มัลดีฟส์ เป็นประเทศหมู่เกาะกลางมหาสมุทรอินเดียที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลสีมรกด ชายหาดขาว และรีสอร์ตเหนือน้ำสุดหรู เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทริปเยือนมัลดีฟส์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นี่คือข้อห้ามที่ควรรู้ก่อนจะไปเที่ยวมัลดีฟส์
1. ห้ามไป…เที่ยวแค่เกาะเดียว
มัลดีฟส์เป็นที่ตั้งของเกาะที่มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 200 เกาะ ส่วนอีก 1,192 เกาะที่เหลือนั้นไม่มีคนอาศัยอยู่ รีสอร์ตหรู ๆ ส่วนใหญ่ก็จะตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัว ดังนั้นอย่าปล่อยเวลาไปเปล่า ๆ อยู่บนเกาะเพียงเกาะเดียวตลอดทริป ลองเช่าเรือแบบไปเช้าเย็นกลับฮอบปิ้งไปตามเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงและดำน้ำชมปะการังให้หนำใจ 2.ห้ามคิด…ว่ามัลดีฟส์มีแต่ของแพง
จริงอยู่ที่มัลดีฟส์เป็นภาพจำของจุดหมายปลายทางที่หรูหรา แต่จริง ๆ แล้วการมาเที่ยวมัลดีฟส์ก็สามารถจ่ายในราคาประหยัดได้เช่นกัน เพียงแค่เลือกพักเกสต์เฮ้าส์ในท้องถิ่นหรือโรงแรมราคาประหยัด และถ้าอยากสัมผัสน้ำทะเลแต่ไม่อยากเช่าเรือยอทช์ราคาสูงลิ่ว ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมอาสาเพื่อช่วยอนุรักษ์แนวปะการังของมัลดีฟส์โดยรีสอร์ต Summer Island ที่มีราคาเพียง $5 หรือจะไปดำน้ำตื้นตามชายหาดสาธารณะก็ได้เช่นกัน
3.ห้ามไป…จนกว่าจะฮันนีมูน คุณคิดผิดแล้ว!!
รีสอร์ตเหนือน้ำกลายเป็นภาพชวนฝันของเหล่าคู่รัก ไม่แปลกที่มัลดีฟส์จะเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่าคนรักจากทั่วโลก แต่อันที่จริงรีสอร์ตหลาย ๆ แห่งก็เหมาะสำหรับการมาเที่ยวกับเด็กหรือครอบครัว เพราะความหรูหราทั้งหมดไม่ได้สงวนไว้สำหรับคู่รักเสียหน่อย 4.ห้ามอยู่…แต่ในรีสอร์ต
มีเรือสำราญและเรือเดินสมุทรหลายร้อยลำรอให้บริการอยู่ที่มัลดีฟส์ ซึ่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่ซาฟารีกลางน้ำทะเลบริสุทธิ์และแนวปะการัง พร้อมกับที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน (อาจรวมถึงพ่อครัวและครูสอนดำน้ำ) นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือสำราญขนาดเล็กหรือเรือนแพเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแบบเดิม ๆ ที่อยู่แต่ในรีสอร์ตหรู
5.ห้ามพลาด…วัฒนธรรมท้องถิ่น
นักท่องเที่ยวมักจะโฟกัสอยู่แค่ชายหาดกับทะเลจนทำให้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นถูกมองข้ามไป ซึ่งน่าเสียดายไม่น้อย เพราะมัลดีฟส์หลอมรวมอิทธิพลวัฒนธรรมจากศรีลังกา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และแอฟริกันเข้าไว้ด้วยกันจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถเข้าถึงได้ผ่านอาหารท้องถิ่น หรือเที่ยววันเดย์ทริปไปยังชุมชนใกล้เคียง 6.ห้ามลืม…ครีมกันแดดที่เป็นมิตรต่อปะการัง
หมู่เกาะมัลดีฟส์ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตรนั่นหมายความว่าแสงอาทิตย์จะส่องลงมาแรงเป็นพิเศษ ครีมกันแดด SPF สูง ๆ จึงเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ และเมื่อไปทำกิจกรรมทางน้ำ ครีมกันแดดที่เป็นมิตรต่อปะการังนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการอนุรักษ์แนวปะการังของมัลดีฟส์
7.ห้ามมองข้าม…รีสอร์ตแบบ All-inclusive
อย่าลืมว่าอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มัลดีฟส์มีราคาแพง เพราะอยู่บนเกาะกลางทะเลที่มีค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ สูง การเลือกพักในโรงแรมที่รวมราคาทุกอย่างกับค่าที่พักไว้แล้วจึงเป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยม แม้ราคาต่อคืนและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จะสูงกว่าที่พักราคาประหยัด แต่ข้อดีคือรวมทั้งค่าอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้แล้วนั่นเอง 8.ห้ามลืม…แวะมาเยือนเอเชียตะวันออกและตะวันออกกลาง
ด้วยที่ตั้งซึ่งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย จึงเป็นดั่งศูนย์กลางที่จะแวะไปเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือตะวันออกกลางก็ได้ เช่น ดูไบ ที่ใช้เวลาบินตรงเพียง 4 ชั่วโมง และศรีลังกา ใช้เวลาบินเพียงสามชั่วโมงจากมัลดีฟส์เท่านั้น
9.ห้ามพลาด…แสงสีในยามค่ำคืน
เราไม่ได้หมายถึงสถานบันเทิงยามค่ำคืนแต่อย่างใด ทราบหรือไม่ว่ามัลดีฟส์มีชายฝั่งทะเลที่ส่องสว่างในยามค่ำคืนด้วยเหล่าแพลงค์ตอนเรืองแสง หากต้องการสัมผัสกับการแสดงแสงสีสุดมหัศจรรย์นี้คุณจะต้องไปเยี่ยมชมในช่วงฤดูท่องเที่ยวของแพลงก์ตอน (กลางฤดูร้อนถึงกลางฤดูหนาว) ซึ่งเป็นช่วงที่สิ่งมีชีวิตเรืองแสงเรียงแถวชายฝั่งและสร้างเอฟเฟกต์เรืองแสงในที่มืด
1. ห้ามไป…เที่ยวแค่เกาะเดียว
มัลดีฟส์เป็นที่ตั้งของเกาะที่มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 200 เกาะ ส่วนอีก 1,192 เกาะที่เหลือนั้นไม่มีคนอาศัยอยู่ รีสอร์ตหรู ๆ ส่วนใหญ่ก็จะตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัว ดังนั้นอย่าปล่อยเวลาไปเปล่า ๆ อยู่บนเกาะเพียงเกาะเดียวตลอดทริป ลองเช่าเรือแบบไปเช้าเย็นกลับฮอบปิ้งไปตามเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงและดำน้ำชมปะการังให้หนำใจ
จริงอยู่ที่มัลดีฟส์เป็นภาพจำของจุดหมายปลายทางที่หรูหรา แต่จริง ๆ แล้วการมาเที่ยวมัลดีฟส์ก็สามารถจ่ายในราคาประหยัดได้เช่นกัน เพียงแค่เลือกพักเกสต์เฮ้าส์ในท้องถิ่นหรือโรงแรมราคาประหยัด และถ้าอยากสัมผัสน้ำทะเลแต่ไม่อยากเช่าเรือยอทช์ราคาสูงลิ่ว ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมอาสาเพื่อช่วยอนุรักษ์แนวปะการังของมัลดีฟส์โดยรีสอร์ต Summer Island ที่มีราคาเพียง $5 หรือจะไปดำน้ำตื้นตามชายหาดสาธารณะก็ได้เช่นกัน
3.ห้ามไป…จนกว่าจะฮันนีมูน คุณคิดผิดแล้ว!!
รีสอร์ตเหนือน้ำกลายเป็นภาพชวนฝันของเหล่าคู่รัก ไม่แปลกที่มัลดีฟส์จะเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่าคนรักจากทั่วโลก แต่อันที่จริงรีสอร์ตหลาย ๆ แห่งก็เหมาะสำหรับการมาเที่ยวกับเด็กหรือครอบครัว เพราะความหรูหราทั้งหมดไม่ได้สงวนไว้สำหรับคู่รักเสียหน่อย
มีเรือสำราญและเรือเดินสมุทรหลายร้อยลำรอให้บริการอยู่ที่มัลดีฟส์ ซึ่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่ซาฟารีกลางน้ำทะเลบริสุทธิ์และแนวปะการัง พร้อมกับที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน (อาจรวมถึงพ่อครัวและครูสอนดำน้ำ) นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือสำราญขนาดเล็กหรือเรือนแพเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแบบเดิม ๆ ที่อยู่แต่ในรีสอร์ตหรู
5.ห้ามพลาด…วัฒนธรรมท้องถิ่น
นักท่องเที่ยวมักจะโฟกัสอยู่แค่ชายหาดกับทะเลจนทำให้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นถูกมองข้ามไป ซึ่งน่าเสียดายไม่น้อย เพราะมัลดีฟส์หลอมรวมอิทธิพลวัฒนธรรมจากศรีลังกา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และแอฟริกันเข้าไว้ด้วยกันจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถเข้าถึงได้ผ่านอาหารท้องถิ่น หรือเที่ยววันเดย์ทริปไปยังชุมชนใกล้เคียง
หมู่เกาะมัลดีฟส์ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตรนั่นหมายความว่าแสงอาทิตย์จะส่องลงมาแรงเป็นพิเศษ ครีมกันแดด SPF สูง ๆ จึงเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ และเมื่อไปทำกิจกรรมทางน้ำ ครีมกันแดดที่เป็นมิตรต่อปะการังนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการอนุรักษ์แนวปะการังของมัลดีฟส์
7.ห้ามมองข้าม…รีสอร์ตแบบ All-inclusive
อย่าลืมว่าอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มัลดีฟส์มีราคาแพง เพราะอยู่บนเกาะกลางทะเลที่มีค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ สูง การเลือกพักในโรงแรมที่รวมราคาทุกอย่างกับค่าที่พักไว้แล้วจึงเป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยม แม้ราคาต่อคืนและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จะสูงกว่าที่พักราคาประหยัด แต่ข้อดีคือรวมทั้งค่าอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้แล้วนั่นเอง
ด้วยที่ตั้งซึ่งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย จึงเป็นดั่งศูนย์กลางที่จะแวะไปเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือตะวันออกกลางก็ได้ เช่น ดูไบ ที่ใช้เวลาบินตรงเพียง 4 ชั่วโมง และศรีลังกา ใช้เวลาบินเพียงสามชั่วโมงจากมัลดีฟส์เท่านั้น
9.ห้ามพลาด…แสงสีในยามค่ำคืน
เราไม่ได้หมายถึงสถานบันเทิงยามค่ำคืนแต่อย่างใด ทราบหรือไม่ว่ามัลดีฟส์มีชายฝั่งทะเลที่ส่องสว่างในยามค่ำคืนด้วยเหล่าแพลงค์ตอนเรืองแสง หากต้องการสัมผัสกับการแสดงแสงสีสุดมหัศจรรย์นี้คุณจะต้องไปเยี่ยมชมในช่วงฤดูท่องเที่ยวของแพลงก์ตอน (กลางฤดูร้อนถึงกลางฤดูหนาว) ซึ่งเป็นช่วงที่สิ่งมีชีวิตเรืองแสงเรียงแถวชายฝั่งและสร้างเอฟเฟกต์เรืองแสงในที่มืด