เที่ยวมอลตา ..มีอะไรไม่ควรพลาด

เยือนดินแดนเกาะมากเสน่ห์แห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
การมาเยือนเกาะมอลตา เริ่มต้นที่ “วัลเลตตา” (Valletta) เมืองหลวงที่ยูเนสโกรับรองเป็นมรดกโลกมาร่วม 40 ปี สถาปัตยกรรมตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ตรึงใจผู้มาเยือน ทั้งกำแพงและพระราชวังที่เข้ากันได้ดีกับความยิ่งใหญ่โดยมหาวิหารสไตล์บารอกที่แม้แต่โบสถ์ในกรุงโรมก็ยังต้องยอมใจในความวิจิตร ถนนที่ปูก้อนหินใต้คฤหาสน์สมัยศตวรรษที่ 17 และระเบียงสีพาสเทลเรียงกันไปเป็นทิวแถวเป็นเหมือนเดินในพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ทางตอนใต้ของวัลเลตตาจะพบหลักฐานของอารยธรรมที่สร้างขึ้นนับพันปีก่อนที่เหล่าอัศวินจะก้าวเข้ามาที่นี่ นั่นคือ Ħal Saflieni Hypogeum ห้องฝังศพใต้ดินอายุราว 6,000 ปีที่มีความเปราะบางมากจนต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละวัน ที่นี่เป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก พร้อมด้วยอารามหินขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วเกาะ  จากเมืองหลวง ต้องไม่พลาดข้ามไปสำรวจโกโซ (Gozo) และโคมิโน (Comino) โดยอาจใช้เวลานั่งเรือข้ามฟากเพียง 25 นาทีจากแผ่นดินใหญ่ไปยังสองเกาะนี้ ซึ่งถือเป็นอีกโลกหนึ่งโดยสิ้นเชิง โกโซเป็นดินแดนที่ชาวแผ่นดินใหญ่หนีไปหาความเงียบสงบในชนบท และเต็มไปด้วยฟาร์ม บ้านเก่าแก่ที่ดัดแปลงเป็นที่พักริมสระน้ำที่หรูหรา ล้อมรอบป้อมปราการยุคกลางที่มองเห็นได้ทั่วทั้งเกาะ แต่ชายฝั่งของโกโซคือสิ่งดึงดูดใจที่แท้จริง โดยเฉพาะการไปทางทิศตะวันตก เส้นทางนั้นโอบล้อมด้วยเนินผาขรุขระ ลดหลั่นลงสู่อ่าวและปากน้ำ ส่วนทางทิศตะวันออกของอ่าว Xwejni ก็เป็นหินทรายยังกับดาวอังคาร ขณะที่หาดทรายสีแดงที่สวยงามของหาด Ramla อยู่ทางทิศใต้นั้นเป็นจุดแวะพักที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทางผู้ชอบอารมณ์ผจญภัย ส่วนเกาะโคมิโน แตกต่างออกไปอีกแบบ เพราะมีครอบครัวเพียงครอบครัวเดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ มีทัวร์ทางเรือให้บริการที่นี่เป็นประจำ กิจกรรมที่ดีที่สุดในการแวะไป คือ พายเรือคายัค พายเรือจากอ่าว Hondoq ของโกโซ และแวะที่บลูลากูนที่วาววับ ก่อนจะกระโจนไปยังโถงถ้ำในทะเลที่ซ่อนอยู่ และจุดดำน้ำตื้นที่เงียบสงบ

You May Also Like