เมื่อพูดถึงออสเตรเลีย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่นึกถึง ‘ซิดนีย์’ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ นอกจากจำนวนประชากรเยอะที่สุดแล้ว ซิดนีย์ยังเป็นนครที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเยอะไม่แพ้กัน รวมถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมทั่วทั้งเมือง ทำให้การท่องเที่ยวไปรอบ ๆ ซิดนีย์นั้นง่ายแสนง่าย แต่นอกจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว นี่คืออีก 6 เหตุผลที่จะทำให้คุณหลงรักซิดนีย์อย่างแน่นอน
1.ซิดนีย์เป็นเมืองสีเขียว
ซิดนีย์กำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นเมืองสีเขียวอย่างจริงจัง เห็นได้จากการปรับปรุงและเพิ่มพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่เรื่อย ๆ ร่วมถึงนโยบายลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวในย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจ
แต่ก่อนหน้านี้ซิดนีย์ก็มีพื้นที่สีเขียวในทุกละแวกชุมชนที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งในใจกลางเมืองและย่านธุรกิจเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เช่น Royal Botanic Garden แสนกว้างใหญ่ที่เชื่อมต่อกับโอเปร่าเฮ้าส์, Hyde Park สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่บางวันจะมีการแสดงดนตรีเปิดหมวกบริเวณน้ำพุ และเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์ Anzac แต่ถ้าอยากได้จุดชมวิวสวย ๆ ให้ลองเดินไปที่ Observatory Hill และ Barangaroo Reserve ก็จะได้วิว Sydney Harbour ที่งดงามไปอีกแบบ
ซิดนีย์คือสวรรค์ของคนรักสายลม แสงแดด และมหาสมุทร เพราะบรรดาชายหาดชื่อดังอย่าง Bondi, Coogee และ Manly สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางหรือเรือเฟอร์รี่ไปถึงหน้าชายหาดได้ง่าย ๆ ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจากตัวเมือง ในวันที่มีแดดออกเราจึงได้เห็นภาพชาวออสซี่ออกมาอาบแดด เล่นเซิร์ฟ และว่ายน้ำกันเต็มหาด
อีกกิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการเดินริมหน้าผา หรือที่เรียกกันว่า Coastal Walk โดยเส้นทางที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ Bondi to Coogee ที่ใช้เวลาเดินประมาณสามชั่วโมง โดยระหว่างทางนั้นมีทั้งหน้าผา ชายหาดเล็ก ๆ เนินเขาที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือน และสุสานขนาดใหญ่
กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของคนซิดนีย์ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหาร้านกาแฟหรือคาเฟ่ดีสักร้านเพื่อนั่งเล่นในยามบ่าย แต่ถ้าต้องการบรรยากาศของร้านกาแฟในย่านสุดฮิป ต้องไปที่ Newtown ซึ่งเป็นแหล่งรวมของวัยรุ่น ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้ามือสองแล้ว แน่นอนว่ายังมีคาเฟ่เก๋ ๆ มากมายให้เลือกสำหรับคอกาแฟตัวจริง ต้องไปเยือนคาเฟ่ของ Campos ดูสักครั้ง เพราะนี่คือแบรนด์เมล็ดกาแฟคั่วชื่อดังของซิดนีย์
4. เต็มไปด้วยงานศิลปะ
ซิดนีย์ให้ความสำคัญกับงานศิลปะไม่แพ้ที่ใดในโลก เพียงแค่เดินเล่นในตัวเมืองก็จะพบเห็นงานศิลปะซุกซ่อนอยู่ได้ไม่ยาก เช่น ภาพวาดของ Jenny Munro นักกิจกรรมชาวอะบอริจินบนผนังอาคารของโรงแรมในย่านไชน่าทาวน์ หรือจะเป็นงาน installation เก๋ ๆ อย่าง Interloop ภายในสถานีรถไฟ Wynyard และงานที่มีชื่อว่า Forgotten Songs กรงนกว่างเปล่าที่ทดแทนสายพันธุ์นกท้องถิ่นที่สูญพันธุ์ไปแล้วหรือเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ ส่วนสตรีทอาร์ตนั้นมีให้ชมอยู่ทั่วทั้งเมือง ทั้งในย่าน Newtown, Redfern รวมถึงริมชายหาดบอนได
ซิดนีย์เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานและได้รับอิทธิพลจากสหราชอาณาจักรมาตั้งแต่เริ่มต้นการก่อร่างสร้างเมือง ทำให้ทั่วทั้งเมืองนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกอย่างชัดเจน อาคารที่มีความสวยงามมากที่สุดนั้นต้องยกให้กับ Queen Victoria Building ที่ตั้งอยู่ในย่าน Town Hall ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์ ภายในยังคงมีทั้งนาฬิกาโบราณและหน้าต่างกระจกสีที่สวยงาม และถ้าลองเดินเล่นจากจุดนี้ไปจนถึง Circular Quay ก็จะได้เห็นทั้งอาคารเก่าแก่อายุนับร้อยปีสลับไปกับอาคารสมัยใหม่ที่กลมกลืนอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว
หนึ่งในเทศกาลประจำปีสุดยิ่งใหญ่ของซิดนีย์คือ Mardi Gras ซึ่งเป็นค่ำคืนที่ผู้คนในซิดนีย์และผู้มาเยือนนับพันคนจะมาร่วมชมขบวนพาเหรดสีสันสดใสกับคอสตูมสไตล์สุดจี๊ดบนถนน Oxford และ Flinders ในย่าน Darlinghurst ที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านของ LGBTQI+ ซึ่งมีถนนสีรุ้งเป็นจุดถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้ นอกจากขบวนพาเหรดแล้ว ในช่วงเวลาประมาณสามสัปดาห์ก่อนหน้า ทั่วทั้งเมืองก็จะประดับประดาไปด้วยธงสีรุ้ง ตั้งแต่อาคาร Town hall เก่าแก่ใจกลางเมือง ไปจนถึงตามสถานีรถไฟต่าง ๆ
1.ซิดนีย์เป็นเมืองสีเขียว
ซิดนีย์กำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นเมืองสีเขียวอย่างจริงจัง เห็นได้จากการปรับปรุงและเพิ่มพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่เรื่อย ๆ ร่วมถึงนโยบายลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวในย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจ
แต่ก่อนหน้านี้ซิดนีย์ก็มีพื้นที่สีเขียวในทุกละแวกชุมชนที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งในใจกลางเมืองและย่านธุรกิจเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เช่น Royal Botanic Garden แสนกว้างใหญ่ที่เชื่อมต่อกับโอเปร่าเฮ้าส์, Hyde Park สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่บางวันจะมีการแสดงดนตรีเปิดหมวกบริเวณน้ำพุ และเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์ Anzac แต่ถ้าอยากได้จุดชมวิวสวย ๆ ให้ลองเดินไปที่ Observatory Hill และ Barangaroo Reserve ก็จะได้วิว Sydney Harbour ที่งดงามไปอีกแบบ
ซิดนีย์คือสวรรค์ของคนรักสายลม แสงแดด และมหาสมุทร เพราะบรรดาชายหาดชื่อดังอย่าง Bondi, Coogee และ Manly สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางหรือเรือเฟอร์รี่ไปถึงหน้าชายหาดได้ง่าย ๆ ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจากตัวเมือง ในวันที่มีแดดออกเราจึงได้เห็นภาพชาวออสซี่ออกมาอาบแดด เล่นเซิร์ฟ และว่ายน้ำกันเต็มหาด
อีกกิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการเดินริมหน้าผา หรือที่เรียกกันว่า Coastal Walk โดยเส้นทางที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ Bondi to Coogee ที่ใช้เวลาเดินประมาณสามชั่วโมง โดยระหว่างทางนั้นมีทั้งหน้าผา ชายหาดเล็ก ๆ เนินเขาที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือน และสุสานขนาดใหญ่
กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของคนซิดนีย์ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหาร้านกาแฟหรือคาเฟ่ดีสักร้านเพื่อนั่งเล่นในยามบ่าย แต่ถ้าต้องการบรรยากาศของร้านกาแฟในย่านสุดฮิป ต้องไปที่ Newtown ซึ่งเป็นแหล่งรวมของวัยรุ่น ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้ามือสองแล้ว แน่นอนว่ายังมีคาเฟ่เก๋ ๆ มากมายให้เลือกสำหรับคอกาแฟตัวจริง ต้องไปเยือนคาเฟ่ของ Campos ดูสักครั้ง เพราะนี่คือแบรนด์เมล็ดกาแฟคั่วชื่อดังของซิดนีย์
4. เต็มไปด้วยงานศิลปะ
ซิดนีย์ให้ความสำคัญกับงานศิลปะไม่แพ้ที่ใดในโลก เพียงแค่เดินเล่นในตัวเมืองก็จะพบเห็นงานศิลปะซุกซ่อนอยู่ได้ไม่ยาก เช่น ภาพวาดของ Jenny Munro นักกิจกรรมชาวอะบอริจินบนผนังอาคารของโรงแรมในย่านไชน่าทาวน์ หรือจะเป็นงาน installation เก๋ ๆ อย่าง Interloop ภายในสถานีรถไฟ Wynyard และงานที่มีชื่อว่า Forgotten Songs กรงนกว่างเปล่าที่ทดแทนสายพันธุ์นกท้องถิ่นที่สูญพันธุ์ไปแล้วหรือเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ ส่วนสตรีทอาร์ตนั้นมีให้ชมอยู่ทั่วทั้งเมือง ทั้งในย่าน Newtown, Redfern รวมถึงริมชายหาดบอนได
ซิดนีย์เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานและได้รับอิทธิพลจากสหราชอาณาจักรมาตั้งแต่เริ่มต้นการก่อร่างสร้างเมือง ทำให้ทั่วทั้งเมืองนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกอย่างชัดเจน อาคารที่มีความสวยงามมากที่สุดนั้นต้องยกให้กับ Queen Victoria Building ที่ตั้งอยู่ในย่าน Town Hall ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์ ภายในยังคงมีทั้งนาฬิกาโบราณและหน้าต่างกระจกสีที่สวยงาม และถ้าลองเดินเล่นจากจุดนี้ไปจนถึง Circular Quay ก็จะได้เห็นทั้งอาคารเก่าแก่อายุนับร้อยปีสลับไปกับอาคารสมัยใหม่ที่กลมกลืนอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว
หนึ่งในเทศกาลประจำปีสุดยิ่งใหญ่ของซิดนีย์คือ Mardi Gras ซึ่งเป็นค่ำคืนที่ผู้คนในซิดนีย์และผู้มาเยือนนับพันคนจะมาร่วมชมขบวนพาเหรดสีสันสดใสกับคอสตูมสไตล์สุดจี๊ดบนถนน Oxford และ Flinders ในย่าน Darlinghurst ที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านของ LGBTQI+ ซึ่งมีถนนสีรุ้งเป็นจุดถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้ นอกจากขบวนพาเหรดแล้ว ในช่วงเวลาประมาณสามสัปดาห์ก่อนหน้า ทั่วทั้งเมืองก็จะประดับประดาไปด้วยธงสีรุ้ง ตั้งแต่อาคาร Town hall เก่าแก่ใจกลางเมือง ไปจนถึงตามสถานีรถไฟต่าง ๆ
