บรรดาจุดหมายปลายทางยอดนิยมจากทั่วโลก กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกิดไป จนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สภาพบ้านเมือง รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่น นักท่องเที่ยวอย่างเราเองก็สามารถร่วมแก้ปัญหานี้ได้ เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในอนาคต
ล่าสุดเว็บไซต์ independent.co.uk ได้ออกมาเปิดเผยรายชื่อเมืองท่องเที่ยวที่ควรหลีกเลี่ยงประจำปี 2020 นี้
Bruges, Belgium
อัญมณีแห่งเบลเยียมมีเสน่ห์ดึงดูดด้วยภาพของเมืองสถาปัตยกรรมยุคกลาง ลำคลอง และถนนที่ปูด้วยหิน ด้วยความสวยงามเป็นที่เลื่องลือ ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมกันไม่ขาดสาย จนในที่สุดก็เกิดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง
มาตราการในการจัดการปัญหาดังกล่าวเริ่มถูกนำมา ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกแคมเปญโฆษณาทั้งหมดที่ส่งเสริมการบริการรถรับส่ง การบังคับให้เรือจอดเทียบท่าในวันธรรมดาเพื่อลดความแออัด และในอนาคตก็มีแผนจะหยุดโปรโมทการท่องเที่ยวที่จะผลักดันให้ Bruges เป็นเมืองท่องเที่ยวเทียบเท่ากับปารีสและบรัสเซลส์ Iceland
อุตสาหกรรมท่างท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์เติบโตอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เพิ่งขึ้นจาก 1.3 ล้าน เป็น 2.32 ล้าน แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหุบเขาไอซ์แลนด์ถูกสั่งปิดตัวลงชั่วคราวเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปจนส่งผลต่อสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบ New Orleans, USA
ฉากของผู้คนเล่นดนตรีสดและอาหารสไตล์มิสซิสซิปปี ทำให้นิว ออร์ลีนส์มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ แต่ว่าบรรดาผู้อยู่อาศัยต้องอดทนกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน ศูนย์ประวัติศาสตร์ของหลุยเซียน่า มีสถิติบันทึกจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่าเวนิสถึงห้าเท่า อีกทั้งฐานะของเมืองปาร์ตี้ 24 ชั่วโมง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่นเกิดความเครียด อีกทั้งยังก่อให้เกินความเสื่อมโทรมในย่านประวัติศาสตร์ Rome, Italy
นับเป็นการต่อสู้แสนยาวนานกับความนิยมของตัวเอง เพราะโรมดึงดูดผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน มีข้อบังคับมากมายเกิดขึ้นใหม่ในปีนี้เพื่ออนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ในเมือง เช่น การห้ามลากประเป๋าล้อเลื่อนขึ้นบันไดสเปน และห้ามรับประทานอาหารบริเวณน้ำพุเทรวี Komodo, Indonesia
แหล่งมรดกโลกอันเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่ามังกรโคโมโด แต่เดิมควรจะปิดให้บริการแก่ผู้เยี่ยมชมตลอดปี 2020 เนื่องจากประชากรกิ้งก่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกลดลงอย่างน่าใจหาย แต่ว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมเหมือนเดิม แต่มาพร้อมค่าเข้าชมที่สูงลิบ จากแต่ก่อนมีราคาเพียง 10 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 1,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับสมาชิกรายปี มาตราการนี้คาดว่าจะช่วยลดปริมาณนักท่องเที่ยวไปได้เยอะเลยทีเดียว Kyoto, Japan
เกียวโตตกเป็นเหยื่อของความนิยมของตัวเอง ผู้อยู่อาศัยและเจ้าของธุรกิจของเมืองในเขต Gion-Shinbashi ร่วมจัดตั้งคณะกรรมการเพื่ออนุรักษ์ทิวทัศน์ของเมือง เพราะนักเดินทางบางคนบุกรุกสถานที่และหยุดถ่ายภาพนานเกินไป โฆษกจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น (JNTO) กล่าวในแถลงการณ์ว่า ตระหนักถึงปัญหาของนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อชาวท้องถิ่น และจะมีมาตรการเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่สำคัญ ๆ Amsterdam, The Netherlands
การส่งเสริมการท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัมจะหยุดลงในปีนี้ เพราะคณะกรรมการการท่องเที่ยวของเนเธอร์แลนด์กลัวว่าเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวจะแออัดเกินไป ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 17 เท่าในแต่ละปี และส่วนใหญ่ก็มักจะมุ่งหน้าไปยั่งแลนด์มาร์กสำคัญ ๆ เช่น บ้านของ Anne Frank และพิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum อันตระการตา แต่โชคดีสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะออกจากอัมสเตอร์ดัมไปไม่ไกลก็จะพบกับ Rotterdam เมืองที่มอบประสบการณ์แบบชาวดัตช์ พร้อมด้วยสถาปัตยกรรมชั้นเลิศไม่แพ้กับเมืองหลวง Uluru, Australia
มีกฎหมายใหม่เพิ่งออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่ปีนเขาอูลูรู หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ayers Rock ใน Red Centre ของออสเตรเลียจะต้องเสียค่าปรับ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวจะไม่สามารถเข้าชมสถานที่สำคัญแห่งนี้ได้อีกต่อไป มีวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย เข่น การขับรถจักรยานยนต์ชมรอบ ๆ หรือการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิวจากมุมสูง Venice, Italy
เวนิสเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับปัญหาโลกร้อนมาตลอด หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ชาวเวนิสก็เริ่มออกมาต่อต้านการล่องเรือขนาดใหญ่ที่เข้ามาเทียบท่าอยู่ในเมือง อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลากหลายวิธีการการเที่ยวชมเวนิสอย่างยั่งยืน เริ่มต้นด้วยการหลีกเลี่ยงการล่องเรือ เยี่ยมชมมหาวิหาร St Marco เพียงครั้งเดียวเพื่อลดความแออัด และมองหาที่พักบริเวณเกาะใกล้เคียงแทนการค้างคืนในเวนิส Machu Picchu, Peru
มรดกโลกที่ดังที่สุดของเปรูพยายามอย่างหนักในการลดจำนวนผู้เข้าชม ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5,000 คนต่อวัน โดนการที่นักท่องเที่ยวจะต้องแสดงตัวภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ทางตอนเหนือ Kuélap เป็นกำแพงเมืองโบราณบนยอดเขา ที่ได้ชื่อว่าเป็น Machu Picchu of the North
ล่าสุดเว็บไซต์ independent.co.uk ได้ออกมาเปิดเผยรายชื่อเมืองท่องเที่ยวที่ควรหลีกเลี่ยงประจำปี 2020 นี้
Bruges, Belgium
อัญมณีแห่งเบลเยียมมีเสน่ห์ดึงดูดด้วยภาพของเมืองสถาปัตยกรรมยุคกลาง ลำคลอง และถนนที่ปูด้วยหิน ด้วยความสวยงามเป็นที่เลื่องลือ ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมกันไม่ขาดสาย จนในที่สุดก็เกิดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง
มาตราการในการจัดการปัญหาดังกล่าวเริ่มถูกนำมา ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกแคมเปญโฆษณาทั้งหมดที่ส่งเสริมการบริการรถรับส่ง การบังคับให้เรือจอดเทียบท่าในวันธรรมดาเพื่อลดความแออัด และในอนาคตก็มีแผนจะหยุดโปรโมทการท่องเที่ยวที่จะผลักดันให้ Bruges เป็นเมืองท่องเที่ยวเทียบเท่ากับปารีสและบรัสเซลส์ Iceland
อุตสาหกรรมท่างท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์เติบโตอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เพิ่งขึ้นจาก 1.3 ล้าน เป็น 2.32 ล้าน แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหุบเขาไอซ์แลนด์ถูกสั่งปิดตัวลงชั่วคราวเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปจนส่งผลต่อสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
ฉากของผู้คนเล่นดนตรีสดและอาหารสไตล์มิสซิสซิปปี ทำให้นิว ออร์ลีนส์มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ แต่ว่าบรรดาผู้อยู่อาศัยต้องอดทนกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน ศูนย์ประวัติศาสตร์ของหลุยเซียน่า มีสถิติบันทึกจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่าเวนิสถึงห้าเท่า อีกทั้งฐานะของเมืองปาร์ตี้ 24 ชั่วโมง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่นเกิดความเครียด อีกทั้งยังก่อให้เกินความเสื่อมโทรมในย่านประวัติศาสตร์
นับเป็นการต่อสู้แสนยาวนานกับความนิยมของตัวเอง เพราะโรมดึงดูดผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน มีข้อบังคับมากมายเกิดขึ้นใหม่ในปีนี้เพื่ออนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ในเมือง เช่น การห้ามลากประเป๋าล้อเลื่อนขึ้นบันไดสเปน และห้ามรับประทานอาหารบริเวณน้ำพุเทรวี
แหล่งมรดกโลกอันเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่ามังกรโคโมโด แต่เดิมควรจะปิดให้บริการแก่ผู้เยี่ยมชมตลอดปี 2020 เนื่องจากประชากรกิ้งก่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกลดลงอย่างน่าใจหาย แต่ว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมเหมือนเดิม แต่มาพร้อมค่าเข้าชมที่สูงลิบ จากแต่ก่อนมีราคาเพียง 10 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 1,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับสมาชิกรายปี มาตราการนี้คาดว่าจะช่วยลดปริมาณนักท่องเที่ยวไปได้เยอะเลยทีเดียว
เกียวโตตกเป็นเหยื่อของความนิยมของตัวเอง ผู้อยู่อาศัยและเจ้าของธุรกิจของเมืองในเขต Gion-Shinbashi ร่วมจัดตั้งคณะกรรมการเพื่ออนุรักษ์ทิวทัศน์ของเมือง เพราะนักเดินทางบางคนบุกรุกสถานที่และหยุดถ่ายภาพนานเกินไป โฆษกจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น (JNTO) กล่าวในแถลงการณ์ว่า ตระหนักถึงปัญหาของนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อชาวท้องถิ่น และจะมีมาตรการเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่สำคัญ ๆ
การส่งเสริมการท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัมจะหยุดลงในปีนี้ เพราะคณะกรรมการการท่องเที่ยวของเนเธอร์แลนด์กลัวว่าเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวจะแออัดเกินไป ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 17 เท่าในแต่ละปี และส่วนใหญ่ก็มักจะมุ่งหน้าไปยั่งแลนด์มาร์กสำคัญ ๆ เช่น บ้านของ Anne Frank และพิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum อันตระการตา แต่โชคดีสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะออกจากอัมสเตอร์ดัมไปไม่ไกลก็จะพบกับ Rotterdam เมืองที่มอบประสบการณ์แบบชาวดัตช์ พร้อมด้วยสถาปัตยกรรมชั้นเลิศไม่แพ้กับเมืองหลวง
มีกฎหมายใหม่เพิ่งออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่ปีนเขาอูลูรู หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ayers Rock ใน Red Centre ของออสเตรเลียจะต้องเสียค่าปรับ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวจะไม่สามารถเข้าชมสถานที่สำคัญแห่งนี้ได้อีกต่อไป มีวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย เข่น การขับรถจักรยานยนต์ชมรอบ ๆ หรือการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิวจากมุมสูง
เวนิสเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับปัญหาโลกร้อนมาตลอด หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ชาวเวนิสก็เริ่มออกมาต่อต้านการล่องเรือขนาดใหญ่ที่เข้ามาเทียบท่าอยู่ในเมือง อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลากหลายวิธีการการเที่ยวชมเวนิสอย่างยั่งยืน เริ่มต้นด้วยการหลีกเลี่ยงการล่องเรือ เยี่ยมชมมหาวิหาร St Marco เพียงครั้งเดียวเพื่อลดความแออัด และมองหาที่พักบริเวณเกาะใกล้เคียงแทนการค้างคืนในเวนิส
มรดกโลกที่ดังที่สุดของเปรูพยายามอย่างหนักในการลดจำนวนผู้เข้าชม ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5,000 คนต่อวัน โดนการที่นักท่องเที่ยวจะต้องแสดงตัวภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ทางตอนเหนือ Kuélap เป็นกำแพงเมืองโบราณบนยอดเขา ที่ได้ชื่อว่าเป็น Machu Picchu of the North