5 โลเคชันตามรอยเจมส์ บอนด์ No Time To Die

สายลับไปไหน เราไปด้วย
No Time To Die ภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ 007 ภาคที่ 25 พร้อมฉายอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากเลื่อนไปเพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และอย่างที่รู้กันดีว่าในภาพยนตร์มักจะมีสถานที่สวย ๆ จากทั่วทุกมุมโลกปรากฏอยู่เสมอ โดยไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวังเลยสักครั้ง
ภาคใหม่นี้ก็เช่นกัน จากตัวอย่างภาพยนตร์ที่ปล่อยออกมาสักพักใหญ่ เราก็เริ่มเห็นแล้วว่ามีสถานที่สวย ๆ อะไรบ้างที่จะได้เห็นกันในภาพยนตร์เรื่องนี้

Port Antonia, Jamaica
ครั้งหนึ่ง เอียน เฟลมมิ่ง ผู้ให้กำเนิดตัวละครเจมส์ บอนด์ เคยมีบ้านพักตากอากาศชื่อว่า GoldenEye อยู่ในประเทศจาไมก้า ซึ่งฉากนี้จะปรากฏในช่วงเปิดตัวบอนด์ที่กำลังเพลิดเพลินกับการพักผ่อนหลังจากที่เขาหันหลังให้กับอาชีพสายลับ จนกระทั่งเขาโดนเรียกตัวให้กลับไปทำงานอีกครั้ง

แม้เอียน เฟลมมิ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1964 แต่ข้าวของต่าง ๆ ภายในบ้านพักตากอากาศของเขานั้นยังอยู่เหมือนเดิม มีบริษัททัวร์ Red Savannah คอยจัดทัวร์สุดหรูให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพักในบ้านหลังนี้ พร้อมทริปสุดหรูหรา แน่นอนว่าคุณสามารถนั่งบนเก้าอี้ที่เอียน เฟลมมิ่ง เคยนั่งเขียนนวนิยายเรื่อง 007 ได้ London, England
ทุกคนรู้ว่าบอนด์เป็นคนบริติช การถ่ายทำในบ้านเกิดของเขาจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีฉากน่าตื่นเต้นหลายอยู่หลายฉาก โดยเฉพาะฉากบนสะพานแฮมเมอร์สมิธ ที่ทอดข้ามแม่น้ำเทมส์

และแน่นอนว่าบอนด์ใช้ชีวิตอย่างมีระดับ ถ้าอยากได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดคือ เลือกพักที่ Grosvenor House Suites by Jumeriah Living เจ้าหน้าที่โรงแรมสามารถจัดทัวร์ตามรอยบอนด์ในสถานที่ถ่ายทำต่าง ๆ รอบเมืองได้ ตอนค่ำ ๆ อย่าลืมแวะบาร์แล้วสั่งบอนด์มาร์ตินี่ แบบเขย่าแต่ไม่ต้องคนด้วยล่ะ Faroe Islands
No Time To Die ถ่ายทำบนหมู่เกาะแฟโร เกาะนี้ตั้งอยู่ระหว่างไอซ์แลนด์และนอร์เวย์ เต็มไปด้วยเนินเขาสีเขียวตระหง่าน เป็นที่รักของเหล่านักปีนเขาอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะที่เกาะ Kalsoy เราแนะนำให้ขึ้นไปบนประภาคาร Kallur เพื่อชมวิวพาโนรามาของหมู่เกาะและมหาสมุทรแอตแลนติกที่ไกลสุดสายตา Matera, Italy
อิตาลีเป็นประเทศที่บอนด์มักจะเดินทางไปบ่อย ๆ ในช่วงหลังมานี้ และภาคล่าสุดก็มีการถ่ายทำเกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ทางตอนใต้ ซึ่งเป็นฉากการไล่ล่าผ่านเส้นทางสุดคดเคี้ยวด้วยรถคู่ใจของเขา Aston Martin DB5

มาเตรามีชื่อเสียงเพราะเป็นเมืองแห่งขุนเขา มีการเจาะเขาจนกลายเป็นถ้ำเพื่ออยู่อาศัย ความโดดเด่นนี้ทำให้เมืองนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ถ้าอยากได้ประสบการณ์แปลก ๆ สักครั้งต้องลองพักในโรงแรมถ้ำสักคืน Nittedal, Norway
จากตัวอย่างภาพยนตร์เราจะเห็นว่ามีการถ่ายทำบนทะเลสาบน้ำแข็ง ว่ากันว่าฉากนี้ถ่ายทำในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Nittedal ซึ่งอยู่ห่างจากออสโลไปทางเหนือเพียง 18 ไมล์ นอกจากนั้นยังมีฉากที่ถ่ายทำบนเส้นทาง Atlantic Ocean Road ที่ได้ชื่อว่ามีลมแรงที่สุดในนอร์เวย์ แต่ก็สวยงามจนแทบลืมหายใจ

You May Also Like