ภาพแรกที่ปรากฏเมื่อมาถึง “มาเตรา” ก็สร้างความน่าตื่นตะลึงได้ทันที บ้านเรือนอาคารที่สร้างจากหินโผล่ขึ้นเหนือหุบเขา ลดหลั่นเป็นระดับ ดูเบียดเสียดเกาะกันเป็นก้อนใหญ่ราวกับงานแกะสลักหินขนาดยักษ์ แต่ทว่างดงาม หอคอยวิหารสูงตระหง่านเด่นเห็นจากระยะไกล เมื่อเมืองกระทบกับแสงแรก หรือแสงสุดท้ายของแต่ละวัน แสงและเงายิ่งเพิ่มความเข้มขลังให้กับกลุ่มอาคารในภูผานั้น
อย่างไรก็ดี ภาพที่เห็นนั้นเป็นเพียงครึ่งเดียว เพราะนั่นคือสิ่งที่มองเห็นด้วยตาในตอนแรก เมืองเก่าแห่งนี้ยังมีเส้นทางวกวนของบรรดาถ้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยใต้ดินให้ซอกแซกเดินสำรวจ โรงแรม ร้านอาหาร ที่กลมกลืนไปกับโถงถ้ำ รวมทั้งโบสถ์ และวัดที่มีอายุมากกว่า 9,000 ปี ซึ่งถ้ำโบราณ โบสถ์เก่า ต่างๆ รวมกันเป็นมรดกวัฒนธรรมที่ยูเนสโกรับรองในฐานะมรดกโลกไปในปี 1993
เมืองที่ชาวโรมันมาบุกเบิกเอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 โดยใช้ชื่อว่า Matheola จากนั้นก็เปลี่ยนผ่านการครอบครองไปหลายยุค ไม่ว่าจะเป็นไบแซนไทน์ หรือ จักรพรรดิเยอรมัน ผ่านศึกสงคราม โรคระบาด แผ่นดินไหว
และในยุค 1950 ความยากจนแร้นแค้น สภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ ก็ทำให้เมืองที่เคยรุ่งเรืองตกต่ำถึงขีดสุด ถึงกับทำให้ที่นี่ถูกตราหน้าว่าเป็นดินแดนที่น่าอับอายในอิตาลี
แต่กระนั้น มาเตรา ก็ยังดำรงผ่านกาลเวลามาได้จวบจนปัจจุบัน จนสามารถผงาดขึ้นมาเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลกได้
ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมืองเก่าแคว้น Basilicata ยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดังๆมากมาย อาทิ Ben-Hur (2016) ซึ่งใช้แทนนครเยรูซาเล็ม เนื่องจากมีอารยธรรมและบรรยากาศที่เก่าแก่ใกล้เคียงกัน , Wonder Woman (2017) รวมถึงในภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ ภาคใหม่ Bond25
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจ หากเมืองที่เคยถูกดูแคลนในอดีต จะเฉิดฉายกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกไปแล้วในวันนี้
