รวม 27 สถานที่คัลเลอร์ฟูลสุดในโลก

เติมสีสันให้ชีวิตหน่อยดีกว่า
สถานที่ท่องเที่ยวที่มาพร้อมกับสีสันจัดจ้าน ไม่ว่าจะเป็นสีจากธรรมชาติสร้างหรือสีจากฝีมือมนุษย์ นอกจากจะทำให้ให้นักท่องเที่ยวต้องตะลึงไปกับความตระการตาแล้ว ยังเชื้อเชิญให้หยุดถ่ายรูปได้ทุกมุมไม่รู้เบื่อ

พบกับ 27 สถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะทำให้ประทับใจไปกับโทนสีสุดหลากหลาย

1.Northern Lights, Manitoba
เมื่ออนุภาคประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ชนกับอะตอมในชั้นบรรยากาศของโลก จึงเกิดการระเบิดของแสงนับไม่ถ้วน เป็นต้นกำเนิดของแสงออโรร่า เต้นระบำบนท้องฟ้าบริเวณขั้วโลก ปรากฏการณ์นี้สามารถพบเห็นได้ในบริเวณละติจูดสูงที่อยู่ใกล้อาร์กติกและแอนตาร์กติกา โดยมีหลากหลายสีตั้งแต่สีเหลืองอ่อน สีเขียวสดใส ไปจนถึงสีม่วงเข้ม อลาสก้า กรีนแลนด์ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และแคนาดาเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมแสงออโรร่า 2.Mu Cang Chai Rice Terrace Fields, Vietnam
เทือกเขาสีเขียวชอุ่มนี้อยู่ห่างจากฮานอยไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 175 ไมล์ สาเหตุที่มูกางจ๋ายเป็นที่รักของเหล่าอินสตาแกรมเมอร์ เป็นเพราะการทำเกษตรกรรมบนภูมิประเทศสุดท้าทาย นาข้าวที่เรียงลดหลั่นมาเป็นขั้นบันไดให้ภาพที่สวยงาม ถ้าอยากชมทุ่งนาสีเขียว ให้ในช่วงปลายฤดูร้อน และเมื่อเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคมนาข้าวบนภูเขาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่าม 3.The Highlands, Scotland
เขตภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของสกอตแลนด์ไฮแลนด์ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม (แต่มีลมพัดแรง) แนะนำให้ขับรถไปตามถนน North Coast 500 ลัดเลาะไปตามทางตอนเหนือของไฮแลนด์ แล้วจะได้พบกับปราสาทในเทพนิยาย ชายหาด และซากปรักหักพัง สภาพอากาศจะกำลังดีในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 4.Old San Juan, Puerto Rico
เมืองเก่าซานฮวนที่เต็มไปด้วยสีสัน ผสมผสานที่กลมกลืนไปกับถนนที่ปูด้วยหินสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมของสเปนย้อนหลังไปถึงทศวรรษที่ 1500 และงานทาสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแคริบเบียน แม้พายุเฮอริเคนมาเรีย ทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะไปในเดือนกันยายน 2017 แต่เขตประวัติศาสตร์แห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่แรก ๆ ที่ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว 5.The Maldives
มัลดีฟส์เป็นหนึ่งประเทศที่มีเกาะปะการังอยู่ถึง 26 เกาะและมีเกาะอีกมากกว่า 1,000 เกาะ อยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย  ด้วยสถานที่ดำน้ำและรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงระดับโลก มัลดีฟส์เลยกลายเป็นส่วนผสมที่แสนลงตัวระหว่างการพักผ่อนและการผจญภัยท่ามกลางน้ำทะเลสีมรกตล้อมรอบ 6.Blue Lagoon, Iceland
หินลาวาสีดำล้อมรอบน้ำทะเลสีฟ้าน้ำนมและไอน้ำที่ลอยละล่องเหมือนก้อนเมฆเป็นรูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตาได้ไม่ยาก ถ้าอยากได้ประสบการณ์แบบเต็มร้อยต้องลงไปแช่ตัวในน้ำ 100 องศาจากการผลิตความร้อนใต้พื้นพิภพ ที่ได้บรรยากาศราวกับทำสปา 7.Great Blue Hole, Belize
ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งเบลีซประมาณ 60 ไมล์ ประกอบไปด้วยแนวปะการังและหลุมสีน้ำเงินขนาดใหญ่ มีความกว้าง 1,000 ฟุตอยู่ตรงกลางของอะทอลล์ Jacques Cousteau และไฮไลต์ของมันคือความลึกในแนวดิ่งประมาณ 400 ฟุต  เหล่านักสำรวจมหาสมุทรยกให้ที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกเมื่อปี 1971 8.The Dead Sea
ความเค็มของเดดซีนั้นมากกว่าน้ำทะเลส่วนใหญ่ถึงสิบเท่าสังเกตว่ามีเกลือสีขาวสว่างเกาะอยู่ตามริมฝั่ง สาเหตุที่เรียกว่าเดดซีนั่นก็เพราะนักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจเลยว่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดเติบโตได้ ณ ใต้ผืนน้ำเค็มแห่งนี้ 10.Chefchaouen, Morocco
เมืองป้อมปราการสมัยศตวรรษที่ 15 แห่งนี้อยู่ห่างจากแทนเจียร์ไปทางใต้ประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะอาคารทั้งหมดถูกแต่งแต้มไปด้วยสีฟ้าชวนฝัน แม้แต่ถนนและบันไดของเมืองเก่าที่คดเคี้ยวก็มีสีฟ้า ทำไมต้องเป็นสีฟ้า? เมื่อผู้ลี้ภัยชาวยิวจากสเปนย้ายมาที่นี่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 พวกเขานำประเพณีการระบายสีฟ้ามาด้วยเพื่อสะท้อนความศรัทธาในพระเจ้า 11.Grape Hyacinths, the Netherlands
เมื่อคุณนึกถึงประเทศเนเธอร์แลนด์คุณมักจะนึกถึงดอกทิวลิปในทุ่งกว้างโทนสีแดง ม่วง แต่ในขณะเดียวกันเนเธอร์แลนด์ก็มีไร่ดอกไฮยาซินธ์ที่มีลักษณะเป็นกระเปาะคล้ายพวงองุ่น คุณจะได้เห็นดอกไม้สีม่วงอมฟ้าที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งที่ Lisse’s Keukenhof Park ทางตอนใต้ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนพฤษภาคมเท่านั้น 12.Mono Lake, California
เป็นทะเลสาบไม่มีทางออกจึงมีปริมาณเกลือสะสมในระดับสูง และโครงสร้างแคลเซียมคาร์บอเนตเหล่านี้ส่งผลให้น้ำในทะเลสาบมีความเป็นด่างสูงมาก พื้นที่โดยรอบจึงไม่มีต้นไม่เจริญเติบโต เลยทำให้ที่นี่เป็นจุดดูดาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพราะไม่มีอะไรมาบดบังสายตา 13.Provence, France
ทุ่งลาเวนเดอร์ทอดยาวสุดสายตาทำให้โพรวองซ์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุด (และมีกลิ่นหอมที่สุด) ในฝรั่งเศส หนึ่งในจุดชมวิวทุ่งดอกไม้ที่สวยงามที่สุดคือSénanque Abbey ซึ่งเป็นโบสถ์สมัยศตวรรษที่สิบสองใกล้หมู่บ้านกอร์เดส  โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่ดอกไม้จะบานสะพรั่งจนกลายเป็นทะเลสีม่วง 14.Valley of Fire, Nevada
ชมดินแดนขนาด 40,000 เอเคอร์ ที่เต็มไปด้วยหินทรายสีแดงสดต้นไม้กลายเป็นหินและรูปหินจากอารยธรรมโบราณ ถ้าไม่อยากเผชิญกับความร้อนแผดเผา แนะนำให้ไปตั้งแต่เช้าตรู่ 15.Las Salinas de Torrevieja, Spain
โลกเต็มไปด้วยแหล่งน้ำ ตั้งแต่ทะเลสาบสีเขียวของนิวซีแลนด์ไปจนถึงน้ำพุร้อนหลากสีของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน แต่ทะเลสาบน้ำเค็มในเมือง Torrevieja ประเทศสเปนเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่น่ารื่นรมย์ที่สุด เนื่องจากบริเวณนี้มีส่วนผสมของแบคทีเรียและสาหร่ายทำให้น้ำมีสีชมพู 16.Lofoten Islands, Norway
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปถึงหมู่เกาะโลโฟเทนนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของนอร์เวย์ แต่เมื่อคุณอยู่ที่นั่นคุณจะพบกับความงามที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริง สถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของ Lofoten คือหมู่บ้านชาวประมงที่ทาสีซึ่งพบได้ทั่วเกาะ กระท่อมไม้สีแดงและสีขาวของชาวประมง และถ้ามาถูกช่วงเวลาก็อาจจะได้เห็นแสงออโรร่าบนท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วย 17.Lake Natron, Tanzania
ชายแดนทางเหนือของแทนซาเนียเป็นที่ตั้งของทะเลสาบสีแดงเข้ม มีทั้งมีปริมาณเกลือสูงและอุณหภูมิราว ๆ 120 องศาฟาเรนไฮต์ และมีความเป็นด่างสูงมากจน pH มีค่าเท่ากับแอมโมเนีย สิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบคือสาหร่ายสีแดงที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย อย่างไรก็ตาม รอบ ๆ ทะเลสาบเป็นพื้นที่ที่มีนกฟลามิงโกสีชมพูจำนวนมากที่สุดในโลก พวกมันจะมาวางไข่ในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคม 18.Laguna Colorada, Bolivia
ทะเลสาบเกลือแห่งนี้อยู่ในเงามืดของเทือกเขาแอนดีส มีเรื่องราวคล้ายกับ Lake Natron ของแทนซาเนีย มีพื้นที่ 14,000 เอเคอร์ลึกเพียง 3 ฟุตน้ำของมันมีสีแดงเลือดเนื่องจากความเป็นด่างที่รุนแรงและสาหร่ายที่เจริญเติบโตได้ดีในความร้อน และสิ่งที่เหมือนกันกับทะเลสาบ Natron คือ Laguna Colorada เป็นแหล่งเลี้ยงนกฟลามิงโก โดยเฉพาะนกฟลามิงโกเจมส์สีชมพูอ่อนหายาก 19.Valley of the Moon, Chile
Valle de la Luna ซึ่งตั้งชื่อตามภูมิทัศน์ของดวงจันทร์ เมื่อดวงอาทิตย์ตกในทุกเย็น การเปลี่ยนแปลงของแสงทำให้โขดหินเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีแดงเข้ม ก่อนที่ท้องฟ้าจะเต็มไปดวงดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้า ที่นี่เลยขึ้นชื่อว่าเป็นจุดดูดาวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 20.Chengdu, China
เมืองหลวงของมณฑลเสฉวนเป็นที่รู้จักในด้านวัฒนธรรมร่วมสมัย เส้นทางชมความงดงามขอเฉิงตูเริ่มต้นที่ถนน Jinli กับจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น และดูสีแดงจากโคมไฟซึ่งมักจะถูกแขวนไว้ในช่วงตรุษจีน ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 21.Fushimi Inari Taisha, Japan
ทางเดินไปยังศาลเจ้าชั้นในของ Fushimi Inari ในเกียวโต เรียงรายไปด้วยประตูสีแดงส้มหรือโทริอิสมากกว่า 10,000 ประตู เสาโทริอิสร้างขึ้นใกล้ ๆ กันและสลักชื่อของผู้บริจาค ภาพที่งดงามทำให้ทางเดินนี้กลายเป็นขวัญใจสายโซเชียลมีเดีย จึงต้องทำใจนิดหน่อยเพราะคนหนาแน่นมาก 22.Antelope Canyon, Utah
หุบเขาตั้งอยู่ลึกลงไปในทางตะวันออกรัฐแอริโซนา ประกอบด้วยสองส่วนคือ Upper Antelope Canyon และ Lower Antelope Canyon เกิดจากการกัดเซาะของหินทราย สังเกตได้จากลวดลายที่หมุนวนไปมาในหิน สำหรับจุดชมวิวที่ดีที่สุดอยู่ที่ Upper Antelope Canyon 23.Jaipur, India
ชัยปุระมีชื่อเล่นว่า “เมืองสีชมพู” ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่ามหาราชาของเมืองไสวรามซิงห์ที่ 2 สั่งให้ทาสีอาคารเป็นสีชมพูอมส้มในปี 1876 เพื่อรับเสด็จเจ้าชายอัลเบิร์ตและสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย และอาคารหลายหลังในเขตเมืองเก่าของเมืองยังคงทาสีนี้ในปัจจุบัน 24.Namib Sand Dunes, Namibia
นอกเหนือจากโทนสีที่ร้อนแรงแล้ว ทะเลทรายนามิบยังมีเนินทรายที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 1,256 ฟุต สายถ่ายภาพควรมาเยือนในตอนเช้าเนื่องจากเป็นช่วงที่เนินทรายน่าถ่ายรูปมากที่สุดโดยด้านหนึ่งจะส่องแสงเป็นสีแดงและอีกด้านหนึ่งอยู่ในเงามืด พร้อมกับต้นไม้ยืนต้นตายที่สะท้อนภาพความแห้งแล้งของดินแดนนี้ 25.Dallol, Ethiopia
ตั้งอยู่บนพรมแดนทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ร้อนแรงที่สุดในโลกเพราะมีทั้งภูเขาไฟและน้ำพุร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 94 องศาฟาเรนไฮต์และมักจะสูงถึง 116 ในช่วงฤดูร้อน พื้นผิวสีเหลืองสดใสในภาพนี้เป็นผลมาจากปฏิกิริยาของกำมะถันและเกลือ 26.Kebler Pass, Colorado
ฤดูใบไม้ร่วงอาจจะเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของโคโลราโด ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมาต้นแอสเพนในอุทยานแห่งชาติร็อกกีเมาน์เทนและทุ่งทุนดราเปลี่ยนจากดอกไม้ฤดูร้อนมาเป็นเฉดสีน้ำตาลแดงและสีทอง การขับรถชมใบไม้เปลี่ยนสีดูจะเป็นวิธีที่สะดวกสบายที่สุด 27.Arco de Santa Catalina, Antigua, Guatemala
เอกลักษณ์ของเมืองนี้มีอยู่สามอย่างด้วยกัน คือ อาคารสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมที่มีสีสัน ภูเขาไฟสูงตระหง่านล้อมรอบ และซุ้มประตูโค้งสีเหลืองขมิ้นใจกลางเมือง ในวันที่อากาศแจ่มใสให้ยืนทางด้านทิศเหนือของซุ้มประตูเพื่อชมภูเขาไฟภูเขาไฟอากัวพร้อมเก็บภาพซุ้มประตูที่โดดเด่นตัดกับสีของท้องฟ้า

You May Also Like