถูกปรับ 400 – 1,000 ยูโร และคาดว่ากฎนี้จะใช้ไปจนกว่าจะสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ Eike Schmidt ผู้อำนวยการ Uffizi Galleries ที่ตั้งของคอลเลกชันศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เรียกร้อง “ภาษีแซนวิช”หรือ ‘sandwich tax’ จากแผงขายอาหารริมทาง ด้วยเหตุผลว่า มีผู้มาเยือนจำนวนมากที่ซื้อกินแล้วจบลงด้วยการทิ้งขยะเกลื่อนใจกลางเมือง ทั้งยังทำให้เกิดคราบสกปรกที่สร้างความเสียหายต่อพื้นผิวของหินที่มีมาตั้งแต่ยุคเรอเนซองส์ เนื่องจากเขามองว่าข้อห้ามในการกิน และค่าปรับสำหรับการทิ้งขยะ ได้พิสูจน์แล้วว่า ยังไม่เพียงพอในการจัดการกับปัญหานี้ ดังนั้นการให้เจ้าของแผงลอยรับผิดชอบไปด้วย จึงอาจเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม มีเสียงคัดค้านจากร้านอาหารริมทางสะท้อนกลับมาไม่น้อยเช่นกัน เพราะมองว่าเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจรายย่อยที่เพิ่งจะเริ่มมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ บ้างก็กล่าวว่าหนึ่งในวัฒนธรรมของฟลอเรนซ์ก็คือสตรีทฟู้ด รวมถึงการที่ผู้คนนำอาหารของตัวเองใส่กระเป๋าเป้และทิ้งขยะทุกที่โดยไม่เกี่ยวกับร้านอาหารริมทาง
ในภาพรวมของผู้ประกอบกิจการสตรีทฟู้ดให้ความเห็นที่ว่า เมืองควรผลักภาระไปยังนักท่องเที่ยวที่ประพฤติตัวไม่ดี คนที่ทิ้งขยะ หรือทำให้เมืองสกปรกมากกว่า
นายกเทศมนตรีเมืองฟลอเรนซ์ นายดาริโอ นาร์เดลลา (Dario Nardella) ได้ลงนามในคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้คนเดินเตร็ดเตร่ไปในบริเวณที่เป็นสถานที่นิยมในช่วงเวลาระหว่าง 21.00 น. – 6.00 น. ของวันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันเสาร์ จนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น โดยสถานที่ดังกล่าว ได้แก่ พื้นที่ย่านใจกลางเมืองประวัติศาสตร์ รวมถึงสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยม เว้นแต่เป็นลูกค้าของบาร์และร้านอาหารบริเวณนั้น
ข้อห้ามอื่นๆ ได้แก่ พื้นที่ส่วนกลาง Piazza Strozzi, Santa Croce และ Piazza S.S. Annunziata ซึ่งทุกแห่งล้วนเป็นสถานที่ที่ผู้คนชอบมาชุมนุมกันในตอนเย็นไปจนถึงค่ำ ระเบียบใหม่ยังรวมถึงห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มบนขั้นบันไดของมหาวิหาร Santo Spirito ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน หากใครฝ่าฝืนกฎจะถูกปรับ 400 – 1,000 ยูโร และคาดว่ากฎนี้จะใช้ไปจนกว่าจะสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตาม มีเสียงคัดค้านจากร้านอาหารริมทางสะท้อนกลับมาไม่น้อยเช่นกัน เพราะมองว่าเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจรายย่อยที่เพิ่งจะเริ่มมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ บ้างก็กล่าวว่าหนึ่งในวัฒนธรรมของฟลอเรนซ์ก็คือสตรีทฟู้ด รวมถึงการที่ผู้คนนำอาหารของตัวเองใส่กระเป๋าเป้และทิ้งขยะทุกที่โดยไม่เกี่ยวกับร้านอาหารริมทาง
ในภาพรวมของผู้ประกอบกิจการสตรีทฟู้ดให้ความเห็นที่ว่า เมืองควรผลักภาระไปยังนักท่องเที่ยวที่ประพฤติตัวไม่ดี คนที่ทิ้งขยะ หรือทำให้เมืองสกปรกมากกว่า