สินค้าเด่นอีกชิ้นของอิหร่านที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือพรมเปอร์เชีย ซึ่งพรมของแท้ทอมือนั้นราคาสูงมาก มีราคาตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน ไปจนถึงหลักล้านบาท เพราะพรมเปอร์เชีย คือ ศิลปะที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาเกือบสามพันปี พรมเปอร์เซียมีด้วยกันสองแบบ คือ Nomad carpet และ City type
พรมแบบ Nomad เป็นพรมที่ทอโดยชนเผ่าเร่ร่อนที่ไม่มีรูปแบบตายตัว ทอไปตามจินตนาการของแต่ละคน ส่วนแบบ City type มีการวางผัง วางลาย ซึ่งส่วนมากเป็นลวดลายที่มาจากธรรมชาติ ทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ และเป็นสไตล์ Medaliun คือ มีแพทเทิร์นเป็นวงกลมอยู่ตรงกลาง พรมเปอร์เซียของแท้ เป็นแบบ single knot คือ การมัดปมทีละปมกับเส้นด้าย ยิ่งมีปมมากยิ่งราคาแพง เพราะแสดงถึงความละเอียดและความแน่นของพรม ถ้าอย่างธรรมดาก็ต้อง 30 ปมต่อหนึ่งตารางเซนติเมตร ถ้าจะให้ดีขึ้นไปก็ต้อง 80 ปม ต่อหนึ่งตารางเซนติเมตร
สีพรมที่ใช้ทอสกัดมาจากต้นไม้ทางธรรมชาติ สีน้ำเงินมาจากคราม สีเหลืองมาจากแอสพารากัส และสีน้ำตาลมาจากเปลือกเชสนัท ฯลฯ พรมเปอร์เชียต่างจากพรมแคชเมียร์ตรงเทคนิคที่ใช้ในการทอ คุณภาพพรมนั้นให้ดูจากความนุ่ม และจำนวนปมที่ทอ รวมทั้งวัสดุที่ใช้ในการทอ เช่น มาจาก ผ้าไหม วูล หรือ ขนสัตว์ ส่วนราคาของพรมขึ้นกับอายุ แน่นอนว่ายิ่งเก่านับร้อยปีก็ยิ่งแพง นอกจากนี้อาจรวมถึงเทคนิคที่ใช้ในการทอ และชื่อของดีไซเนอร์ผู้คิดลาย พรมแต่ละผืนใช้เวลาในการทอนานเป็นแรมเดือนและแรมปี ดังนั้นพรมที่แท้จึงเป็นของสะสม ยิ่งนานราคาก็ยิ่งแพงขึ้น ปัจจุบันมีการทอพรมด้วยเครื่องจักรแต่อายุการใช้งานต่างกันมาก ขณะที่พรมทอมือใช้งานได้นานถึง 100 ปี แต่พรมจากเครื่องจักรนั้น พียงแค่ไม่กี่ปีก็อาจชำรุดเสื่อมสภาพ ดังนั้นการซื้อพรมกลับมาต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ ซึ่งมีประกาศยนีบัตรรับรองไว้
พรมแบบ Nomad เป็นพรมที่ทอโดยชนเผ่าเร่ร่อนที่ไม่มีรูปแบบตายตัว ทอไปตามจินตนาการของแต่ละคน ส่วนแบบ City type มีการวางผัง วางลาย ซึ่งส่วนมากเป็นลวดลายที่มาจากธรรมชาติ ทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ และเป็นสไตล์ Medaliun คือ มีแพทเทิร์นเป็นวงกลมอยู่ตรงกลาง
สีพรมที่ใช้ทอสกัดมาจากต้นไม้ทางธรรมชาติ สีน้ำเงินมาจากคราม สีเหลืองมาจากแอสพารากัส และสีน้ำตาลมาจากเปลือกเชสนัท ฯลฯ พรมเปอร์เชียต่างจากพรมแคชเมียร์ตรงเทคนิคที่ใช้ในการทอ คุณภาพพรมนั้นให้ดูจากความนุ่ม และจำนวนปมที่ทอ รวมทั้งวัสดุที่ใช้ในการทอ เช่น มาจาก ผ้าไหม วูล หรือ ขนสัตว์