เมื่อวันอังคาร (6 ก.ค.) นิคอส ฮาร์ดาเลียส รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคุ้มครองพลเรือนและการบริหารจัดการภาวะวิกฤตของกรีซ ประกาศบังคับใช้ข้อจำกัดต่อสถานบันเทิงอีกครั้ง หลังจากพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มขึ้น
ฮาร์ดาเลียส แถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์อีอาร์ที (ERT) แห่งชาติของกรีซ ระบุว่าตั้งแต่วันพฤหัสบดีเป็นต้นไป (8 ก.ค.) ร้านอาหาร คาเฟ บาร์ และคลับทุกแห่ง จะต้องคุมเข้มเรื่องการนั่งในร้านของลูกค้า พร้อมเตือนว่าผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงินจำนวนมาก และถูกสั่งปิดให้บริการ
ฮาร์ดาเลียสอธิบายว่ามีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวหลังจากสถานประกอบกิจการบันเทิงหลายแห่งแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายวันที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน องค์การสาธารณสุขแห่งชาติของกรีซ (EODY) รายงานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 1,797 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมถึงมีผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพิ่ม 168 ราย ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ
ด้านเจ้าหน้าที่กรีซระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. ผู้ป่วยโรคโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าผู้ป่วยรายใหม่จำนวนมาก เกี่ยวข้องกับคนหนุ่มสาวที่ติดเชื้อจากสถานบันเทิง
ฮาร์ดาเลียสกล่าวว่า เชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา (Delta) ซึ่งมีอัตราการแพร่ระบาดมากกว่า กำลังแพร่ระบาดทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา และอาจกลายเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาด พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยทันที โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวเพื่อปกป้องพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่คนอื่นๆ
ฮาร์ดาเลียสระบุด้วยว่า ร้อยละ 99 ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งมีอายุระหว่าง 60-80 ปี และรักษาตัวอยู่ในแผนกผู้ป่วยหนัก หรือเสียชีวิตไปแล้วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตัวเลขทางการซึ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (5 ก.ค.) ระบุว่าปัจจุบันกรีซฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้วมากกว่า 8.8 ล้านโดส และมีประชาชนฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมากกว่า 4 ล้านคน
ทั้งนี้ กรีซทยอยผ่อนปรนข้อจำกัดซึ่งถูกบังคับใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดตั้งแต่ปีก่อน หลังจากผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายวันเริ่มมีจำนวนลดลงตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ
ที่มา: สำนักข่าวซินหัวไทย