มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่5 โดยเป็นเมืองหลวงของจอร์เจียหลังย้ายมาจาก เมตสเคห์ทา ด้วยตำนานแห่งน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางสายไหม ที่เชื่อมโยงโลกตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้บริการอาบน้ำแร่ในโรงอาบน้ำเก่าแก่ได้ เช่นเดียวกับการเดินเที่ยวชมบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมย่านเมืองเก่า ขึ้นกระเช้าไปชมวิวจากป้อมปราการ Nakikala ที่มองมาเห็นทั่วทั้งเมือง และแม่น้ำคูราเบื้องล่าง
ไปแวะชม Sioni Chathedral ในเมืองที่งดงามด้วยเฟรสโก และจับจ่ายใช้สอยที่ Dry Bridge Fleamarket กับงานศิลปะและของเก่ามากมายที่น่าสนใจ งดงามด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศที่ทันสมัย ดังจะเห็นได้ถึง สถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ที่อยู่คู่กับอาคารทรวดทรงทันสมัยในตัวเมือง
เดินทางไปสัมผัสกับเมืองหลวงเก่าศูนย์กลางศรัทธาอย่าง เมตสเคห์ทา (Mtskheta) ที่อยู่ห่างจากทบิลิซีไปราว 27 กิโลเมตร สถานที่ตั้งของโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในจอร์เจีย และโบสถ์จากศตวรรษที่ 4 ที่ใหญ่อย่าง Sveti-Tskhoveli Chathedral ในกำแพงหินที่แน่นหนา ซึ่งเชื่อว่าเสื้อคลุมของพระเยซูถูกนำมาฝังไว้ที่นี่หลังจากการตรึงกางเชนโดยชาวยิวทีอยู่ในเหตุการณ์ในเยรูซาเล็มได้อัญเชิญมาไว้ที่ เมตสเคห์ทา โบสถ์ออร์โธดอกซ์
ตำนานการสร้างโบสถ์แห่งนี่เกี่ยวกับ St. Nino ภายในโบสถ์ที่เห็นในปัจจุบันผ่านการต่อเติมหลายยุคสมัย บนผนังบางส่วนยังปรากฏภาพเขียนสีเฟรสโกเก่าแก่ และด้านหนึ่งยังมีวิหารหลังเล็กที่จำลองมาจากเยรูซาเล็ม
สู่ดินแดนทางตอนเหนือข้าม Georgian Military Highway ไปบนเส้นทางที่มีทัศนียภาพของเทือกเขา Caucasus มีเมืองที่อยู่ติดกับชายแดนรัสเซีย ที่ชื่อคาซเบกิ (Kazbegi) เมืองเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยทิวทัศน์อันตรึงตราของยอดเขา Kazbek สูงตระหง่านกว่า 2,200 เมตร และโบสถ์ ที่มีความเป็นมาเก่าแก่ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 14 ที่ชื่อว่า Tsminda Sameba หรือ Gergeti Trinity Church นักท่องเที่ยวที่ชอบเทรกกิ้งอาจเดินเท้าไปที่นั่น
แคว้น Kakheti ทางตะวันออกของจอร์เจียจะได้พบกับไร่องุ่นและทิวทัศน์สุดหูสุดตา เชื่อกันว่าไวน์มีต้นกำเนิดมาจากจอร์เจีย ใครมาที่นี่ต้องลิ้มลองเฮ้าส์ไวน์รสดีจากท้องถิ่นให้ได้
โดยเฉพาะที่ เมืองซิกนากิ (Sighnaghi) เมืองที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดของแคว้นนี้ ตั้งอยู่บนยอดเขาและป้อมปราการล้อมรอบ มีโฮมสเตย์และโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยว ท่ามกลางบรรยากาศของเมืองเล็กๆ น่ารัก และทิวทัศน์ที่สวยงาม ห่างออกไปจากที่นี่เพียงสองกิโลเมตร ยังมี Brodge Monastery ซึ่งเป็นที่ฝังศพของ นักบุญหญิง St Nino ซึ่งเป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวจอร์เจียด้วย
โจเซฟ สตาลินเกิดในบ้านหลังเล็กๆ ของเขาในเมืองที่ โกรี (Gori) เมื่อครั้งที่จอร์เจียยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ทุกวันนี้เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวของชายผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ที่ได้เป็นถึงเลขาธิการคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งสหภาพโซเวียต ผู้สืบทอดอำนาจจากเลนิน ได้ที่ ‘Stalin Museum’ ที่เป็นดังหอประวัติศาสตร์เก็บเอาเรื่องราวของสตาลินตั้งแต่เกิด
เช่นเดียวกับบ้านหลังเล็กๆที่เขาเกิดและอยู่อาศัยมาจนอายุ 15 ยังถูกเก็บรักษาไว้ในส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ ห้องหับต่างๆ แสดงถึงแต่ละช่วงชีวิตทั้งความรุ่งโรจน์ การทำงานทางการเมือง ไปจนถึงเรื่องราวชีวิตในช่วงสุดท้ายของเขาที่จารึกไว้ใน ’Dead Mask’ หน้ากากที่หล่อขึ้นจากใบหน้าของสตาลินตอนสิ้นลม
นอกอาคารพิพิธภัณฑ์ยังมีตู้รถไฟที่สตาลินใช้ในการเดินทางไปร่วมการประชุม Postdam Conference ในปี1945 ที่ทำจากวัสดุกันกระสุนภายในตกแต่งอย่างเรียบหรูสมฐานะของผู้นำ เป็นสถานที่ซึ่งผู้ที่สนใจการเมืองในศตวรรษที่ 20
VISA – คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่าในการท่องเที่ยวประเทศจอร์เจีย โดยสามารถพำนักได้ไม่เกิน90 วัน
GETTING THERE – ไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯไปยังประเทศจอร์เจีย สามารถเดินทางโดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ แอร์แอสตานา และกาตาร์แอร์เวย์ โดยต้องแวะพักหนึ่งจุด