ไปดูปลาพะยูนที่ จ.ตรัง
พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในน้ำ และเชื่อว่าเคยอาศัยอยู่บนบกมาก่อน แต่อพยพลงไปอยู่ในน้ำเมื่อราว 55 ล้านปีเมื่อแล้ว และไม่กลับขึ้นมาอยู่บนบกอีกเลย เหมือนกับพวกโลมาและปลาวาฬ พะยูนมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70 ปี มีความยาวประมาณ 2.5 – 3 เมตร และมีน้ำหนักราว 230 – 500 กิโลกรัม กินพืชในน้ำเป็นอาหาร โดยเฉพาะหญ้าทะเลริมชายฝั่ง ในเมืองไทยนั้น สมัยก่อนพะยูนอาศัยอยู่ทะเลทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงที่เดียว คือบริเวณแนวเขตพื้นที่หญ้าทะเลขนาดใหญ่ ในเกาะมุกและเกาะลิบง ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของพะยูนฝูงใหญ่ที่สุดของประเทศไทย หลังปิดประเทศเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้สภาพนิเวศวิทยาสมบูรณ์กว่าเดิม และเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำภาพความสวยงามของฝูงพะยูนที่บ้านมาเรียม ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมูเกาะลิบง จ.ตรัง มาเผยแพร่ เป็นภาพมุมสูงของฝูงพะยูนกว่า 20 ตัว ซึ่งเป็นภาพผู้ที่ฮือฮามากในตอนนั้น ชมฉลามวาฬ…ปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ปลาฉลามวาฬ (Whale Shark) เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตัวโตเต็มยาวประมาณ 12.5 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 21.5 ตัน ในไทยพบฉลามวาฬได้ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ฉลามวาฬแม้ว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่แต่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร
โดยการเปิดปากกว้างและว่ายน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อดักอาหารเข้าปาก กรองกินสิ่งมีชีวิตเล็กๆ และปล่อยน้ำออกทางช่องเหงือก ซึ่งปกติแล้วมันจะกินอาหารที่ผิวน้ำ หรือต่ำลงไปเล็กน้อย จุดที่มักพบฉลามวาฬในเมืองไทย คือ กองหินริเซลิว ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ รวมถึงเกาะบอนและเกาะตาชัยด้วย จะพบในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน และที่หินม่วง-หินแดง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา พบช่วงเดือนมกราคม รวมทั้งที่เกาะเต่า-เกาะนางยวน จ.สุราษฎร์ธานีด้วย ไปดูปลาโลมาสีชมพู ที่ขนอม
ชาวบ้านในหมู่บ้านที่อ.ขนอมส่วนใหญ่เป็นชาวประมงชายฝั่งที่ออกเรือหากุ้งหาปลา แต่บางวันสภาพอากาศไม่เป็นใจก็ไม่สามารถออกเรือได้ ทางชุมชนจึงรวมตัวกันตั้งกลุ่มอนุรักษ์และคิดหาทางเพิ่มรายได้ด้วยการให้บริการออกเรือชมโลมา ซึ่งโลมาในทะเลขนอมส่วนมากเป็นโลมาหลังโหนกซึ่งหากินอยู่ห่างฝั่งราวไม่เกิน 1 กิโลเมตร และออกหากินในช่วงเช้า ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมในการออกเรือชมโลมาก็คือประมาณไม่เกิน 10.00 น. ถ้าคลื่นลมดีมีโอกาสเห็นเจ้าโลมาได้มากถึง 80-90% เลยทีเดียว อีกทั้งยังชมได้เกือบตลอดปี ยกเว้นช่วงมรสุมเดือนพ.ย.-ธ.ค. ที่ชาวบ้านงดออกเรือ
โลมาเหล่านี้จะคุ้นชินกับเรือประมงชายฝั่ง เพราะคอยกินปลาเล็กปลาน้อยที่ติดอวน จึงตามมากินปลาใกล้ๆ เรือ ดังนั้นเมื่อออกเรือโลมาก็จะมาว่ายมาโชว์ตัวให้เห็น เรียกความตื่นเต้นจากนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก แต่โลมาที่เห็นจะเป็นสีเทาเพราะยังเป็นหนุ่มสาว ถ้าอายุมากขึ้นสีผิวถึงจะเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีชมพู ชมวาฬบรูด้า ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งอ่าวไทย
วาฬบรูด้าที่พบในประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นวาฬที่มาหากินใกล้กับเมืองหลวงมากที่สุด สามารถพบได้ที่จ.สมุทรสาคร พื้นที่รอยต่อกับเขตบางขุนเทียนหรือทะเลกรุงเทพฯนี่เอง ส่วนอีกที่คือที่จ.เพชรบุรี โดยวาฬบรูด้าเหล่านี้จะเข้ามาหากินในทะเลอ่าว ก.ไก่ ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ช่วงตั้งแต่ ต.บางตะบูน ต.บางแก้ว ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ในช่วงเดือนตุลาคม ไปจนถึงปลายปี นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือนั่งไปชมความน่ารักของวาฬบรูด้าได้อย่างใกล้ชิด ภาพที่วาฬบรูด้าโผล่หัวขึ้นพ้นผิวน้ำทะเล อ้าปากกว้างงับอาหารท่ามกลางฉากหลังที่เป็นฝูงนกนางนวลนับร้อยที่บินวนเวียนอยู่รอบตัว เพื่อรอจิกปลากะตักที่กระโดดหนีให้พ้นปากของเจ้าวาฬบรูด้า ถือเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง โยสามารถเช่าเหมาเรือประมงพื้นบ้าน และเรือนำเที่ยวล่องออกไปชมวาฬบรูด้ากลางทะเล ซึ่งมีจุดบริการให้เช่าเหมาเรือ 3 จุด คือ บริเวณแหลมผักเบี้ย บริเวณหาดเจ้าสำราญ และบริเวณอ่าวบางตะบูน ส่วนที่สมุทรสาครขึ้นเรือที่ หมู่บ้านประมงพันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในน้ำ และเชื่อว่าเคยอาศัยอยู่บนบกมาก่อน แต่อพยพลงไปอยู่ในน้ำเมื่อราว 55 ล้านปีเมื่อแล้ว และไม่กลับขึ้นมาอยู่บนบกอีกเลย เหมือนกับพวกโลมาและปลาวาฬ พะยูนมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70 ปี มีความยาวประมาณ 2.5 – 3 เมตร และมีน้ำหนักราว 230 – 500 กิโลกรัม กินพืชในน้ำเป็นอาหาร โดยเฉพาะหญ้าทะเลริมชายฝั่ง ในเมืองไทยนั้น สมัยก่อนพะยูนอาศัยอยู่ทะเลทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงที่เดียว คือบริเวณแนวเขตพื้นที่หญ้าทะเลขนาดใหญ่ ในเกาะมุกและเกาะลิบง ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของพะยูนฝูงใหญ่ที่สุดของประเทศไทย หลังปิดประเทศเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้สภาพนิเวศวิทยาสมบูรณ์กว่าเดิม และเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำภาพความสวยงามของฝูงพะยูนที่บ้านมาเรียม ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมูเกาะลิบง จ.ตรัง มาเผยแพร่ เป็นภาพมุมสูงของฝูงพะยูนกว่า 20 ตัว ซึ่งเป็นภาพผู้ที่ฮือฮามากในตอนนั้น ชมฉลามวาฬ…ปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ปลาฉลามวาฬ (Whale Shark) เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตัวโตเต็มยาวประมาณ 12.5 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 21.5 ตัน ในไทยพบฉลามวาฬได้ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ฉลามวาฬแม้ว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่แต่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร
โดยการเปิดปากกว้างและว่ายน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อดักอาหารเข้าปาก กรองกินสิ่งมีชีวิตเล็กๆ และปล่อยน้ำออกทางช่องเหงือก ซึ่งปกติแล้วมันจะกินอาหารที่ผิวน้ำ หรือต่ำลงไปเล็กน้อย จุดที่มักพบฉลามวาฬในเมืองไทย คือ กองหินริเซลิว ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ รวมถึงเกาะบอนและเกาะตาชัยด้วย จะพบในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน และที่หินม่วง-หินแดง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา พบช่วงเดือนมกราคม รวมทั้งที่เกาะเต่า-เกาะนางยวน จ.สุราษฎร์ธานีด้วย
ชาวบ้านในหมู่บ้านที่อ.ขนอมส่วนใหญ่เป็นชาวประมงชายฝั่งที่ออกเรือหากุ้งหาปลา แต่บางวันสภาพอากาศไม่เป็นใจก็ไม่สามารถออกเรือได้ ทางชุมชนจึงรวมตัวกันตั้งกลุ่มอนุรักษ์และคิดหาทางเพิ่มรายได้ด้วยการให้บริการออกเรือชมโลมา ซึ่งโลมาในทะเลขนอมส่วนมากเป็นโลมาหลังโหนกซึ่งหากินอยู่ห่างฝั่งราวไม่เกิน 1 กิโลเมตร และออกหากินในช่วงเช้า ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมในการออกเรือชมโลมาก็คือประมาณไม่เกิน 10.00 น. ถ้าคลื่นลมดีมีโอกาสเห็นเจ้าโลมาได้มากถึง 80-90% เลยทีเดียว อีกทั้งยังชมได้เกือบตลอดปี ยกเว้นช่วงมรสุมเดือนพ.ย.-ธ.ค. ที่ชาวบ้านงดออกเรือ
โลมาเหล่านี้จะคุ้นชินกับเรือประมงชายฝั่ง เพราะคอยกินปลาเล็กปลาน้อยที่ติดอวน จึงตามมากินปลาใกล้ๆ เรือ ดังนั้นเมื่อออกเรือโลมาก็จะมาว่ายมาโชว์ตัวให้เห็น เรียกความตื่นเต้นจากนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก แต่โลมาที่เห็นจะเป็นสีเทาเพราะยังเป็นหนุ่มสาว ถ้าอายุมากขึ้นสีผิวถึงจะเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีชมพู
วาฬบรูด้าที่พบในประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นวาฬที่มาหากินใกล้กับเมืองหลวงมากที่สุด สามารถพบได้ที่จ.สมุทรสาคร พื้นที่รอยต่อกับเขตบางขุนเทียนหรือทะเลกรุงเทพฯนี่เอง ส่วนอีกที่คือที่จ.เพชรบุรี โดยวาฬบรูด้าเหล่านี้จะเข้ามาหากินในทะเลอ่าว ก.ไก่ ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ช่วงตั้งแต่ ต.บางตะบูน ต.บางแก้ว ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ในช่วงเดือนตุลาคม ไปจนถึงปลายปี นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือนั่งไปชมความน่ารักของวาฬบรูด้าได้อย่างใกล้ชิด