อาหารประจำถิ่นเป็นสีสันหนึ่งของการท่องเที่ยว นอกจากความอร่อยแล้ว อาหารแต่ละจานยังบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมประเพณี ของท้องถิ่นนั้น ๆ แและนี่คือ 10 สุดยอดเมนูอาหารจากทั่วโลกที่เว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง lonelyplanet.com นั้นแนะนำว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
1.ทาปาส Pintxos ที่ San Sebastián ของสเปน
ริมถนนในเมือง San Sebastián เป็นหนึ่งในแหล่งวัฒนธรรมอาหารของสเปนที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะเมนูที่มีชื่อว่า Pintxos ซึ่งเป็นทาปาสคำเล็ก ๆ หลากหลายท็อปปิ้งบนขนมปังกรอบ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นวัตถุดิบที่หาได้จากท้องถิ่น เช่น หน่อไม้ฝรั่ง ทูน่า แองโชวี่ รวมถึง เห็ดเคี่ยวกับกระเทียม เวลาที่ดีที่สุดในการออกตระเวนกิน Pintxos ที่ San Sebastián คือ ตั้งแต่สามทุ่มเป็นต้นไป เพราะผู้คนจะออกมานั่งเล่นที่บาร์พร้อมกับกินทาปาสสุดเลื่องชื่อนี้
ก๋วยเตี๋ยวที่มาพร้อมน้ำซุปแกงกะหรี่เข้มข้น การผสมผสานของเครื่องเทศกับกะทิและรสชาติที่หลากหลาย พร้อมตัวเลือกเช่น เนื้อไก่ และกุ้งตัวใหญ่ ๆ มีให้ลองลิ้มรสอยู่ทั่วไปในประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ร้านหรูไปจนถึงร้านแผงลอยข้างทาง โดยเฉพาะในกัวลาลัมเปอร์ ที่นี่มีศูนย์อาหารเล็ก ๆ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงาของตึกระฟ้าอยู่นับไม่ถ้วน และในย่านที่ชื่อว่า Madras Lane ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Petaling St คุณจะได้พบกับร้านลักซาชื่อดังของเมืองที่มีคนต่อแถวยาวเหยียด 3. ซูชิในบรรยากาศดั้งเดิมของโตเกียว
ถ้าอยากจะกินซูชิในโตเกียว ให้มุ่งหน้าไปที่ Sukiyabashi Jiro หรือ Sushi Saito คุณจะได้ลิ้มลองสุดยอดแห่งซูชิอย่างแท้จริง แต่อาจจะต้องรอคิวกันนานสักนิดหน่อย แต่ถ้ารอไม่ไหวแล้วล่ะก็ ยังมีร้านซูชิที่ยอดเยี่ยมในโตเกียวที่สุดยอดไม่แพ้กันคือ Manten Sushi Marunouchi และ Jūzō Sushi ซึ่งพ่อครัวซูชิส่วนใหญ่จะเสิร์ฟซูชิสไตล์โอมากาเสะ ทำให้การกินซูชิในโตเกียวนั้นเป็นบรรยากาศที่ได้ใกล้ชิดและได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศิลปะการทำอาหารชื่อดังก้องโลกนี้
เนื้อวัวรมควันปรุงอย่างเรียบง่ายด้วยเกลือและพริกไทยดำ อบด้วยความร้อนต่ำอย่างไม่เร่งรีบ จนผิวด้านนอกฉ่ำและหอมกลิ่นควันสุดคลาสสิก ร้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Franklin Barbecue ในออสติน เมืองหลวงของรัฐเท็กซัส พวกเขาเสิร์ฟเมนูนี้หกวันต่อสัปดาห์ ถามว่าเป็นที่รักของชาวเมืองมากแค่ไหน? พวกเขาต้องต่อคิวรอนานกว่า 4 ชั่วโมงเพื่อเนื้อย่างแสนอร่อยนี้
เป็นที่รู้กันดีว่าส้มตำไม่ใช้สลัดธรรมดา เพราะมาเต็มทั้งรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน และเผ็ด ที่รุนแรงมาก อย่างไรก็ตาม นี่คือเมนูโปรดของคนกรุงเทพฯ รวมถึงคนไทยทั่วประเทศ เห็นได้จากร้านอาหารริมถนนที่มีขายอยู่ทุกมุม ซึ่งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างยกให้เป็นหนึ่งในเมนูห้ามพลาดเมื่อมาเยือนกรุงเทพ 6. Smørrebrød ขนมปังสวรรค์แห่งโคเปนเฮเกน
ในภาษาเดนมาร์ก Smørrebrød นั่นคือสิ่งที่ใช้ขนมปังข้าวไรย์ ทาเนย แล้วนำไปโปะหน้ากับอะไรก็ได้ที่คุณชอบ
จริงๆมีกฎบางอย่างสำหรับการกิน Smørrebrød อยู่ อันดับแรกคือ ให้วางท๊อปปิ้งบาง ๆ ก่อนแล้วค่อยตามด้วยวัตถุดิบที่มีขนาดใหญ่ ประการที่สอง เมื่อกิน Smørrebrød มากกว่าหนึ่งชนิด ให้เริ่มต้นด้วยชิ้นที่เป็นเนื้อปลาก่อน จากนั้นตามด้วยชิ้นที่เป็นเนื้อสัตว์อื่น ๆ และจบด้วยชีส ลำดับการกินสุดพิถีพิถันนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้ลิ้มรสรสชาติที่นุ่มนวลที่สุด
บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะใต้แห่งนิวซีแลนด์ ขับรถไปทางเหนือของไครสต์เชิร์ชประมาณสองชั่วโมงก็จะถึงเมือง Kaikoura ขึ้นชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตทางทะเล ชื่อของเมืองนั้นมาจากคำภาษาเมารี ‘Kai’ หมายถึงอาหารและ ‘Koura’ หมายถึงกุ้งเครฟิช หนึ่งในร้านที่เก่าแก่ที่สุดและดีที่สุดคือ Nin’s Bin ซึ่งขับรถเพียง 20 นาทีจากใจกลางเมือง แต่โควต้าการจับกุ้งเครฟิชในภูมิภาคนี้ทำให้ร้านอาหารในท้องถิ่นทั้งหมดต้องเสิร์ฟเมนูท้องถิ่นนี้ตามฤดูกาลเท่านั้น จึงแนะนำให้ค้นหาข้อมูลก่อนจะได้ไม่พลาดความอร่อยนี้
ในชามข้าวขนาดใหญ่นี้ประกอบไปด้วยผัก เนื้อ เห็ด โปะลงบนข้าว ปรุงรสด้วยน้ำพริกรสเผ็ดของเกาหลี จากนั้นราดด้วยไข่ดิบหรือไข่ทอด ส่วนใหญ่แล้วมักจะมาในชามดินเผา วิธีการกินนั้นง่ายมาก ๆ เพียงแค่คลุกส่วนผสมทุกอย่างจนเข้ากันแล้วก็ตักเข้าปาก ลิ้มรสชาติแบบเกาหลีอย่างแท้จริง
พิซซ่ามาร์เกอร์ริต้ามีต้นกำเนิดดั้งเดิมที่เมืองเนเปิลส์ หรือ นาโปลี ทางตอนใต้ของอิตาลี ตามตำนานเล่าว่าคนทำขนมปังในท้องถิ่นทำขนมปังที่ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ มอสซาเรลล่า และใบโหระพา เพื่อถวายแก่ King Umberto และ Queen Margherita ในศตวรรษที่ 19 ต่อจากนั้นจะได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติ หนึ่งในร้านพิซซ่าที่อยู่มาอย่างยาวนานที่สุดและเป็นต้นแบบที่แท้จริงของพิซซ่าชนิดนี้คือ Di Matteo แต่ถ้าไม่อยากรอคิวนาน ๆ ร้านพิซซ่าที่อื่นในเมืองก็ได้รสชาติออริจินอลเหมือนกัน
ติ่มซำ แปลว่า “อาหารว่าง” มีให้กินทั่วโลก แต่ไม่มีที่ไหนเหมือนฮ่องกง อันที่จริงแล้วติ่มซำของฮ่องกงได้พัฒนามาจากพิธีกรรมของเหล่านักเดินทางที่จะหยุดดื่มชาและของว่างขณะเดินทาง จนเป็นที่มาของหยำฉ่า (yum cha) ที่หมายถึง “with tea” คุณสามารถลิ้มลองติ่มซำในหลาย ๆ ที่ทั่วฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นร้าน DimDimSum ซึ่งเป็นร้านที่เสิร์ฟติ่มซำแบบดั้งเดิมจริง ๆ รวมถึงร้านดาวมิชลิน เช่น Duddell’s และ Fook Lam Moon ที่เมนูทั้งหลายจะได้รับการตกแต่งอย่างประณีต
1.ทาปาส Pintxos ที่ San Sebastián ของสเปน
ริมถนนในเมือง San Sebastián เป็นหนึ่งในแหล่งวัฒนธรรมอาหารของสเปนที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะเมนูที่มีชื่อว่า Pintxos ซึ่งเป็นทาปาสคำเล็ก ๆ หลากหลายท็อปปิ้งบนขนมปังกรอบ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นวัตถุดิบที่หาได้จากท้องถิ่น เช่น หน่อไม้ฝรั่ง ทูน่า แองโชวี่ รวมถึง เห็ดเคี่ยวกับกระเทียม เวลาที่ดีที่สุดในการออกตระเวนกิน Pintxos ที่ San Sebastián คือ ตั้งแต่สามทุ่มเป็นต้นไป เพราะผู้คนจะออกมานั่งเล่นที่บาร์พร้อมกับกินทาปาสสุดเลื่องชื่อนี้
ก๋วยเตี๋ยวที่มาพร้อมน้ำซุปแกงกะหรี่เข้มข้น การผสมผสานของเครื่องเทศกับกะทิและรสชาติที่หลากหลาย พร้อมตัวเลือกเช่น เนื้อไก่ และกุ้งตัวใหญ่ ๆ มีให้ลองลิ้มรสอยู่ทั่วไปในประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ร้านหรูไปจนถึงร้านแผงลอยข้างทาง โดยเฉพาะในกัวลาลัมเปอร์ ที่นี่มีศูนย์อาหารเล็ก ๆ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงาของตึกระฟ้าอยู่นับไม่ถ้วน และในย่านที่ชื่อว่า Madras Lane ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Petaling St คุณจะได้พบกับร้านลักซาชื่อดังของเมืองที่มีคนต่อแถวยาวเหยียด 3. ซูชิในบรรยากาศดั้งเดิมของโตเกียว
ถ้าอยากจะกินซูชิในโตเกียว ให้มุ่งหน้าไปที่ Sukiyabashi Jiro หรือ Sushi Saito คุณจะได้ลิ้มลองสุดยอดแห่งซูชิอย่างแท้จริง แต่อาจจะต้องรอคิวกันนานสักนิดหน่อย แต่ถ้ารอไม่ไหวแล้วล่ะก็ ยังมีร้านซูชิที่ยอดเยี่ยมในโตเกียวที่สุดยอดไม่แพ้กันคือ Manten Sushi Marunouchi และ Jūzō Sushi ซึ่งพ่อครัวซูชิส่วนใหญ่จะเสิร์ฟซูชิสไตล์โอมากาเสะ ทำให้การกินซูชิในโตเกียวนั้นเป็นบรรยากาศที่ได้ใกล้ชิดและได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศิลปะการทำอาหารชื่อดังก้องโลกนี้
เนื้อวัวรมควันปรุงอย่างเรียบง่ายด้วยเกลือและพริกไทยดำ อบด้วยความร้อนต่ำอย่างไม่เร่งรีบ จนผิวด้านนอกฉ่ำและหอมกลิ่นควันสุดคลาสสิก ร้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Franklin Barbecue ในออสติน เมืองหลวงของรัฐเท็กซัส พวกเขาเสิร์ฟเมนูนี้หกวันต่อสัปดาห์ ถามว่าเป็นที่รักของชาวเมืองมากแค่ไหน? พวกเขาต้องต่อคิวรอนานกว่า 4 ชั่วโมงเพื่อเนื้อย่างแสนอร่อยนี้
เป็นที่รู้กันดีว่าส้มตำไม่ใช้สลัดธรรมดา เพราะมาเต็มทั้งรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน และเผ็ด ที่รุนแรงมาก อย่างไรก็ตาม นี่คือเมนูโปรดของคนกรุงเทพฯ รวมถึงคนไทยทั่วประเทศ เห็นได้จากร้านอาหารริมถนนที่มีขายอยู่ทุกมุม ซึ่งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างยกให้เป็นหนึ่งในเมนูห้ามพลาดเมื่อมาเยือนกรุงเทพ 6. Smørrebrød ขนมปังสวรรค์แห่งโคเปนเฮเกน
ในภาษาเดนมาร์ก Smørrebrød นั่นคือสิ่งที่ใช้ขนมปังข้าวไรย์ ทาเนย แล้วนำไปโปะหน้ากับอะไรก็ได้ที่คุณชอบ
จริงๆมีกฎบางอย่างสำหรับการกิน Smørrebrød อยู่ อันดับแรกคือ ให้วางท๊อปปิ้งบาง ๆ ก่อนแล้วค่อยตามด้วยวัตถุดิบที่มีขนาดใหญ่ ประการที่สอง เมื่อกิน Smørrebrød มากกว่าหนึ่งชนิด ให้เริ่มต้นด้วยชิ้นที่เป็นเนื้อปลาก่อน จากนั้นตามด้วยชิ้นที่เป็นเนื้อสัตว์อื่น ๆ และจบด้วยชีส ลำดับการกินสุดพิถีพิถันนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้ลิ้มรสรสชาติที่นุ่มนวลที่สุด
บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะใต้แห่งนิวซีแลนด์ ขับรถไปทางเหนือของไครสต์เชิร์ชประมาณสองชั่วโมงก็จะถึงเมือง Kaikoura ขึ้นชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตทางทะเล ชื่อของเมืองนั้นมาจากคำภาษาเมารี ‘Kai’ หมายถึงอาหารและ ‘Koura’ หมายถึงกุ้งเครฟิช หนึ่งในร้านที่เก่าแก่ที่สุดและดีที่สุดคือ Nin’s Bin ซึ่งขับรถเพียง 20 นาทีจากใจกลางเมือง แต่โควต้าการจับกุ้งเครฟิชในภูมิภาคนี้ทำให้ร้านอาหารในท้องถิ่นทั้งหมดต้องเสิร์ฟเมนูท้องถิ่นนี้ตามฤดูกาลเท่านั้น จึงแนะนำให้ค้นหาข้อมูลก่อนจะได้ไม่พลาดความอร่อยนี้
ในชามข้าวขนาดใหญ่นี้ประกอบไปด้วยผัก เนื้อ เห็ด โปะลงบนข้าว ปรุงรสด้วยน้ำพริกรสเผ็ดของเกาหลี จากนั้นราดด้วยไข่ดิบหรือไข่ทอด ส่วนใหญ่แล้วมักจะมาในชามดินเผา วิธีการกินนั้นง่ายมาก ๆ เพียงแค่คลุกส่วนผสมทุกอย่างจนเข้ากันแล้วก็ตักเข้าปาก ลิ้มรสชาติแบบเกาหลีอย่างแท้จริง
พิซซ่ามาร์เกอร์ริต้ามีต้นกำเนิดดั้งเดิมที่เมืองเนเปิลส์ หรือ นาโปลี ทางตอนใต้ของอิตาลี ตามตำนานเล่าว่าคนทำขนมปังในท้องถิ่นทำขนมปังที่ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ มอสซาเรลล่า และใบโหระพา เพื่อถวายแก่ King Umberto และ Queen Margherita ในศตวรรษที่ 19 ต่อจากนั้นจะได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติ หนึ่งในร้านพิซซ่าที่อยู่มาอย่างยาวนานที่สุดและเป็นต้นแบบที่แท้จริงของพิซซ่าชนิดนี้คือ Di Matteo แต่ถ้าไม่อยากรอคิวนาน ๆ ร้านพิซซ่าที่อื่นในเมืองก็ได้รสชาติออริจินอลเหมือนกัน
ติ่มซำ แปลว่า “อาหารว่าง” มีให้กินทั่วโลก แต่ไม่มีที่ไหนเหมือนฮ่องกง อันที่จริงแล้วติ่มซำของฮ่องกงได้พัฒนามาจากพิธีกรรมของเหล่านักเดินทางที่จะหยุดดื่มชาและของว่างขณะเดินทาง จนเป็นที่มาของหยำฉ่า (yum cha) ที่หมายถึง “with tea” คุณสามารถลิ้มลองติ่มซำในหลาย ๆ ที่ทั่วฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นร้าน DimDimSum ซึ่งเป็นร้านที่เสิร์ฟติ่มซำแบบดั้งเดิมจริง ๆ รวมถึงร้านดาวมิชลิน เช่น Duddell’s และ Fook Lam Moon ที่เมนูทั้งหลายจะได้รับการตกแต่งอย่างประณีต
