ด้วยตลาด ร้านค้ามากมาย รวมไปถึงเมืองเก่า มาร์ราเกซ จึงเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบสำหรับการช็อปปิ้งและการเที่ยวชมเมือง และถ้าใครมีงบจำกัด อยากเที่ยวแบบประหยัด ก็ไม่ต้องกังวลเพราะคุณสามารถซื้อประสบการณ์ในมาร์ราเกซได้แบบไม่เสียเงินบาท
1. Djemaa El Fna
จัตุรัสหลักของเมืองแห่งนี้มักจะพลุกพล่านไปด้วยคนเดินเท้าและนักแสดงข้างถนน และเมื่อตกกลางคืนแผงขายอาหารก็จะเริ่มทยอยเสิร์ฟอาหารท้องถิ่นให้กินเป็นมื้อค่ำ บรรยากาศเลยเหมือนงานรื่นเริงในยามค่ำคืนที่ไม่มีวันหลับใหล ที่มีทั้งอาหารอร่อย ๆ และการแสดงโชว์ให้ได้ชมอย่างไม่รู้เบื่อ
นักท่องเที่ยวที่มองหาสถานที่หลบหลีกความวุ่นวาย สวนเก่าแก่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 แห่งนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด นอกจากจะเป็นพื้นที่สีเขียวชอุ่มแล้วยังประกอบไปด้วยศาลาที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 กับบ่อน้ำสะท้อนสีจากท้องฟ้า เหมาะสำหรับถ่ายรูป
เป็นสวนที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยต้นปาล์มสูง ม้านั่ง และน้ำพุเป็นชั้น ข้าง ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของสุเหร่าคูตูเบียซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และมีความสูงเกือบ 75 เมตร ทุกวันนี้สวนคูตูเบียกลายเป็นจุดนัดพบยอดนิยมที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับจัตุรัส Djemaa El Fna
ตลาดเมลลาห์เป็นแหล่งช็อปปิ้งขึ้นชื่อ และน่ามาเดินสำรวจให้ครบทุกตรอกซอกซอย ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งอาหารดอกไม้และเครื่องเทศ และเป็นเป็นย่านชาวยิวอีกด้วย แม้ว่าจะอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงไม่กี่ก้าวแต่ที่นี่ก็กลับมีบรรยากาศในแบบของตัวเองให้ความรู้สึกราวกับว่าคุณได้พบกับดินแดนแห่งความลับ
แวดวงศิลปะในมาร์ราเกซกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่าน Gueliz ที่ทันสมัย ซึ่งมีหอศิลป์และพื้นที่แสดงศิลปะเปิดให้เข้าชมได้ฟรี ๆ ตัวเลือกอันดับต้น ๆ คือ Comptoir des Mines อาคารสำนักงานสไตล์อาร์ตเดโคเก่า ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของบริษัทเหมืองแร่ ปัจจุบันภายในจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยที่คุ้มค่าแก่การเยี่ยมชม
ดาร์เบลลาร์จเป็นศูนย์ศิลปะชุมชนชั้นนำของมาร์ราเกซ เดิมเคยเป็นอาคารโรงพยาบาลมาก่อน ในแต่ละปี Dar Bellarj Foundation องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจะจัดงานกิจกรรมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมการใช้ชีวิต ตั้งแต่ภาพยนตร์ กิจกรรมเวิร์กช็อป ไปจนถึงคอนเสิร์ตให้เข้าชมงานฟรี
งานเครื่องหนังเป็นหนึ่งในธุรกิจการค้าสำคัญในยุคกลางของโมร็อกโกและโรงฟอกหนังรอบ ๆ Bab Debbagh ก็เปิดใช้งานมาหลายร้อยปีแล้ว แต่มันค่อนข้างแตกต่างจากโรงฟอกหนังในเฟซที่มีกระถางย้อมสีอยู่เต็มไปหมด โรงฟอกหนังในมาราเกชผลิตเฉพาะหนังธรรมชาติเท่านั้น และจะไปย้อมสีกันบริเวณอื่นแทน กลิ่นฉุนจากการใช้แอมโมเนียฟอกหนังจะเป็นคล้ายสัญญาณบอกว่าคุณมาถึงแล้ว
ตลาดของช่างตีเหล็กแห่งนี้คึกคักด้วยเสียงค้อนของช่างทำโลหะอยู่ตลอดเวลา ตลอดเวลาที่เดินสำรวจก็จะได้ชมหนึ่งในสุดยอดงานฝีมือ และถ้าตกหลุมรักเข้าแล้วก็มีเวิร์กช็อปให้ได้ลงมือทำเองอีกด้วย
ถ้าอยากซื้อพรมต้องมาที่นี่ เพราะตลาดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นตลาดหลักสำหรับการซื้อขายพรมของมาร์ราเกซ ที่มีให้เลือกทุกแบบทุกสีเท่าที่จะนึกออก นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมชมการประมูลที่จัดขึ้นประมาณ 16.00 – 17.00 น. ทุกวันในสัปดาห์ (ยกเว้นวันศุกร์)
ถนนระหว่าง Marrakesh และเมืองชายฝั่งของ Essaouira เต็มไปด้วยต้นอาร์แกนมากมาย และที่นี่ก็เป็นแหล่งซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ผลิตจากเมล็ดอาร์แกนที่ว่ากันว่ามีสารพัดประโยชน์ โดยเฉพาะน้ำมันอาร์แกนที่อุดมด้วยสารสำคัญสำหรับบำรุงผม แต่ถ้าอยากลองชิมก็มี amlou หรือเนยถั่วอาร์แกนให้ได้ลิ้มลอง
1. Djemaa El Fna
จัตุรัสหลักของเมืองแห่งนี้มักจะพลุกพล่านไปด้วยคนเดินเท้าและนักแสดงข้างถนน และเมื่อตกกลางคืนแผงขายอาหารก็จะเริ่มทยอยเสิร์ฟอาหารท้องถิ่นให้กินเป็นมื้อค่ำ บรรยากาศเลยเหมือนงานรื่นเริงในยามค่ำคืนที่ไม่มีวันหลับใหล ที่มีทั้งอาหารอร่อย ๆ และการแสดงโชว์ให้ได้ชมอย่างไม่รู้เบื่อ
นักท่องเที่ยวที่มองหาสถานที่หลบหลีกความวุ่นวาย สวนเก่าแก่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 แห่งนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด นอกจากจะเป็นพื้นที่สีเขียวชอุ่มแล้วยังประกอบไปด้วยศาลาที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 กับบ่อน้ำสะท้อนสีจากท้องฟ้า เหมาะสำหรับถ่ายรูป
เป็นสวนที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยต้นปาล์มสูง ม้านั่ง และน้ำพุเป็นชั้น ข้าง ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของสุเหร่าคูตูเบียซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และมีความสูงเกือบ 75 เมตร ทุกวันนี้สวนคูตูเบียกลายเป็นจุดนัดพบยอดนิยมที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับจัตุรัส Djemaa El Fna
ตลาดเมลลาห์เป็นแหล่งช็อปปิ้งขึ้นชื่อ และน่ามาเดินสำรวจให้ครบทุกตรอกซอกซอย ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งอาหารดอกไม้และเครื่องเทศ และเป็นเป็นย่านชาวยิวอีกด้วย แม้ว่าจะอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงไม่กี่ก้าวแต่ที่นี่ก็กลับมีบรรยากาศในแบบของตัวเองให้ความรู้สึกราวกับว่าคุณได้พบกับดินแดนแห่งความลับ
แวดวงศิลปะในมาร์ราเกซกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่าน Gueliz ที่ทันสมัย ซึ่งมีหอศิลป์และพื้นที่แสดงศิลปะเปิดให้เข้าชมได้ฟรี ๆ ตัวเลือกอันดับต้น ๆ คือ Comptoir des Mines อาคารสำนักงานสไตล์อาร์ตเดโคเก่า ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของบริษัทเหมืองแร่ ปัจจุบันภายในจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยที่คุ้มค่าแก่การเยี่ยมชม
ดาร์เบลลาร์จเป็นศูนย์ศิลปะชุมชนชั้นนำของมาร์ราเกซ เดิมเคยเป็นอาคารโรงพยาบาลมาก่อน ในแต่ละปี Dar Bellarj Foundation องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจะจัดงานกิจกรรมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมการใช้ชีวิต ตั้งแต่ภาพยนตร์ กิจกรรมเวิร์กช็อป ไปจนถึงคอนเสิร์ตให้เข้าชมงานฟรี
งานเครื่องหนังเป็นหนึ่งในธุรกิจการค้าสำคัญในยุคกลางของโมร็อกโกและโรงฟอกหนังรอบ ๆ Bab Debbagh ก็เปิดใช้งานมาหลายร้อยปีแล้ว แต่มันค่อนข้างแตกต่างจากโรงฟอกหนังในเฟซที่มีกระถางย้อมสีอยู่เต็มไปหมด โรงฟอกหนังในมาราเกชผลิตเฉพาะหนังธรรมชาติเท่านั้น และจะไปย้อมสีกันบริเวณอื่นแทน กลิ่นฉุนจากการใช้แอมโมเนียฟอกหนังจะเป็นคล้ายสัญญาณบอกว่าคุณมาถึงแล้ว
ตลาดของช่างตีเหล็กแห่งนี้คึกคักด้วยเสียงค้อนของช่างทำโลหะอยู่ตลอดเวลา ตลอดเวลาที่เดินสำรวจก็จะได้ชมหนึ่งในสุดยอดงานฝีมือ และถ้าตกหลุมรักเข้าแล้วก็มีเวิร์กช็อปให้ได้ลงมือทำเองอีกด้วย
ถ้าอยากซื้อพรมต้องมาที่นี่ เพราะตลาดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นตลาดหลักสำหรับการซื้อขายพรมของมาร์ราเกซ ที่มีให้เลือกทุกแบบทุกสีเท่าที่จะนึกออก นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมชมการประมูลที่จัดขึ้นประมาณ 16.00 – 17.00 น. ทุกวันในสัปดาห์ (ยกเว้นวันศุกร์)
ถนนระหว่าง Marrakesh และเมืองชายฝั่งของ Essaouira เต็มไปด้วยต้นอาร์แกนมากมาย และที่นี่ก็เป็นแหล่งซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ผลิตจากเมล็ดอาร์แกนที่ว่ากันว่ามีสารพัดประโยชน์ โดยเฉพาะน้ำมันอาร์แกนที่อุดมด้วยสารสำคัญสำหรับบำรุงผม แต่ถ้าอยากลองชิมก็มี amlou หรือเนยถั่วอาร์แกนให้ได้ลิ้มลอง
