ช่วงเช้าตรู่ก่อนรุ่งอรุณนักท่องเที่ยวยอมลุกจากเตียงอันแสนอบอุ่น ขึ้นรถที่จัดเตรียมไว้ เพื่อเตรียมตัวขึ้นบอลลูนชมแสงอาทิตย์ขึ้นเหนือขอบฟ้า ในความมืดสลัวของทุ่งกว้างมองเห็นบอลลูนสว่างสลับกัน ด้วยเปลวไฟที่นักบินอัดอากาศร้อนเข้าไปเป็นจังหวะ ดูแล้วเหมือนการแสดงแสงสีกลางทะเลทราย แม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บสักหน่อย แต่ช่วงเวลาเช้าตรู่ก่อนฟ้าสาง ที่มีอุณหภูมิภายนอกเย็น กระแสลมสงบเหมาะการลอยตัวของบอลลูนลมร้อนสูงขึ้นไปในอากาศหลายร้อยเมตร อย่างปลอดภัย
เมื่อพร้อมแล้วบอลลูนสลับสี ค่อยๆ ตั้งตรงราวกับ ทุ่งทิวลิปยักษ์กลางทะเลทราย ค่อยๆ ล่องลอยขึ้น ราวกับปล่อยลูกโป่งสวรรค์ขึ้นบนท้องฟ้าไล่ๆ กัน
ในฤดูกาลท่องเที่ยวและวันที่อากาศดีอาจได้เห็นบอลลูนมากกว่าหนึ่งร้อยลูกบนท้องฟ้า พานักท่องเที่ยวล่องลอยไปในตระกร้าเหนือปล่องไฟนางฟ้า ภูเขารูปดอกเห็ด และรูปโคนคว่ำต่างๆ ที่เกิดจากการฟอร์มตัวจากการระเบิดของภูเขาไฟ และการก่อตัวทางธรณีวิทยาจาก 12 ล้านปีที่แล้ว ผ่านการกัดเซาะของกระแสลมและน้ำจนออกมามหัศจรรย์อย่างที่เห็น
มันคือภูมิประเทศที่แปลกพิสดาร เป็นแลนด์สเคปที่มีเอกลักษณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บวกกับอารยธรรมเก่าแก่ซึ่งฝังรากในดินแดนนี้ ที่สร้างชื่อให้กับคัปปาโดเกีย (Cappadocia) กลายเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของตุรกีที่นักเดินทางปรารถนาจะมาเห็นด้วยตาสักครั้ง โดยเฉพาะการขึ้นทริปบอลลูนที่ขึ้นชื่อว่างดงามสุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นประสบการณ์สุดยอดทางการท่องเที่ยวน่าจำจดจำครั้งหนึ่งของชีวิต
ทั้งนี้คัปปาโดเกียไม่ได้น่ามองเฉพาะจากระยะไกลหรือทางอากาศเท่านั้น ในดินแดนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกแห่งนี้ ยังมีข้อเสนอดีๆ มากมายให้กับนักท่องเที่ยวทั้งบนดิน ไปจนถึงลึกลงไปใต้ดินเลยทีเดียว เมืองที่ชื่อแปลความหมายว่าเป็น’ เมืองแห่งม้างาม’ ยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดกันมาหลายรุ่น นับแต่ก่อนยุคเปอร์เซีย ไบเซนไทน์ และโรมัน
ห่างจากหมู่บ้าน Goreme หนึ่งกิโลเมตร มีพิพิธภัฑณ์กลางแจ้ง หรือ Open-Air Museum ที่น่าชม ในภูเขาหินรูปร่างประหลาดเหล่านี้ ถูกแกะสลักเข้าไปภายในเป็นโพรงเหมือนรังผึ้ง ที่นี่เคยเป็นทั้งที่พักอาศัยมานับแต่พวกฮิทไทต์ จนต่อมาในคริสศตววรรษที่สอง เคยเป็นศูนย์กลางชุมชนคริสต์ศาสนาที่สำคัญในยุคไบเซนไทน์ที่ยังทิ้งร่องรอยในเขาหิน ซึ่งถูกขุดเจาะให้เป็นอาราม ไปจนกระทั่งโบสถ์ ในวันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นร่องรอยอารยธรรม
จากรูปภายนอกที่เป็นเขาหินภายในถูกขุดเป็นถ้ำคูหาปรากฎจิตกรรมภาพเขียนทางคริสต์ศาสนา เช่นโบสถ์ Aziz Basisl Sapeli ที่มีภาพเขียนสีเซนต์ เบซิล เซนต์ จอร์จ และเซนต์ ธีโอดอร์ และภายในของ Elmali Killise (Apple Church) หรือ Tojali Kilise หรือ (Buckle Church) โบสถ์ถ้ำด้านล่างอีกฝากถนน คือที่มีจิตรกรรมที่งดงามเป็นพระประวัติของพระคริสต์ที่ยังคงสมบูรณ์
เมืองใต้ดินหรือ The underground city คือมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของคัปปาโดเกีย ลึกลงไปในใต้ดินคือเมืองที่ถูกแกะสลักเข้าใปในหิน เชื่อมต่อกันเป็นคูหาต่างๆ เป็นที่อยู่อาศัยในอดีต เล่ากันว่าในศตวรรษที่ 6 และ 7 เมื่อทหารเปอร์เซีย และอาหรับจะบุกเข้าโจมตี กลุ่มชาวคริสต์ที่นี่ได้หนีหายลงไปหลบอยู่ในเมืองใต้ดินเหล่านี้อย่างปลอดภัย ขณะนี้ได้มีการขุดค้นพบเมืองใต้ดินกว่า 36 แห่งในคัปปาโดเกีย และอาจมีนับร้อยที่กำลังถูกค้นพบ ในเมืองใต้ดินขนาดใหญ่อย่าง Kaymakli และ Derinkuyu ที่จุคนได้นับตั้งแต่ 3,000 ไปจนถึง 10,000 คนตามลำดับ ทางเดินวกวนลงไปใต้ดินผ่านห้องกับต่างๆ ทั้งที่เลี้ยงสัตว์ ห้องครัว ที่เก็บไวน์ หรือกระทั่งโบสถ์ ที่มีแท่นสวดมนต์ที่สกัดจากหินนั่นเอง
ท่ามกลางแลนด์สเคปอันสุดโต่ง และอารยธรรมเก่าแก่แห่งคัปปาโดเกีย มีประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวนิยม เมื่อมาที่นี่ คือการเข้าพักตามโรงแรมถ้ำต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีโรงแรมหลายแห่งที่ได้รับอนุญาตให้สร้างขึ้นในถ้ำหินแต่ตามเขาสูงด้วยการตกแต่งอย่างสะดวกสบายไปจนถึงระดับห้าดาว ที่มองเห็นวิวได้โดยรอบ
เช่นที่ Uchisar หมู่บ้านในเมืองเล็กๆ ถัดไป เป็นที่ตั้งของโรงแรม ร้านอาหาร มีปราสาทบทยอดเขาที่ชมวิวอันดีเยี่ยมของ Pigeon Valley ที่ต้องใช้แรงขาขึ้นไปพิชิต มีโรงแรมหลายแห่ง ที่มีห้องพักในรูปแบบของถ้ำให้เลือก รวมถึงร้านอาหารที่มองเห็นบอลลูนยามเช้าได้จากระเบียง ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับโลเคชั่นทีที่ทั่งวิวและบรรยากาศดี และมีความสงบเป็นส่วนตัวกว่าในตัวเมือง
ในคัปปาโดเกียยังเป็นเมืองแห่งศิลปหัตกรรมมาแต่อดีตด้วย ว่ากันว่าที่นี่ มีการแปลงเถื่อนถ้ำกลายมาเป็นที่อยู่อาศัยและโบสถ์วิหาร องุ่นถูกแปรเปลี่ยนเป็นไวน์ โคลนดินถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นเครื่องปั้นดินเผา ด้ายและขนสัตว์ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นผืนพรม และแม้เวลาผันผ่านไป ร่องรอยแห่งศิลปวัฒธรรมยังคงอยู่ แสดงถึงที่นี่ยังมีงานศิลปะอันหลากหลาย ที่นักเดินทางสามารถ พบร้านค้าและงานศิลปะเหล่านี้ได้ในหมู่บ้านต่างๆ ในคัปปาโดเกีย ที่มีการสาธิตให้ชมด้วย ใน Goreme หรือหมู่บ้านรอบข้างคัปปาโดเกีย