7 ธรรมชาติแสนมหัศจรรย์แห่งออสเตรเลีย

ซีกโลกใต้ยังมีอะไรที่น่าค้นหาอีกเยอะ
พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของออสเตรเลียนั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ตั้งแต่ทะเลทราย ผืนป่า ไปจนถึงชายฝั่งและมหาสมุทรที่โดดเด่นยากจะหาที่ใดเหมือน เราจึงรวม 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติทั่วทั้งทวีปแห่งซีกโลกใต้มาให้คุณได้ชมกัน

Great Barrier Reef
ได้ชื่อว่าเป็นแนวประการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลกที่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 345,000 ตารางกิโลเมตร ลากยาวตั้งแต่ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ลงมาจนถึงเมืองบันดะเบอร์ก ว่ากันว่ามีขนาดใหญ่กว่ากำแพงเมืองจีนเสียอีก

จักรวาลใต้น้ำแห่งนี้จึงเป็นของขวัญจากธรรมชาติที่น่าทึ่งที่สุดในออสเตรเลีย ประกอบด้วยปะการังหลากหลายชนิดและสิ่งมีชีวิตอีกกว่า 1,500 สายพันธุ์ รวมถึงบรรดาเกาะเขตร้อนที่มาพร้อมชายหาดสีทองเหมาะกับการนอนอาบแดด ตามแนวปะการังแห่งนี้จึงเป็นหนึ่งในสวรรค์ของคนรักท้องทะเล ซึ่งสามารถมานั่งเครื่องบินชมความยิ่งใหญ่ของโลกใต้น้ำได้จากมุมสูง หรือลองดำน้ำไปสัมผัสกับเหล่าสิ่งมีชีวิตอย่างใกล้ชิดก็ได้เช่นกัน Uluru
โขดหินอุลูรู ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลทรายเวิ้งว้างของอุทยานแห่งชาติอูลูรู-คาตา ทจูทา ทางตอนใต้ของรัฐนอร์เทิร์น เทร์ริทอรี ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางทวีปพอดิบพอดี ตามประวัติศาสตร์เล่าว่าโขดหินทรายขนาดมหึมานี้เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอะบอริจิน เพราะบริเวณโดยรอบปรากฏเห็นน้ำพุ บ่อน้ำ ถ้ำหิน และภาพวาดโบราณมากมาย จนได้นับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทั้งในแง่ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติและแง่ของวัฒนธรรม The Twelve Apostles
แม้จำนวนอัครสาวกในปัจจุบันจะเหลือเพียง 8 เพราะบางส่วนได้พังทลายลงไปเมื่อหลายปีก่อน แต่เส้นทางสู่เสาหินอัครสาวกนี้ก็ยังเปี่ยมความงดงามตระการตาเพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง Great Ocean Road ด้วยแนวหน้าผาริมชายฝั่งซึ่งถูกน้ำทะเลกัดเซาะมาเป็นเวลาเนิ่นนาน นักท่องเที่ยวสามารถจัดเป็นทริปหนึ่งวันจากเมืองเมลเบิร์นได้ง่าย ๆ โดยตลอดทางนั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติชวนตะลึง ตั้งแต่ประภาคาร ช่องเขา ไปจนถึงชายหาดที่สวยงาม และแม้แต่เส้นทางเดินชมธรรมชาติจากที่จอดรถไปสู่จุดชมวิวก็เต็มไปด้วยต้นไม้พื้นเมืองที่รูปร่างแปลกตา Blue Mountains
ถ้าคุณชอบเขา คุณต้องไปบลูเม้าท์เท่นส์ เพราะที่นี่คือพื้นที่ภูเขากว้าง ลาดชัน และเขียวขจีไปจนสุดสายตา ในผืนป่าแห่งนี้ประกอบไปด้วยต้นยูคาลิปตัสเป็นส่วนใหญ่ แถมยังมีการค้นพบฟอสซิลจำนวนมากจากที่นี่ และด้วยหมอกควันที่ปกคลุมยอดเขาอยู่นั้นก็ทำให้มองดูแล้วเป็นสีน้ำเงินจนกลายเป็นที่มาของนามว่าภูเขาสีน้ำเงิน

ผู้มาเยือนสามารถเพลิดเพลินไปกับเส้นทางชมธรรมชาติได้หลากหลายวิธี เช่น เดินป่า ขี่จักรยานเสือภูเขา หรือนั่งกระเช้าชมวิวจากมุมสูง ข้อดีของที่นี่คือการเดินทางที่แสนง่ายดายเพราะอยู่ห่างจากซิดนีย์ไปไม่ไกล และมีรถไฟไปถึง Phillip Island
เกาะฟิลิปแห่งนี้อยู่ห่างจากเมล์เบิร์นไปไม่ไกล เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ตเพราะเป็นที่ตั้งของสนามแข่งรถที่โด่งดังที่สุดในออสเตรเลีย เพราะงานแข่งอย่าง MotoGP ก็มาจัดที่สนามแห่งนี้เป็นประจำทุกปี แต่นอกจากเรื่องแข่งรถแล้ว รอบ ๆ เกาะก็ยังมีสถานที่อื่น ๆ ให้เที่ยวอีกมากมาย ทั้งชายหาดที่เหมาะกับการเล่นเซิร์ฟที่สุดในออสเตรเลียอย่าง Cape Woolamai, Smiths Beach, Summerland และ Cat Bay และมีจุดชมวิว Nobbies ที่จะชวนให้อ้าปากค้าง แต่ถ้าคุณอยากเจอสัตว์โลกน่ารัก บนเกาะแห่งนี้ก็มีฝูงนกเพนกวินให้คุณได้ชมพวกมันเดินเตาะแตะไปตามหาดทราย Whitehaven Beach
หาดไวท์เฮเวนเป็นชายหาดที่เก่าแก่ ค้นพบในปี 1897 และมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาชายหาดทั้งหมดของหมู่เกาะวิทซันเดย์ เพราะหาดทรายขาวบริสุทธิ์แห่งนี้ทอดยาวกว่า 7 กิโลเมตร ไม่มีสิ่งก่อสร้างและยังมีกฎห้ามสูบบุหรี่และห้ามนำสุนัขเข้ามาในพื้นที่ จึงได้ตำแหน่งหาดทรายที่สะอาดที่สุดของรัฐควีนส์แลนด์ในปี 2008

สิ่งที่ชายหาดอื่นไม่มีคือ ทรายไม่เก็บความร้อนจึงสามารถเดินเท้าเปล่าสัมผัสกับนุ่มความละเอียดได้อย่างสบาย ๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมาแบบไปเช้าเย็นกลับด้วยเรือข้ามฟาก แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศที่เป็นส่วนตัวก็สามารถเช่าเรือยอทช์สุดหรูไปล่องชมความงามได้เช่นกัน Lake Hillier
ทะเลสาบฮิลเลียร์นั้นปรากฏในบันทึกของนักเดินเรือ Matthew Flinders ตั้งแต่ปี 1802 แม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรมากมาย แต่สิ่งที่น่าดึงดูดใจของมันนั้นอยู่ที่สีชมพูหวาน ๆ ตัดกับสีเขียวของต้นไม้โดยรอบ สีขาวของหาดทราย และสีครามของมหาสมุทรที่อยู่ติดกัน และด้วยสีที่เป็นเอกลักษณ์นี้สันนิษฐานว่ามาจากสาหร่ายขนาดเล็กที่ผลิตเม็ดสีออกมา และเมื่อมีปฏิกิริยากับเกลือและโซเดียมคาร์บอเนตในทะเลสาบ น้ำเลยกลายเป็นสีนมเย็นอย่างที่เห็นกันในวันนี้ นักท่องเที่ยวสามารถลงว่ายน้ำได้โดยไม่มีอันตราย

You May Also Like