โฮจิมินห์ซิตี้เป็นหนึ่งในเมืองที่เที่ยวได้คุ้มค่าเงินที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ เราแนะนำให้คุณลองไปเดินเตร็ดเตร่ในตัวเมืองดูสักครั้ง นอกจากจะได้ลิ้มลองเฝอชามใหญ่ในราคาแสนถูกแล้ว ทั่วทั้งเมืองยังมีสถานที่ท่องเที่ยวฟรี ๆ ที่นักท่องเที่ยวสายประหยัดสามารถแวะไปเยือนได้ง่าย ๆ อีกด้วย
1. Nguyen Hue Walking Street
ถนนคนเดินเหงียนเว้จะคึกคักในช่วงเย็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ตามริมทางเดินจะเห็นครอบครัวหรือไม่ก็กลุ่มเพื่อนออกมาเดินเล่น มีศิลปินนักดนตรีมาแสดงเปิดหมวกช่วยสร้างบรรยากาศครึกครื้น อย่าพลาดขึ้นไปสำรวจอาคารอพาร์ตเมนต์ #42 ที่แม้จะเก่าแก่เต็มทีแต่ก็อัดแน่นไปด้วยร้านบูติกและคาเฟ่เก๋ ๆ
ถ้ามองหาเพื่อนใหม่ที่สามารถสนทนาภาษาอังกฤษ (และอื่น ๆ ) ได้ Mundo Lingo นั้นเป็นอีกวิธีที่อยากให้ลอง เพียงแค่มุ่งหน้าไปยังบาร์ในเมือง คุณก็จะพบกับการพบปะกันระหว่างคนหลากหลายชาติและภาษาที่มารวมตัวกันสังสรรค์ในยามค่ำคืน
วัดเฉาได๋ เป็นศาสนสถานที่ก่อตั้งขึ้นโดยผสมผสานองค์ประกอบจากลัทธิขงจื้อเต๋าในพุทธศาสนาและคริสต์ศาสนาเอาไว้ด้วยกัน แต่จุดเด่นนั้นอยู่ที่ความงดงามหลากสีสันของสถาปัตยกรรมภายในวัด โดยเฉพาะห้องโถงใหญ่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับที่ใด
หนึ่งในกิจกรรมยามว่างยอดนิยมของชาวเวียดนามคือการเตะลูกขนไก่ และสวนแห่งนี้ก็เป็นจุดนัดหมายที่ชาวเมืองมักจะรวมกลุ่มมาเล่นกัน ซึ่งที่ตั้งนั้นอยู่ไม่ใกล้จากแหล่งที่พักของเหล่าแบ็กแพ็คเกอร์เท่าไร
เจดีย์จันทรังษีเป็นศาสนสถานของชาวเขมรในในโฮจิมินห์ มีชื่อเสียงเรื่องภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใสที่แสดงเรื่องราวชีวิตของพระพุทธเจ้า
เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่น่าไปดูว่า อ่าวหญ่าย (ao dai) ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของเวียดนามมีวิวัฒนาการมาอย่างไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นในพื้นที่แห่งนี้ยังจัดแสดงฉากชีวิตในชนบททั่วไปและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เน้นถึงความสำเร็จของผู้หญิงเวียดนาม
7. Notre Dame Cathedral
มหาวิหารนอเทรอดามแบบโรมันเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของโฮจิมินห์ที่ไม่ไปไม่ได้ แม้ว่า ณ ปัจจุบันนี้อยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปี 2023 อย่างไรก็ตามสวนสาธารณะเล็ก ๆ บริเวณด้านหน้ามหาวิหารแห่งนี้ยังเปิดตามปกติ จึงสามารถชมจากด้านนอกได้อยู่
ถนนดงข่อย เป็นพิกัดที่เหมาะสำหรับการเดินช็อปปิ้ง เพราะตลอดสองข้างทางนั้นเรียงรายไปด้วยร้านบูติกจากต่างชาติและของชาวเวียดนามเอง
ที่ทำการไปรษณีย์กลางแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1800 ภายนอกเป็นอาคารสไตล์นีโอ-บารอก ส่วนด้านในก็งดงามตระการตาไม่แพ้กัน ปัจจุบันนี้ยังเปิดทำการตามปกติ นักท่องเที่ยวสามารถแวะเข้าไปส่งโปสการ์ดเป็นของที่ระลึกได้
ตลาดดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดของไซง่อนเปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไปตอนกลางวันก็จะดีกว่าเพราะจะได้เห็นสีสันของดอกไม้สวย ๆ ได้อย่างชัดเจน เป็นพื้นหลังภาพถ่ายสวย ๆ ไปอวดลงอินสตาแกรมได้
ตลาดบินห์เตย์ตั้งอยู่นอกไชน่าทาวน์และเป็นตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง เชื่อกันว่าลานตรงกลางและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมทั้งหมดของตลาดแห่งนี้ได้รับอิทธิพลมาจากจีน ไม่ว่าจะเป็นมังกรและนกฟีนิกซ์บนหลังคา
เพื่อเฉลิมฉลองชีวิตของประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนามหลังจากการรวมตัวอีกครั้งของประเทศ ที่พิพิธภัณฑ์ Ton Duc Thang ล้วนจักแสดงให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับเวียดนามในยุค 60 และ 70
13. Tao Dan Park
ที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ Jardin de la Ville ก่อตั้งขึ้นในปี 1868 สวนสาธารณะแห่งนี้มีขนาด 10 เฮกตาร์อยู่ ณ ใจกลางเมือง และเป็นที่ตั้งของวัด สวนดอกไม้ และนิทรรศการประติมากรรมที่น่าสนใจ
ได้ชื่อว่าเป็นปอดสีเขียวแห่งไซง่อน เพราะบนเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เกษตรกรรม แถมยังอยู่ห่างจากเมืองไปเพียง 15 นาที นอกจากนั้นยังมีหมู่บ้านที่สร้างจำลองความเป็นอยู่ของคนในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสอีกด้วย
ตลาดบินถั่นเปิดมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เสียอีก และขอบอกว่ามาแล้วจะไม่เสียเที่ยวเพราะที่นี่มีทุกอย่างที่ต้องการ ใกล้ ๆ กันมีวัดที่พ่อค้าแม่ขายมักจะมาขอพรให้ขายดิบขายดี เพียงแค่เดินผ่านทางเดินแคบ ๆ ของตลาดไปยังบันไดที่ซ่อนอยู่ใกล้ South Gate ก็จะพบกับวัดแห่งนี้
เป็นที่รู้กันดีว่ายานพาหนะหลักของชาวเมืองโฮจิมินห์คือรถจักรยานยนต์ แต่เราแนะนำให้ลองเดินทัวร์ไปรอบ ๆ เมืองเพื่อซึบซับบรรยากาศต่าง ๆ ในรูปแบบที่ใกล้ชิดมากขึ้นและช้าลง มี Saigon Free Day Tours ที่ดำเนินการโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่
ที่โรงละครโอเปร่าไซง่อนในวันอาทิตย์ จะมีการแสดงฟรีให้ชมตามขั้นบันได ลองพกเก้าอี้พลาสติกมาด้วยสักตัวแล้วจับจองที่นั่งกันตามสบาย
เจดีย์ Thien Hau สร้างขึ้นในปี 1760 โดยชาวจีนที่อพยพมาทางทะเล สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพธิดาแห่งท้องทะเล มีจุดเด่นอยู่ที่หลังคาที่งดงามด้วยเซรามิกไดโอรามาที่สลับซับซ้อน และขดธูปขนาดยักษ์ที่ห้อยลงมาจากหลังคาช่วยเพิ่มบรรยากาศสุดขลัง
Starlight Bridge เป็นสะพานที่อยู่ด้านหลัง Crescent Mall ในเขตชุมชนชาวต่างชาติที่รู้จักกันในชื่อ District 7 ตั้งแต่เย็นวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์สะพานจะพ่นน้ำที่สว่างไสวด้วยไฟ LED สีรุ้ง เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายรูปสวย ๆ และโรแมนติก
สวนน้ำขนาดเล็กบน SC VivoCity Mall ทางตอนใต้ของตัวเมือง เป็นสวรรค์สำหรับเด็ก ๆ ที่จะได้เพลิดเพลินไปกับการเล่นน้ำคลายร้อนอย่างแท้จริง
1. Nguyen Hue Walking Street
ถนนคนเดินเหงียนเว้จะคึกคักในช่วงเย็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ตามริมทางเดินจะเห็นครอบครัวหรือไม่ก็กลุ่มเพื่อนออกมาเดินเล่น มีศิลปินนักดนตรีมาแสดงเปิดหมวกช่วยสร้างบรรยากาศครึกครื้น อย่าพลาดขึ้นไปสำรวจอาคารอพาร์ตเมนต์ #42 ที่แม้จะเก่าแก่เต็มทีแต่ก็อัดแน่นไปด้วยร้านบูติกและคาเฟ่เก๋ ๆ
ถ้ามองหาเพื่อนใหม่ที่สามารถสนทนาภาษาอังกฤษ (และอื่น ๆ ) ได้ Mundo Lingo นั้นเป็นอีกวิธีที่อยากให้ลอง เพียงแค่มุ่งหน้าไปยังบาร์ในเมือง คุณก็จะพบกับการพบปะกันระหว่างคนหลากหลายชาติและภาษาที่มารวมตัวกันสังสรรค์ในยามค่ำคืน
วัดเฉาได๋ เป็นศาสนสถานที่ก่อตั้งขึ้นโดยผสมผสานองค์ประกอบจากลัทธิขงจื้อเต๋าในพุทธศาสนาและคริสต์ศาสนาเอาไว้ด้วยกัน แต่จุดเด่นนั้นอยู่ที่ความงดงามหลากสีสันของสถาปัตยกรรมภายในวัด โดยเฉพาะห้องโถงใหญ่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับที่ใด
หนึ่งในกิจกรรมยามว่างยอดนิยมของชาวเวียดนามคือการเตะลูกขนไก่ และสวนแห่งนี้ก็เป็นจุดนัดหมายที่ชาวเมืองมักจะรวมกลุ่มมาเล่นกัน ซึ่งที่ตั้งนั้นอยู่ไม่ใกล้จากแหล่งที่พักของเหล่าแบ็กแพ็คเกอร์เท่าไร
เจดีย์จันทรังษีเป็นศาสนสถานของชาวเขมรในในโฮจิมินห์ มีชื่อเสียงเรื่องภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใสที่แสดงเรื่องราวชีวิตของพระพุทธเจ้า
เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่น่าไปดูว่า อ่าวหญ่าย (ao dai) ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของเวียดนามมีวิวัฒนาการมาอย่างไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นในพื้นที่แห่งนี้ยังจัดแสดงฉากชีวิตในชนบททั่วไปและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เน้นถึงความสำเร็จของผู้หญิงเวียดนาม
7. Notre Dame Cathedral
มหาวิหารนอเทรอดามแบบโรมันเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของโฮจิมินห์ที่ไม่ไปไม่ได้ แม้ว่า ณ ปัจจุบันนี้อยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปี 2023 อย่างไรก็ตามสวนสาธารณะเล็ก ๆ บริเวณด้านหน้ามหาวิหารแห่งนี้ยังเปิดตามปกติ จึงสามารถชมจากด้านนอกได้อยู่
ถนนดงข่อย เป็นพิกัดที่เหมาะสำหรับการเดินช็อปปิ้ง เพราะตลอดสองข้างทางนั้นเรียงรายไปด้วยร้านบูติกจากต่างชาติและของชาวเวียดนามเอง
ที่ทำการไปรษณีย์กลางแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1800 ภายนอกเป็นอาคารสไตล์นีโอ-บารอก ส่วนด้านในก็งดงามตระการตาไม่แพ้กัน ปัจจุบันนี้ยังเปิดทำการตามปกติ นักท่องเที่ยวสามารถแวะเข้าไปส่งโปสการ์ดเป็นของที่ระลึกได้
ตลาดดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดของไซง่อนเปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไปตอนกลางวันก็จะดีกว่าเพราะจะได้เห็นสีสันของดอกไม้สวย ๆ ได้อย่างชัดเจน เป็นพื้นหลังภาพถ่ายสวย ๆ ไปอวดลงอินสตาแกรมได้
ตลาดบินห์เตย์ตั้งอยู่นอกไชน่าทาวน์และเป็นตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง เชื่อกันว่าลานตรงกลางและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมทั้งหมดของตลาดแห่งนี้ได้รับอิทธิพลมาจากจีน ไม่ว่าจะเป็นมังกรและนกฟีนิกซ์บนหลังคา
เพื่อเฉลิมฉลองชีวิตของประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนามหลังจากการรวมตัวอีกครั้งของประเทศ ที่พิพิธภัณฑ์ Ton Duc Thang ล้วนจักแสดงให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับเวียดนามในยุค 60 และ 70
13. Tao Dan Park
ที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ Jardin de la Ville ก่อตั้งขึ้นในปี 1868 สวนสาธารณะแห่งนี้มีขนาด 10 เฮกตาร์อยู่ ณ ใจกลางเมือง และเป็นที่ตั้งของวัด สวนดอกไม้ และนิทรรศการประติมากรรมที่น่าสนใจ
ได้ชื่อว่าเป็นปอดสีเขียวแห่งไซง่อน เพราะบนเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เกษตรกรรม แถมยังอยู่ห่างจากเมืองไปเพียง 15 นาที นอกจากนั้นยังมีหมู่บ้านที่สร้างจำลองความเป็นอยู่ของคนในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสอีกด้วย
ตลาดบินถั่นเปิดมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เสียอีก และขอบอกว่ามาแล้วจะไม่เสียเที่ยวเพราะที่นี่มีทุกอย่างที่ต้องการ ใกล้ ๆ กันมีวัดที่พ่อค้าแม่ขายมักจะมาขอพรให้ขายดิบขายดี เพียงแค่เดินผ่านทางเดินแคบ ๆ ของตลาดไปยังบันไดที่ซ่อนอยู่ใกล้ South Gate ก็จะพบกับวัดแห่งนี้
เป็นที่รู้กันดีว่ายานพาหนะหลักของชาวเมืองโฮจิมินห์คือรถจักรยานยนต์ แต่เราแนะนำให้ลองเดินทัวร์ไปรอบ ๆ เมืองเพื่อซึบซับบรรยากาศต่าง ๆ ในรูปแบบที่ใกล้ชิดมากขึ้นและช้าลง มี Saigon Free Day Tours ที่ดำเนินการโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่
ที่โรงละครโอเปร่าไซง่อนในวันอาทิตย์ จะมีการแสดงฟรีให้ชมตามขั้นบันได ลองพกเก้าอี้พลาสติกมาด้วยสักตัวแล้วจับจองที่นั่งกันตามสบาย
เจดีย์ Thien Hau สร้างขึ้นในปี 1760 โดยชาวจีนที่อพยพมาทางทะเล สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพธิดาแห่งท้องทะเล มีจุดเด่นอยู่ที่หลังคาที่งดงามด้วยเซรามิกไดโอรามาที่สลับซับซ้อน และขดธูปขนาดยักษ์ที่ห้อยลงมาจากหลังคาช่วยเพิ่มบรรยากาศสุดขลัง
Starlight Bridge เป็นสะพานที่อยู่ด้านหลัง Crescent Mall ในเขตชุมชนชาวต่างชาติที่รู้จักกันในชื่อ District 7 ตั้งแต่เย็นวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์สะพานจะพ่นน้ำที่สว่างไสวด้วยไฟ LED สีรุ้ง เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายรูปสวย ๆ และโรแมนติก
สวนน้ำขนาดเล็กบน SC VivoCity Mall ทางตอนใต้ของตัวเมือง เป็นสวรรค์สำหรับเด็ก ๆ ที่จะได้เพลิดเพลินไปกับการเล่นน้ำคลายร้อนอย่างแท้จริง
