แคเมอรูนอยู่ในแอฟริกาตะวันตก มีพรมแดนติดกับไนจีเรีย แม้ว่าจะไม่ใช่ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาแต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สำคัญ คนส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ มีภูมิภาคที่ปกครองโดยชาวมุสลิมและคริสเตียน ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว แคมเมอรูนยังเป็นที่ตั้งของภูเขาที่สูงที่สุดในแอฟริกาตะวันตก และในขณะเดียวกันก็มีป่าฝน ที่ราบทะเลทราย และที่ราบสูง ให้เที่ยวแบบครบครัน โดยเฉพาะ 7 ที่เที่ยวไฮไลต์ดังต่อไปนี้
1.Atlantika Mountains
พรมแดนธรรมชาติระหว่างแคเมอรูนและไนจีเรียแห่งนี้มียอดเขาสูงมากกว่า 600 ยอด และบางยอดก็เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกกรุ่นอยู่ด้วย หนึ่งในไฮไลต์ของการมาเยือนคือชาวเผ่าซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตามแนวเทือกเขานี้ เช่น Bakiba, Bimlerou le Haut, Koilo, Librou, Louga, Nagamalo และ Somlari ส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ในบ้านที่ทำจากดินโคลน สวมเสื้อผ้าที่ทำจากใบไม้ ร้องเล่นเต้นระบำไปรอบ ๆ กองไฟ และทำพิธีบูชายัญสัตว์ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนิยมเดินทางมาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ พร้อมไกด์ท้องถิ่น นอกจากนี้ยังสามารถเดินป่าบนภูเขาได้ตลอดทั้งปีแม้ว่าในเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมจะเป็นฤดูฝนก็ตาม 2.The Dja Faunal Reserve
เขตสงวนแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1950 อีกทั้งได้รับการย่องยกให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์นี้เติบโตมากับสายเลือดหล่อเลี้ยงจากแม่น้ำ Dja และทุกวันนี้ก็เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 107 สายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นช้างป่า เสือดาว ละมั่ง นกแก้วสีเทาแอฟริกัน ลิงชิมแปนซี กอริลล่า แมงกาเบย์คอปกขาว และแมนดริล ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเหล่านี้ทำให้ที่นี่เป็นป่าที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา ที่สำคัญผืนป่าแห่งนี้ยังเป็นบ้านของชาวพิกมี่บาคาในบ้านที่สร้างจากต้นไม้ใบไม้ 3.Sangha Trinational
มรดกโลกอีกแห่งหนึ่งขององค์การยูเนสโกที่มาพร้อมอาณาเขตกว้างขวาง กินเนื้อที่ของชายแดนแคเมอรูนและคองโก ในป่าเขตร้อนที่มีพันธุ์ไม้เขียวชอุ่มตลอดปี เป็นสวรรค์สำหรับการชมสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้างป่า กอริลล่า และลิงชิมแปนซี ในขณะที่ผืนน้ำก็เป็นที่อยู่อาศัยของจระเข้แม่น้ำไนล์ ปลาเสือตอ ไปจนถึงละมั่งที่มักอาศัยอยู่บริเวณหนองน้ำ 4.Mongo ma Ndemi National Park
อุทยานแห่งชาติแห่งนี้อยู่ใกล้กับชายฝั่งทางตะวันตกของแคเมอรูนใกล้กับเมือง Buea เป็นที่ตั้งของยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานชื่อว่า Mount Cameroon กับความสูงที่ 4,070 เมตร และหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ Fako นั้นก็ยังเป็นภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่นักตั้งแคมป์และนักเดินทางไกล นอกจากนั้นยังเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าและสัตว์ป่าหลายชนิดไม่ด้อยไปกว่าผืนป่าอื่น ๆ ในประเทศ 5.Mandara Mountains
เทือกเขา Mandara เป็นพรมแดนธรรมชาติและเป็นภูเขาไฟไม่ต่างจากเทือกเขา Atlantika แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศ โดยมียอดเขา Oupay เป็นจุดที่สูงที่สุด ขนาด 1,494 เมตร ไฮไลต์นั้นอยู่ที่หมู่บ้านของชนเผ่า Mandara อาศัยในกระท่อมกำแพงดินและหลังคามุงจาก พวกเขาทำฟาร์มแกะ แพะ ไก่ และผึ้ง และแลกเปลี่ยนงานฝีมือกับผลิตผลระหว่างกันและกันในตลาดท้องถิ่น 6.Foumban
เมืองประวัติศาสตร์ทางตอนกลางของแคเมอรูน มีตลาดวันเสาร์น่าไปเยี่ยมชม รวมทั้งมัสยิดและพระราชวัง Foumban Royal Palace ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ของสุลต่าน จัดแสดงเครื่องแต่งกาย อาวุธ และเครื่องเพชรพลอยให้ได้ชม แต่จริง ๆ แล้วเสน่ห์ของ Foumban นั้นอยู่ที่งานฝีมือที่เปรียบเสมือนชิ้นงานศิลปะของท้องถิ่น ด้วยถนนที่เรียงรายไปด้วยช่างฝีมือขายประติมากรรม ตะกร้า งานปักและ งานแกะสลักไม้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Musee des Arts et des Traditions Bamoun ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการศิลปะและวัฒนธรรมแอฟริกันแบบดั้งเดิม เช่น เครื่องดนตรี รูปปั้น และหน้ากาก 7.Limbe
ครั้งหนึ่งในอดีตเมือง Limbe ริมชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของแคเมอรูนเคยเป็นศูนย์กลางการค้าทาสมาก่อน ทุกวันนี้กลับกลายเป็นที่รู้จักในเรื่องของธรรมชาติอันโดดเด่น ด้วยสวนพฤกษศาสตร์ขนาด 52 เฮกตาร์ที่อุดมด้วยพืชพันธุ์พื้นเมือง เช่น กล้วยไม้ ปาล์ม สมุนไพร และไม้ผล รวมถึงศูนย์สัตว์ป่า ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยชีวิตสัตว์พื้นเมืองที่กำพร้าและได้รับบาดเจ็บ และด้วยทำเลติดชายฝั่งที่นี่จึงมีชายหาดที่โดดเด่นน่าไปเยือนด้วยผืนทรายสีดำสุดแปลกตา หากมาเยี่ยมชมในฤดูใบไม้ผลิก็จะได้สัมผัสกับเทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมประจำปีของเมือง ซึ่งมีการเฉลิมฉลองด้วยขบวนพาเหรด การแข่งขันพายเรือแคนู มวยปล้ำ และการเต้นรำแบบดั้งเดิม
1.Atlantika Mountains
พรมแดนธรรมชาติระหว่างแคเมอรูนและไนจีเรียแห่งนี้มียอดเขาสูงมากกว่า 600 ยอด และบางยอดก็เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกกรุ่นอยู่ด้วย หนึ่งในไฮไลต์ของการมาเยือนคือชาวเผ่าซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตามแนวเทือกเขานี้ เช่น Bakiba, Bimlerou le Haut, Koilo, Librou, Louga, Nagamalo และ Somlari ส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ในบ้านที่ทำจากดินโคลน สวมเสื้อผ้าที่ทำจากใบไม้ ร้องเล่นเต้นระบำไปรอบ ๆ กองไฟ และทำพิธีบูชายัญสัตว์ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนิยมเดินทางมาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ พร้อมไกด์ท้องถิ่น นอกจากนี้ยังสามารถเดินป่าบนภูเขาได้ตลอดทั้งปีแม้ว่าในเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมจะเป็นฤดูฝนก็ตาม
เขตสงวนแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1950 อีกทั้งได้รับการย่องยกให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์นี้เติบโตมากับสายเลือดหล่อเลี้ยงจากแม่น้ำ Dja และทุกวันนี้ก็เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 107 สายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นช้างป่า เสือดาว ละมั่ง นกแก้วสีเทาแอฟริกัน ลิงชิมแปนซี กอริลล่า แมงกาเบย์คอปกขาว และแมนดริล ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเหล่านี้ทำให้ที่นี่เป็นป่าที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา ที่สำคัญผืนป่าแห่งนี้ยังเป็นบ้านของชาวพิกมี่บาคาในบ้านที่สร้างจากต้นไม้ใบไม้
มรดกโลกอีกแห่งหนึ่งขององค์การยูเนสโกที่มาพร้อมอาณาเขตกว้างขวาง กินเนื้อที่ของชายแดนแคเมอรูนและคองโก ในป่าเขตร้อนที่มีพันธุ์ไม้เขียวชอุ่มตลอดปี เป็นสวรรค์สำหรับการชมสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้างป่า กอริลล่า และลิงชิมแปนซี ในขณะที่ผืนน้ำก็เป็นที่อยู่อาศัยของจระเข้แม่น้ำไนล์ ปลาเสือตอ ไปจนถึงละมั่งที่มักอาศัยอยู่บริเวณหนองน้ำ
อุทยานแห่งชาติแห่งนี้อยู่ใกล้กับชายฝั่งทางตะวันตกของแคเมอรูนใกล้กับเมือง Buea เป็นที่ตั้งของยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานชื่อว่า Mount Cameroon กับความสูงที่ 4,070 เมตร และหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ Fako นั้นก็ยังเป็นภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่นักตั้งแคมป์และนักเดินทางไกล นอกจากนั้นยังเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าและสัตว์ป่าหลายชนิดไม่ด้อยไปกว่าผืนป่าอื่น ๆ ในประเทศ
เทือกเขา Mandara เป็นพรมแดนธรรมชาติและเป็นภูเขาไฟไม่ต่างจากเทือกเขา Atlantika แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศ โดยมียอดเขา Oupay เป็นจุดที่สูงที่สุด ขนาด 1,494 เมตร ไฮไลต์นั้นอยู่ที่หมู่บ้านของชนเผ่า Mandara อาศัยในกระท่อมกำแพงดินและหลังคามุงจาก พวกเขาทำฟาร์มแกะ แพะ ไก่ และผึ้ง และแลกเปลี่ยนงานฝีมือกับผลิตผลระหว่างกันและกันในตลาดท้องถิ่น
เมืองประวัติศาสตร์ทางตอนกลางของแคเมอรูน มีตลาดวันเสาร์น่าไปเยี่ยมชม รวมทั้งมัสยิดและพระราชวัง Foumban Royal Palace ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ของสุลต่าน จัดแสดงเครื่องแต่งกาย อาวุธ และเครื่องเพชรพลอยให้ได้ชม แต่จริง ๆ แล้วเสน่ห์ของ Foumban นั้นอยู่ที่งานฝีมือที่เปรียบเสมือนชิ้นงานศิลปะของท้องถิ่น ด้วยถนนที่เรียงรายไปด้วยช่างฝีมือขายประติมากรรม ตะกร้า งานปักและ งานแกะสลักไม้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Musee des Arts et des Traditions Bamoun ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการศิลปะและวัฒนธรรมแอฟริกันแบบดั้งเดิม เช่น เครื่องดนตรี รูปปั้น และหน้ากาก
ครั้งหนึ่งในอดีตเมือง Limbe ริมชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของแคเมอรูนเคยเป็นศูนย์กลางการค้าทาสมาก่อน ทุกวันนี้กลับกลายเป็นที่รู้จักในเรื่องของธรรมชาติอันโดดเด่น ด้วยสวนพฤกษศาสตร์ขนาด 52 เฮกตาร์ที่อุดมด้วยพืชพันธุ์พื้นเมือง เช่น กล้วยไม้ ปาล์ม สมุนไพร และไม้ผล รวมถึงศูนย์สัตว์ป่า ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยชีวิตสัตว์พื้นเมืองที่กำพร้าและได้รับบาดเจ็บ และด้วยทำเลติดชายฝั่งที่นี่จึงมีชายหาดที่โดดเด่นน่าไปเยือนด้วยผืนทรายสีดำสุดแปลกตา หากมาเยี่ยมชมในฤดูใบไม้ผลิก็จะได้สัมผัสกับเทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมประจำปีของเมือง ซึ่งมีการเฉลิมฉลองด้วยขบวนพาเหรด การแข่งขันพายเรือแคนู มวยปล้ำ และการเต้นรำแบบดั้งเดิม