ฝรั่งเศสเป็นสวรรค์ของคนรักอาหารจริง ๆ ตั้งแต่ของหวาน ขนมอบ อาหารทะเล ไปจนถึงไวน์ชั้นเลิศ ในทุกภูมิภาคของประเทศนี้มีอาหารจานต้นตำรับให้นักท่องเที่ยวสายฟู้ดดี้ได้ลิ้มลองมากมายแบบที่ไม่ซ้ำกันเลย ลองมาดูดีกว่าว่าทั้ง 11 เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารฝรั่งเศสจะมีที่ใดบ้าง และมีเมนูไหนที่ไปเยือนแล้วต้องลองให้ได้สักครั้ง
Paris
ร้านขนมหวานในปารีสจะแตกต่างจากร้านขนมหวานทั่วไปนิดหน่อย ตรงที่พวกเขาจะขายเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ร้านไหนขายขนมปังก็จะขายแค่ขนมปัง ส่วนร้านไหนขายมาการอง ก็จะมีแต่มาการองสีสดใสละลานตาเต็มไปหมด เช่นที่ Ladurée และ Pierre Hermé ส่วน Gérard Mulot ก็ขายแค่เค้กและทาร์ตเท่านั้น เพราะฉะนั้นอยากกินอะไรต้องไปให้ถูกร้านนะ Normandy
ครีม แอปเปิ้ล และไซเดอร์ สามสิ่งนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญคู่ครัวนอร์มัง อย่างที่เห็นในเมนู moules à la crème normande หอยแมลงภู่เคี่ยวในซอสครีมและไซเดอร์
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของนอร์มังดี ต้องยกให้กับ Creamy Camembert เป็นชีสนมวัวในท้องถิ่น และด้วยพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับทะเล ทำให้ที่นี่มีอาหารทะเลหลากหลาย โดยเฉพาะ Coquilles St-Jacques (หอยเชลล์) และ huîtres (หอยนางรม) สด ๆ ที่หาได้ตามตลาดท้องถิ่น Burgundy
อาหารเบอร์กันดีร่ำรวยไปด้วยของสามอย่างคือ เนื้อวัว ไวน์แดง และมัสตาร์ดดีฌง (Dijon mustard) เมนูที่พลาดไม่ได้คือ ลิ้มรส bœuf bourguignon (เนื้อวัวหมักและปรุงในไวน์แดง พร้อมเห็ด หัวหอม แครอท และเบคอน) ตามด้วยชีสเบอร์กันดี
เราขออนุญาตบังคับให้ไปชิมไวน์ในไร่องุ่น Côte d’Or ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ Côte de Nuits และไวน์ Côte de Beaune ที่มีชื่อเสียงระดับโลก บรรยากาศข้างในไร่นั้นออกจะสบาย ๆ เลยทำให้เป็นที่รักของคนท้องถิ่น รวมถึงคอไวน์ตัวจริงเสียงจริงด้วย Dordogne
หากคุณเป็นแฟนคลับตัวยงของเห็ดทรัฟเฟิล ที่นี่จะเป็นสวรรค์ของคุณ และนอกจากเห็นราคาแพงหูฉี่นี้ ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องสัตว์ปีกอย่างเป็ดและห่าน ที่เลี้ยงเพื่อนำไปทำเป็นฟัวกราส์ เมนูท้องถิ่นอันเลื่องชื่อจึงผสมผสานระหว่างสองวัตถุดิบนี้ มีชื่อว่า Pâté de foie gras ตับเป็ดหรือตับห่านปรุงรสด้วยคอนญักและทรัฟเฟิล
วอลนัตที่มีมากมายในภูมิภาคนี้ก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่คนท้องถิ่นมักจะนำไปทำเป็น eau de noix หรือเหล้าวอลนัตสีคาราเมล Lyon
ลียงได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการกินของฝรั่งเศส แม้จะเทียบความหลากหลายกับปารีสไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามีเอกลักษณ์ทั้งรสชาติและความสร้างสรรค์ที่น่าจับตามอง ตามบิสโทรเล็ก ๆ ทั่วเมืองจะขายไส้กรอก andouillettes ที่ทำจากไส้หมู เนื้อแน่นรสชาติเข้มข้น แต่ถ้าอยากได้เมนูที่รสชาติเบา ๆ ไม่หนักเนื้อมากนัก quenelle de brochet เกี๊ยวลวกสอดไส้ปลา เสิร์ฟพร้อมซอสซีฟู้ดนันทัว (Nantua) ที่มีความครีมมี่ Alsace
ไม่มีอาหารอัลเซเชียนที่คลาสสิคไปกว่า choucroute alsacienne หรือ choucroute garnie กะหล่ำปลีดองปรุงรสด้วยจูนิเปอร์เบอร์รี่และเสิร์ฟพร้อมไส้กรอก เบคอนหมู และขาแฮม
ที่ดีไม่แพ้กันคือ ทาร์ตคัสตาร์ดแสนอร่อยทำจากผลไม้ในท้องถิ่น เช่น มิราเบลล์ (พลัมสีเหลืองหวาน) หรือ quetsches (พลัมสีม่วงหลากหลายชนิด) Provence
เห็นได้จากร้านค้าของเกษตรกรตามตลาดนัดรายสัปดาห์ ก็พอจะรู้ว่าดินแดนที่อบอุ่นด้วยแสงแดดเต็มไปด้วยวัตถุดิบอันล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศเชอร์รี่ พีช มะกอก ปลาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และชีสอัลไพน์
Bouillabaisse สตูว์ปลา เป็นผลงานอาหารฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงที่สุดของโพรวองซ์ น้ำซุปต้องมีปลาน้ำเค็มสดอย่างน้อยสามชนิด เคี่ยวเป็นเวลาประมาณ 10 นาที ในน้ำซุปมีทั้งหัวหอม มะเขือเทศ หญ้าฝรั่น และสมุนไพรต่างๆ รับประทานเป็นอาหารจานหลักพร้อมขนมปังปิ้งและรูวิลล์ (มายองเนสสีแดงเผ็ด น้ำมันมะกอก กระเทียมและพริกชี้ฟ้า) Brittany
สวรรค์ของคนรักอาหารทะเล เพราะมีของสดจากทะเลใน Cancale ให้เลือกมากมายทั้งกุ้งก้ามกราม หอยเชลล์ ปลากะพง ปลาตัวเป่า หอยแมลงภู่ และหอยนางรม
ชีสอาจจะไม่ใช่พระเอกหลักของที่นี่ (ผิดกับภูมิภาคอื่น ๆ ในฝรั่งเศส) แต่ว่า la beurre de Bretagne หรือ Breton butter ซึ่งเป็นเนยของที่นี่มีชื่อเสียงมากทีเดียว ด้วยความเค็มจากเกลือทะเลและความครีมมี่ที่แสนโดดเด่น ที่มักจะเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครปและขนมเค้ก Languedoc-Roussillon
ไม่มีอาหารจานใดที่บ่งบอกความเป็นลองเกอด็อกได้ดีไปกว่า cassoulet สตูว์หอยแครงที่อุ่นด้วยถั่วขาวและเนื้อสัตว์ ที่ชาวท้องถิ่นส่วนใหญ่นิยมกินพร้อมถั่ว
อาหารที่เป็นเครื่องหมายการค้าของภูมิภาคนี้ยังมีหอยนางรมตามริวชายฝั่ง มีต้นมะกอกเรียงรายบนเนินเขาเตี้ย ๆ มีเห็ดทรัฟเฟิลอยู่ในป่า และยังมีชีส ตับเป็ด และตับห่าน เป็นสินค้าขึ้นชื่อไม่แพ้ที่อื่น ๆ Basque Country
ในบรรดาส่วนผสมที่สำคัญทั้งหมดของการปรุงอาหารบาสก์ มีพริก Espelette สีแดงเข้มเท่านั้นที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารหลาย ๆ อย่าง จึงไม่แปลกใจนักที่จะเห็นบางบ้านแขวนพริกตากแดดไว้หน้าบ้าน
น่าประหลาดใจไม่น้อยที่วัฒนธรรมการกินของที่นี่ดูคล้ายกับสเปน เนื่องจากมีบาร์ pintxo แบบสบาย ๆ ที่ให้บริการกุ้งกระเทียม ไส้กรอกโชริโซรสเผ็ด และอาหารท้องถิ่นอื่น ๆ ในสไตล์ทาปาส Corsica
เนินเขาและภูเขาของเกาะคอร์ซิกามีต้นไม้พุ่นขึ้นอยู่หนาแน่น ซึ่งไม้พุ่มผสมกับสมุนไพรป่าเหล่านี้กลายเป็นวัตถุดิบของอาหารคอร์ซิกันที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เช่น stufatu สตูว์เนื้อแกะ, premonata เนื้อตุ๋นกับจูนิเปอร์เบอร์รี่ และ lonzo ไส้กรอกคอร์ซิกา ปรุงด้วยถั่วขาวไวน์ขาวและสมุนไพร
Paris
ร้านขนมหวานในปารีสจะแตกต่างจากร้านขนมหวานทั่วไปนิดหน่อย ตรงที่พวกเขาจะขายเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ร้านไหนขายขนมปังก็จะขายแค่ขนมปัง ส่วนร้านไหนขายมาการอง ก็จะมีแต่มาการองสีสดใสละลานตาเต็มไปหมด เช่นที่ Ladurée และ Pierre Hermé ส่วน Gérard Mulot ก็ขายแค่เค้กและทาร์ตเท่านั้น เพราะฉะนั้นอยากกินอะไรต้องไปให้ถูกร้านนะ
ครีม แอปเปิ้ล และไซเดอร์ สามสิ่งนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญคู่ครัวนอร์มัง อย่างที่เห็นในเมนู moules à la crème normande หอยแมลงภู่เคี่ยวในซอสครีมและไซเดอร์
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของนอร์มังดี ต้องยกให้กับ Creamy Camembert เป็นชีสนมวัวในท้องถิ่น และด้วยพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับทะเล ทำให้ที่นี่มีอาหารทะเลหลากหลาย โดยเฉพาะ Coquilles St-Jacques (หอยเชลล์) และ huîtres (หอยนางรม) สด ๆ ที่หาได้ตามตลาดท้องถิ่น
อาหารเบอร์กันดีร่ำรวยไปด้วยของสามอย่างคือ เนื้อวัว ไวน์แดง และมัสตาร์ดดีฌง (Dijon mustard) เมนูที่พลาดไม่ได้คือ ลิ้มรส bœuf bourguignon (เนื้อวัวหมักและปรุงในไวน์แดง พร้อมเห็ด หัวหอม แครอท และเบคอน) ตามด้วยชีสเบอร์กันดี
เราขออนุญาตบังคับให้ไปชิมไวน์ในไร่องุ่น Côte d’Or ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ Côte de Nuits และไวน์ Côte de Beaune ที่มีชื่อเสียงระดับโลก บรรยากาศข้างในไร่นั้นออกจะสบาย ๆ เลยทำให้เป็นที่รักของคนท้องถิ่น รวมถึงคอไวน์ตัวจริงเสียงจริงด้วย
หากคุณเป็นแฟนคลับตัวยงของเห็ดทรัฟเฟิล ที่นี่จะเป็นสวรรค์ของคุณ และนอกจากเห็นราคาแพงหูฉี่นี้ ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องสัตว์ปีกอย่างเป็ดและห่าน ที่เลี้ยงเพื่อนำไปทำเป็นฟัวกราส์ เมนูท้องถิ่นอันเลื่องชื่อจึงผสมผสานระหว่างสองวัตถุดิบนี้ มีชื่อว่า Pâté de foie gras ตับเป็ดหรือตับห่านปรุงรสด้วยคอนญักและทรัฟเฟิล
วอลนัตที่มีมากมายในภูมิภาคนี้ก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่คนท้องถิ่นมักจะนำไปทำเป็น eau de noix หรือเหล้าวอลนัตสีคาราเมล
ลียงได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการกินของฝรั่งเศส แม้จะเทียบความหลากหลายกับปารีสไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามีเอกลักษณ์ทั้งรสชาติและความสร้างสรรค์ที่น่าจับตามอง ตามบิสโทรเล็ก ๆ ทั่วเมืองจะขายไส้กรอก andouillettes ที่ทำจากไส้หมู เนื้อแน่นรสชาติเข้มข้น แต่ถ้าอยากได้เมนูที่รสชาติเบา ๆ ไม่หนักเนื้อมากนัก quenelle de brochet เกี๊ยวลวกสอดไส้ปลา เสิร์ฟพร้อมซอสซีฟู้ดนันทัว (Nantua) ที่มีความครีมมี่
ไม่มีอาหารอัลเซเชียนที่คลาสสิคไปกว่า choucroute alsacienne หรือ choucroute garnie กะหล่ำปลีดองปรุงรสด้วยจูนิเปอร์เบอร์รี่และเสิร์ฟพร้อมไส้กรอก เบคอนหมู และขาแฮม
ที่ดีไม่แพ้กันคือ ทาร์ตคัสตาร์ดแสนอร่อยทำจากผลไม้ในท้องถิ่น เช่น มิราเบลล์ (พลัมสีเหลืองหวาน) หรือ quetsches (พลัมสีม่วงหลากหลายชนิด)
เห็นได้จากร้านค้าของเกษตรกรตามตลาดนัดรายสัปดาห์ ก็พอจะรู้ว่าดินแดนที่อบอุ่นด้วยแสงแดดเต็มไปด้วยวัตถุดิบอันล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศเชอร์รี่ พีช มะกอก ปลาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และชีสอัลไพน์
Bouillabaisse สตูว์ปลา เป็นผลงานอาหารฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงที่สุดของโพรวองซ์ น้ำซุปต้องมีปลาน้ำเค็มสดอย่างน้อยสามชนิด เคี่ยวเป็นเวลาประมาณ 10 นาที ในน้ำซุปมีทั้งหัวหอม มะเขือเทศ หญ้าฝรั่น และสมุนไพรต่างๆ รับประทานเป็นอาหารจานหลักพร้อมขนมปังปิ้งและรูวิลล์ (มายองเนสสีแดงเผ็ด น้ำมันมะกอก กระเทียมและพริกชี้ฟ้า)
สวรรค์ของคนรักอาหารทะเล เพราะมีของสดจากทะเลใน Cancale ให้เลือกมากมายทั้งกุ้งก้ามกราม หอยเชลล์ ปลากะพง ปลาตัวเป่า หอยแมลงภู่ และหอยนางรม
ชีสอาจจะไม่ใช่พระเอกหลักของที่นี่ (ผิดกับภูมิภาคอื่น ๆ ในฝรั่งเศส) แต่ว่า la beurre de Bretagne หรือ Breton butter ซึ่งเป็นเนยของที่นี่มีชื่อเสียงมากทีเดียว ด้วยความเค็มจากเกลือทะเลและความครีมมี่ที่แสนโดดเด่น ที่มักจะเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครปและขนมเค้ก
ไม่มีอาหารจานใดที่บ่งบอกความเป็นลองเกอด็อกได้ดีไปกว่า cassoulet สตูว์หอยแครงที่อุ่นด้วยถั่วขาวและเนื้อสัตว์ ที่ชาวท้องถิ่นส่วนใหญ่นิยมกินพร้อมถั่ว
อาหารที่เป็นเครื่องหมายการค้าของภูมิภาคนี้ยังมีหอยนางรมตามริวชายฝั่ง มีต้นมะกอกเรียงรายบนเนินเขาเตี้ย ๆ มีเห็ดทรัฟเฟิลอยู่ในป่า และยังมีชีส ตับเป็ด และตับห่าน เป็นสินค้าขึ้นชื่อไม่แพ้ที่อื่น ๆ
ในบรรดาส่วนผสมที่สำคัญทั้งหมดของการปรุงอาหารบาสก์ มีพริก Espelette สีแดงเข้มเท่านั้นที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารหลาย ๆ อย่าง จึงไม่แปลกใจนักที่จะเห็นบางบ้านแขวนพริกตากแดดไว้หน้าบ้าน
น่าประหลาดใจไม่น้อยที่วัฒนธรรมการกินของที่นี่ดูคล้ายกับสเปน เนื่องจากมีบาร์ pintxo แบบสบาย ๆ ที่ให้บริการกุ้งกระเทียม ไส้กรอกโชริโซรสเผ็ด และอาหารท้องถิ่นอื่น ๆ ในสไตล์ทาปาส
เนินเขาและภูเขาของเกาะคอร์ซิกามีต้นไม้พุ่นขึ้นอยู่หนาแน่น ซึ่งไม้พุ่มผสมกับสมุนไพรป่าเหล่านี้กลายเป็นวัตถุดิบของอาหารคอร์ซิกันที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เช่น stufatu สตูว์เนื้อแกะ, premonata เนื้อตุ๋นกับจูนิเปอร์เบอร์รี่ และ lonzo ไส้กรอกคอร์ซิกา ปรุงด้วยถั่วขาวไวน์ขาวและสมุนไพร