ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ออสเตรเลียกำลังเข้าสู่ฤดูแห่งความอบอุ่นอันแสนสดชื่น
2020 นับเป็นปีที่ยากลำบากของออสเตรเลีย ตั้งแต่ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่เมื่อต้นปี มาจนถึงเหตุการณ์ Covid-19 ทำให้การท่องเที่ยวนั้นเงียบเหงา แต่ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกกำลังจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวอันยาวนาน ทางฝั่งซีกใต้ของโลกก็กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มตัว
มีกิจกรรมที่จะต้อนรับการกลับมาของฤดูกาลแห่งความอบอุ่นที่ดีที่สุดในดินแดนนี้มากมาย
จิบไวน์ริมแม่น้ำมากาเร็ต รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
ทางตอนใต้ของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียมีอากาศปลอดโปร่งเหมาะกับการชิมไวน์และเดินป่า แม่น้ำมากาเร็ตนั้นตั้งอยู่ห่างจากเพิร์ทไปประมาณสามถึงสี่ชั่วโมง มีเส้นทางที่เรียกว่า Lo-fi Wine Trail ที่จะพานักท่องเที่ยวไปชิมไวน์จากโรงบ่มต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคนี้ และนอกจากไวน์คุณภาพดีแล้ว บริเวณนียังมีอีกกิจกรรมกลางแจ้งอย่างการดำน้ำตื้น และชายหาดสวย ๆ ให้เอนกายพักผ่อนหย่อนใจ
แคนเบอร์ราเมืองหลวงของออสเตรเลียต้อนรับฤดูใบไม้ผลิด้วยเทศกาลดอกไม้ Floriade เป็นประจำทุกปี ซึ่งจะได้พบกับสวนดอกไม้ขนาดใหญ่มีไฟประดับประดาสุดตื่นตา โดยทั่วไปแล้วจะมีกิจกรรมในงานอย่างเช่น การแสดงดนตรี มีร้านค้าออกมาขายอาหาร นิทรรศการและเวิร์กช็อปต่าง ๆ แต่ปีนี้พิเศษกว่าเดิมคืองานจะกระจายพื้นที่ไปทั่วทั้งเมืองแทนที่จะกระจุกอยู่ใน Commonwealth Park เหมือนปีก่อน ๆ ต้องขอบคุณความร่วมมือจากชุมชนกว่า 90 แห่งที่มารวมตัวกันในครั้งนี้
แทสเมเนียยังคงหนาวอยู่แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยเข้าสู่เดือนตุลาคมแล้วก็ตาม ด้วยเพราะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุด อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งที่น่าทำคือ ตะลุยเส้นทางเดินป่าไปเยือนมรดกโลกทางธรรมชาติที่เทือกเขา Cradle Mountain ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่เดินลัดเลาะทะเลสาบ St.Clair รับรองว่างดงามถูกใจนักท่องเที่ยวสายชื่นชมธรรมชาติอย่างแน่นอน
ซิดนีย์เป็นที่รักของนักท่องเที่ยวด้วยภูมิอากาศกึ่งร้อน และในเมืองก็เต็มไปด้วยสถานบันเทิงที่คึกคัก แต่สำหรับการเดินเล่นในยามบ่าย เราแนะนำให้ขึ้นรถบัสมุ่งหน้าไปยังชายหาดบอนได แล้วเพลิดเพลินไปกับเส้นทางริมหน้าผาระหว่างชายหาดบอนไดและชายหาดคูจี ซึ่งระหว่างทางนอกจากจะได้ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามแล้ว ยังมีนิทรรศการ Sculpture by the Sea ซึ่งเป็นนิทรรศการประติมากรรมเปิดให้สาธารณชนเข้าชมฟรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีศิลปินกว่า 100 คนเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2020
ทั่วทั้งเมืองแอดิเลดจะแต่งแต้มไปด้วยสีม่วงจากดอกไม้ของต้นจาคารันดา หรือชื่อไทยคือต้นศรีตรัง และวิสทีเรียในทุกฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะใน Botanic Garden ของเมือง แต่ในจุดต่าง ๆ รอบเมืองเช่น L’Estrange Street ใน Glenside, Clarence Garden, Black Forest, Le Fevre Terrace และ Frewville ก็มีแนวดอกไม้สีม่วงให้ชื่นชมเช่นกัน
ควีนส์แลนด์ตั้งอยู่ค่อนไปทางเหนือของประเทศ อากาศเลยไม่ค่อยหนาวเท่าไร แต่อาจจะมีฝนตกชุกในช่วงเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ควีนส์แลนด์เป็นสวรรค์แห่งการพักร้อนเพราะมีชายหาดที่แสนงดงาม โดยเฉพาะที่นูซา ทางตอนเหนือของบริสเบนไปเพียง 160 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ และชายหาดแสนโด่งดังอย่างหาดนูซาและหาดซันไชน์ที่เหมาะจะมาอาบแดดและเล่นเซิร์ฟ
อลิซสปริงส์เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลทรายหลายต่อหลายสายพันธุ์ แต่ไฮไลต์ของฤดูใบไม้ผลิที่แท้จริงนั้นจะอยู่ในระหว่างวันที่ 11 กันยายนถึง 25 ตุลาคม ซึ่งจะมีนิทรรศการศิลปะของชาวอะบอริจินร่วมสมัยในบริเวณ Araluen Arts Center ให้ได้ชื่นชม ชมการแข่งกันขี่ม้าที่เมลเบิร์น รัฐวิคตอเรีย
Covid-19 ไม่สามารถหยุดการแข่งขัน Spring Racing Carnival ลงได้ ประเพณีดั้งเดิมที่สืบต่อมาหลายช่วงอายุคนจะจัดขึ้นตามเมืองหลัก ๆ เช่น Ararat, Benalla, Bendigo, Geelong, Kyneton, Sale และ Seymour และแน่นอนว่างานหลักจะยังจัดที่ Flemington Racecourse ในเมลเบิร์นตามเดิม แม้ว่าในปีนี้ฝูงชนจะเปลี่ยนมาส่งเสียงเชียร์จากบ้านแทนก็ตาม
2020 นับเป็นปีที่ยากลำบากของออสเตรเลีย ตั้งแต่ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่เมื่อต้นปี มาจนถึงเหตุการณ์ Covid-19 ทำให้การท่องเที่ยวนั้นเงียบเหงา แต่ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกกำลังจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวอันยาวนาน ทางฝั่งซีกใต้ของโลกก็กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มตัว
มีกิจกรรมที่จะต้อนรับการกลับมาของฤดูกาลแห่งความอบอุ่นที่ดีที่สุดในดินแดนนี้มากมาย
จิบไวน์ริมแม่น้ำมากาเร็ต รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
ทางตอนใต้ของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียมีอากาศปลอดโปร่งเหมาะกับการชิมไวน์และเดินป่า แม่น้ำมากาเร็ตนั้นตั้งอยู่ห่างจากเพิร์ทไปประมาณสามถึงสี่ชั่วโมง มีเส้นทางที่เรียกว่า Lo-fi Wine Trail ที่จะพานักท่องเที่ยวไปชิมไวน์จากโรงบ่มต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคนี้ และนอกจากไวน์คุณภาพดีแล้ว บริเวณนียังมีอีกกิจกรรมกลางแจ้งอย่างการดำน้ำตื้น และชายหาดสวย ๆ ให้เอนกายพักผ่อนหย่อนใจ
แคนเบอร์ราเมืองหลวงของออสเตรเลียต้อนรับฤดูใบไม้ผลิด้วยเทศกาลดอกไม้ Floriade เป็นประจำทุกปี ซึ่งจะได้พบกับสวนดอกไม้ขนาดใหญ่มีไฟประดับประดาสุดตื่นตา โดยทั่วไปแล้วจะมีกิจกรรมในงานอย่างเช่น การแสดงดนตรี มีร้านค้าออกมาขายอาหาร นิทรรศการและเวิร์กช็อปต่าง ๆ แต่ปีนี้พิเศษกว่าเดิมคืองานจะกระจายพื้นที่ไปทั่วทั้งเมืองแทนที่จะกระจุกอยู่ใน Commonwealth Park เหมือนปีก่อน ๆ ต้องขอบคุณความร่วมมือจากชุมชนกว่า 90 แห่งที่มารวมตัวกันในครั้งนี้
แทสเมเนียยังคงหนาวอยู่แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยเข้าสู่เดือนตุลาคมแล้วก็ตาม ด้วยเพราะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุด อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งที่น่าทำคือ ตะลุยเส้นทางเดินป่าไปเยือนมรดกโลกทางธรรมชาติที่เทือกเขา Cradle Mountain ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่เดินลัดเลาะทะเลสาบ St.Clair รับรองว่างดงามถูกใจนักท่องเที่ยวสายชื่นชมธรรมชาติอย่างแน่นอน
ซิดนีย์เป็นที่รักของนักท่องเที่ยวด้วยภูมิอากาศกึ่งร้อน และในเมืองก็เต็มไปด้วยสถานบันเทิงที่คึกคัก แต่สำหรับการเดินเล่นในยามบ่าย เราแนะนำให้ขึ้นรถบัสมุ่งหน้าไปยังชายหาดบอนได แล้วเพลิดเพลินไปกับเส้นทางริมหน้าผาระหว่างชายหาดบอนไดและชายหาดคูจี ซึ่งระหว่างทางนอกจากจะได้ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามแล้ว ยังมีนิทรรศการ Sculpture by the Sea ซึ่งเป็นนิทรรศการประติมากรรมเปิดให้สาธารณชนเข้าชมฟรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีศิลปินกว่า 100 คนเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2020
ทั่วทั้งเมืองแอดิเลดจะแต่งแต้มไปด้วยสีม่วงจากดอกไม้ของต้นจาคารันดา หรือชื่อไทยคือต้นศรีตรัง และวิสทีเรียในทุกฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะใน Botanic Garden ของเมือง แต่ในจุดต่าง ๆ รอบเมืองเช่น L’Estrange Street ใน Glenside, Clarence Garden, Black Forest, Le Fevre Terrace และ Frewville ก็มีแนวดอกไม้สีม่วงให้ชื่นชมเช่นกัน
ควีนส์แลนด์ตั้งอยู่ค่อนไปทางเหนือของประเทศ อากาศเลยไม่ค่อยหนาวเท่าไร แต่อาจจะมีฝนตกชุกในช่วงเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ควีนส์แลนด์เป็นสวรรค์แห่งการพักร้อนเพราะมีชายหาดที่แสนงดงาม โดยเฉพาะที่นูซา ทางตอนเหนือของบริสเบนไปเพียง 160 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ และชายหาดแสนโด่งดังอย่างหาดนูซาและหาดซันไชน์ที่เหมาะจะมาอาบแดดและเล่นเซิร์ฟ
อลิซสปริงส์เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลทรายหลายต่อหลายสายพันธุ์ แต่ไฮไลต์ของฤดูใบไม้ผลิที่แท้จริงนั้นจะอยู่ในระหว่างวันที่ 11 กันยายนถึง 25 ตุลาคม ซึ่งจะมีนิทรรศการศิลปะของชาวอะบอริจินร่วมสมัยในบริเวณ Araluen Arts Center ให้ได้ชื่นชม ชมการแข่งกันขี่ม้าที่เมลเบิร์น รัฐวิคตอเรีย
Covid-19 ไม่สามารถหยุดการแข่งขัน Spring Racing Carnival ลงได้ ประเพณีดั้งเดิมที่สืบต่อมาหลายช่วงอายุคนจะจัดขึ้นตามเมืองหลัก ๆ เช่น Ararat, Benalla, Bendigo, Geelong, Kyneton, Sale และ Seymour และแน่นอนว่างานหลักจะยังจัดที่ Flemington Racecourse ในเมลเบิร์นตามเดิม แม้ว่าในปีนี้ฝูงชนจะเปลี่ยนมาส่งเสียงเชียร์จากบ้านแทนก็ตาม
