พลิทวิเซ่ มรดกโลกอันล้ำค่าแห่งโครเอเชีย

สวรรค์สีเขียวที่มีจริงแห่งมัชฌิมโลก

PLITVICE LAKES NATIONAL PARK

“ถ้าสวนอีเดนของพระเจ้ามีจริงก็คงเป็นที่นี่ ”ผมนึกในใจเช่นนั้น หลังจากได้ออกเดินเพียงแค่ 5 นาที ไปบนสะพานไม้ที่ทอดยาวไปเหนือทะเลสาบสีเขียว ซึ่งเชื่อมโยงให้เราเข้าไปสัมผัสกับอุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) ได้อย่างใกล้ชิด

มองไปทางใด ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ต้นไม้ น้ำตกและทะเลสาบ ที่นี่อยู่ถูกตำแหน่งแห่งที่ราวกับธรรมชาติเป็นนักออกแบบชั้นครูที่ไม่มีใครเทียบเท่าได้ ภายในอุทยานที่มีสีเขียวของพรรณไม้ และ ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ ผืนเล็กผืนน้อย ที่สดสวยราวกับสระมรกต สีของมันมาจากปฏิกิริยาของแร่ธาตุของแคลเซียมคาร์บอเนตในน้ำ ดูแล้วอยากเป็นปลาลงไปแหวกว่าย ละอองไอจากม่านน้ำตกแตกเป็นฝอยฝน ทำให้อากาศที่อยู่โดยรอบบริเวณช่างชื่นฉ่ำเมื่อสูดหายใจ สภาพภูมิประเทศที่เป็นแอ่งน้ำ และแนวผาสูงของพลิทวิเซ่ (Plitvice) ซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้นได้ชะล้างร่องรอยประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสงครามให้เลือนไป เมื่อคุณเดินไปตามทางเดินลาดด้วยไม้เหนือแอ่งน้ำสีฟ้าเข้ม มันยากที่จะจินตนาการว่าครั้งหนึ่ง พื้นที่ที่เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของสวนอีเดนในโครเอเชีย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกนั้น ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่การสู้รบครั้งแรกระหว่างโครเอเชียกับเซอร์เบียในสงครามบอลข่านช่วงทศวรรษที่ 1990

โดยมีเหตุการณ์นองเลือดที่พลิทวิเซ่ในช่วงเทศกาลอิสเตอร์ ‘Plitvice Bloody Easter’ ของปี 1991 นับเป็นการปะทะกันจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นครั้งแรกในสงครามการต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวโครเอเชีย ทุ่นระเบิดที่หลงเหลืออยู่จำนวนสุดท้ายนั้นเชื่อกันว่าน่าจะถูกเก็บกู้ไปจนหมดแล้ว มีน้ำตกมากมายส่งสายน้ำไปหล่อเลี้ยงทะเลสาบ 16 แห่งที่มีน้ำใสเหมือนกระจก มีฝูงผีเสี้อเกาะรวมตัวกันอยู่ใกล้กับแนวละอองน้ำ สายน้ำจากน้ำตกสูงที่สุด เวลลิกิ สลับ (Veliki Slap) ถาโถมลงมาจากระดับความสูง 70 เมตร ทั้งนี้หมู่ทะเลสาบพลิทวิเซ่นั้นฟื้นตัวใหม่อย่างต่อเนื่อง ชื่อของทะเลสาบต่างๆ ชี้ให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ เช่น ทะเลสาบ Kaluđerovo Jezero ตั้งตามชื่อของพระซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำที่ขอบผา ชวนให้นึกถึงสมัยที่ภูมิประเทศบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักพิงทางจิตวิญญาน Helena Petrovic  เจ้าหน้าที่นำชมอุทยานวัย 58  ผู้ยังกระฉับกระเฉงว่องไว บอกว่ามีเส้นทางสำรวจอุทยานทั้งระยะสั้น หรือระยะยาวที่อาจใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง

เธอนำพาเราเดินไปตามสะพานไม้ที่ถูกสร้างให้ ผู้มาเยือนเดินสำรวจ ชมความงามของธรรมชาติ  ซึ่งออกแบบเป็นเส้นทางเดินทาง ๆ ที่รวมกันทั้งสิ้นกว่า  18 กิโลเมตร ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวมาเยือนอุทยานแห่งนี้กว่าเดือนละแสนคน เธอแนะนำว่าถ้าไม่อยากเดินตามหลัง คนจำนวนมากบนทางเดินที่แสนสงบเหล่านี้ เหมือนรถที่ติดบนทางด่วน ควรหลีกเลี่ยงช่วงพีคของฤดูกาลท่องเที่ยวคือช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม ทางเลือกมากมายในการชมอุทยานที่สวยสดแห่งนี้ โดยมีกิจกรรมที่ทำได้ที่นี่คือการเดินป่า ล่องเรือไฟฟ้า นั่งรถไฟฟ้า ปั่นจักรยาน และพายเรือ หรือแม่แต่นั่งจิบเครื่องดื่ม และชมความงามของธรรมชาติให้เต็มอิ่ม สำหรับผู้ที่อยากจะกระโจนลงไปแหวกว่ายเพราะความใสของผืนน้ำนั้น คงต้องผิดหวัง เพราะผืนน้ำที่นี่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี ซึ่งทำให้มันคงความงามบริสุทธิ์เช่นนั้นได้
การเดินทางสามารถเชื่อมต่อระหว่างอุทยาน np-plitvicka-jezera.hr กับเมือง สปลิท, ซาดาร์ และ ซาเกร็บ

You May Also Like