13 สถานที่เที่ยวน่าไปเยือนที่สุดในสกอตแลนด์

ดินแดนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยจุดหมายปลายทางน่าทึ่ง
สก็อตแลนด์มีเพชรเม็ดงามอัดแน่นอยู่ในดินแดนขนาดกะทัดรัด โดยเฉพาะท้องฟ้ากว้างใหญ่ สถาปัตยกรรมโบราณ สัตว์ป่า อาหารทะเลชั้นเลิศ และผู้คนอัธยาศัยดี หากวางแผนทริปสกอตแลนด์ไว้ในใจแล้ว เราอยากแนะนำว่าทั้ง 13 สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ล้วนเป็นพิกัดที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

The West Highland Way และ Ben Nevis
ถ้าอยากสัมผัสความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเดินสำรวจไปตามเส้นทาง West Highland Way ระยะทาง 96 ไมล์จาก Milngavie (ใกล้กลาสโกว์) ไปยัง Fort William เพื่อชมยอดเขา Ben Nevis ที่สูงที่สุด ซึ่งออกจะท้าทายความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจไม่น้อยเพราะต้องใช้เวลาเดินกว่า 1 สัปดาห์เลยทีเดียว Isle of Skye
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มาพร้อมวิวสวย ๆ Isle of Skye คงเป็นรางวัลชนะเลิศ ตั้งแต่ยอดเขาขรุขระของ Cuillins ยอดแหลมแปลกตาของ Old Man of Storr ไปจนถึงหน้าผาทะเลที่ Neist Point ทั้งหมดนี้ถ่ายรูปยังไงก็ออกมาสวยโดยไม่ต้องพยายาม และที่ Portree, Dunvegan รวมถึง Trotternish ก็ล้วนเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยม ด้วยตัวเลือกร้านอาหารทะเลและผับมากมาย Edinburgh
เมืองหลวงของสกอตแลนด์มีที่เที่ยวหลากหลายสไตล์ให้เลือก นอกจากจะโด่งดังเรื่องงานเทศกาลแล้ว ยังมีเมืองเก่าที่น่าไปเดินเล่นชมสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะบริเวณ Royal Mile ศูนย์รวมปราสาทราชวังสวยงามที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางเมืองเก่า แต่ถ้าอยากได้อีกมุมที่มองเห็นเอดินบะระแทบทั้งเมือง ลองปีนไปชมวิวบน Arthur’s Seat ยอดภูเขาไฟดับแล้วใกล้ ๆ เมือง Loch Lomond
เดินทางจากกลาสโกลว์ไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของสกอตแลนด์ ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงเท่านั้น การเยี่ยมชมอีกหนึ่งธรรมชาติสุดตระการตาเริ่มต้นด้วยทะเลสาบกว้างที่เต็มไปด้วยเกาะแก่งทางตอนใต้ มาพร้อมชายฝั่งที่ปลกคลุมด้วยสีสันของป่าบลูเบลล์ จากนั้นไปชมร่องลึกและฟยอร์ดที่ล้อมรอบด้วยภูเขา Ben Lomond สูง 924 เมตร เส้นทางเดินป่านี้ใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 5 ชั่วโมง Glasgow
กลาสโกลว์เป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่ของสกอตแลนด์แต่บรรยากาศนั้นแตกต่างจากเอดินบะระไปอย่างสิ้นเชิง ลืมเรื่องเมืองเก่าสุดคลาสสิคไปได้เลยเพราะที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศแบบร่วมสมัย จึงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเยี่ยมชมหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ และที่สำคัญถ้าใครเป็นคนรักเสียงดนตรีจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะในทุก ๆ ย่างก้าวในยามค่ำคืน ตามผับหรือบาร์ต่าง ๆ จะคึกคักไปด้วยบทเพลง ไปจนถึงการแสดงคอนเสิร์ตวงดนตรีขนาดใหญ่ในเธียร์เตอร์ Northwest Highlands Coastal Road
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Highlands มีถนนเลียบชายฝั่งที่วิ่งระหว่าง Durness และ Kyle of Lochalsh ที่จะชวนให้อ้าปากค้าง ทั้งบรรดายอดเขาขรุขระแห่ง Assynt พื้นที่รกร้างว่างเปล่าใน Torridon และหน้าผาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวของ Cape Wrath ทั้งหมดนี้ล้วนแสดงภาพชนบทของสกอตแลนด์ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ Skara Brae, Orkney
มีซากดึกดำบรรพ์ไม่กี่แห่งที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวชีวิตผู้คนในยุคหินได้ และที่ Skara Brae เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเตาผิง เตียง ตู้ และถังน้ำที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน ฝังแน่นอยู่ในเนินทรายชายฝั่งมานานหลายศตวรรษและยังมีสภาพที่สมบูรณ์ราวกับว่าเจ้าของบ้านยังอาศัยอยู่จนทุกวันนี้ Glen Coe
หุบเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของสกอตแลนด์มาพร้อมทิวทัศน์อันน่าทึ่งและประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง ท่ามกลางความเงียบสงบนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดเกิดเหตุสังหารหมู่ในศตวรรษที่ 17 เมื่อชาวเมืองแม็คโดนัลด์ในท้องถิ่นถูกทหารของตระกูลแคมป์เบลล์สังหารอย่างเหี้ยมโหด แม้จะมีเรื่องราวน่าเศร้าแต่ทุกวันนี้ Glen Coe ก็เป็นจุดหมายปลายสำหรับการเดินป่าจาก Glen ไปยัง Lost Valley ที่ชาวท้องถิ่นใช้หลบหนีกองทัพทหาร หมู่เกาะ Shetland
เมืองหน้าด่านทางเหนือสุดของสหราชอาณาจักร ใกล้กับนอร์เวย์ เป็นอุทยานธรณีที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกและให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนใครด้วยหุบเขาลึกขนาบข้างด้วยเนินเขาสูงชัน ทะเลสาบสีฟ้าคราม และฝูงแกะจำนวนมากที่ใช้ชีวิตบนถนนราวกับเป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ และภูมิศาสตร์ที่หลากหลายนี้ก็ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมนกพัฟฟินที่ไม่ควรพลาด Perthshire
เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศที่หลากหลายตั้งแต่พื้นที่เกษตรกรรมทางตะวันออกที่อุดมสมบูรณ์ไปจนถึงภูเขาของที่ราบสูงทางตอนใต้ และยังงดงามบานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้ ต้นไม้เก่าแก่อายุหลายศตวรรษเรียงรายริมแม่น้ำ แกะกินหญ้าในทุ่งหญ้าสีเขียว จึงได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมธรรมชาติที่น่าไปเยือนที่สุดแห่งหนึ่งของสกอตแลนด์ St Andrews
สกอตแลนด์เป็นบ้านเกิดของกอล์ฟ และที่ St Andrews ซึ่งเมืองมหาวิทยาลัยอันเก่าแก่นี้ก็มีภูมิประเทศที่เหมาะสำหรับกอล์ฟเป็นที่สุด แต่ถึงคุณจะไม่ใช่คอกีฬาก็ยังสามารถดื่มด่ำกับเมืองนี้ได้ด้วยการสำรวจซากโบราณสถานในยุคกลาง อาคารมหาวิทยาลัยสุดโอ่อ่า หาดทรายสีขาว เกสต์เฮาส์ที่แสนเป็นมิตร และร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมอีกมากมาย Speyside
วิสกี้เป็นเครื่องดื่มประจำชาติสกอตแลนด์มาเป็นเวลานานกว่า 500 ปี และในภูมิภาคนี้ก็เป็นเหมือนขุมทรัพย์ด้วยโรงกลั่นมากกว่า 50 แห่ง โดยเฉพาะในดัฟฟ์ทาวน์ที่เป็นเจ้าภาพหลักจัดงานเทศกาลวิสกี้สองปีครั้ง อย่าลืมแวะไปที่ Whisky Museum แล้วลองไปร่วม Malt Whisky Trail ทัวร์ชมโรงกลั่นท้องถิ่นเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมการดื่มของชาวสก็อตให้ลึกซึ้ง Stirling
เมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงามของสเตอร์ลิงตั้งมั่นอยู่บนปล่องภูเขาไฟอันยิ่งใหญ่ อาคารเก่าแก่และถนนที่ปูด้วยหินที่คดเคี้ยวไปจนถึงเชิงเทินของปราสาทบอกเล่าถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้อย่างตื่นตาตื่นใจ และยังมาพร้อมกับทัศนียภาพมุมสูงมองเห็นเมืองเก่าอยู่ด้านล่าง แนะนำให้ไปเยือนตอนบ่ายค่อนเย็น เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเที่ยวที่นี่แบบไปเช้าเย็นกลับ เพราะฉะนั้นหลังจาก 16.00 น. เป็นต้นไป ก็สามารถเดินชมได้สบายใจเพราะปราสาททั้งหลังจะเริ่มเงียบสงบแทบจะไร้ผู้คน

You May Also Like