มอริเชียส ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย

หมู่เกาะที่เปรียบดั่งสวรรค์สีฟ้า
สัมผัสหลากประสบการณ์ในสวรรค์สีฟ้าแห่งมอรีเชียส ไข่มุกกลางมหาสมุทรอินเดียที่มีธรรมชาติงดงาม กับเรื่องราวของยุคอาณานิคม การจากลาของนก​โดโด้ และฟองคลื่นที่ชวนหลงใหล นอกจากประวัติศาสตร์ยาวนานเกี่ยวเนื่องกับยุคสมัยแห่งอาณานิคมนั้น เกาะมอริเชียสมีธรรมชาติที่งดงามและมีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยพืชพรรณและสัตว์ที่น่าสนใจหลายชนิด จากบันทึกของชาวดัชท์เมื่อมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรกก็ได้กล่าวถึงพรรณไม้ประหลาด เต่ายักษ์ที่ชายหนุ่มสามารถขึ้นไปนั่งบนกระดองได้ถึงสี่คน และที่สำคัญคือการได้พบกับนกบินไม่ได้รูปร่างตลกที่ถูกเรียกขานว่า Dodo ซึ่งมันก็ได้สูญพันธ์ไปจากเกาะแห่งนี้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษหลังจากที่พวกเขามาถึง ด้วยการถูกล่าและรุกรานของมนุษย์และสัตว์แปลกถิ่นที่ถูกนำเข้ามาบนเกาะ ซึ่งนับเป็นกรณีศึกษาเรื่องการสูญพันธ์ที่น่าเศร้าของโลก เหลือทิ้งไว้เพียงวลีที่ยังถูกใช้กันติดปากว่า ‘Dead as a dodo’
ทว่าคุณยังอาจตามรอยพบหลักฐานของการดำรงอยู่ของมันได้จากชิ้นกระดูกซึ่งอาจหาดูได้ที่ National History Museum ในพอร์ต หลุยส์หรือที่เมือง Mahebourg และชมรูปร่างหน้าตาของมันได้จากรูปวาด และตุ๊กตาแกะสลักจากร้านขายของที่ระลึก หากย้อนไปก่อนศตวรรษที่ 17 นั้น เกาะมอรีเชียสไม่เคยมีผู้อยู่อาศัยมาก่อน แม้เกาะในทวีปแอฟริกาแห่งนี้ถูกค้นพบโดยพ่อค้าชาวอาหรับมานาน ตามมาด้วยนักเดินเรือชาวโปรตุเกสที่ล่องเรือตามรอยทางของ Vasco da Gama ผ่านแหลมกู้ดโฮป ทว่าดัชท์คือชนชาติแรกที่มาตั้งอาณานิคมบนเกาะแห่งนี้เพื่อทำไร่อ้อยและตัดไม้ และให้ชื่อเกาะ ตามนามของผู้ครองนครในเนเธอร์แลนด์ Muarist Van Nassue ซึ่งเมื่อพวกดัชท์ละความสนใจในเกาะนี้และจากไป ฝรั่งเศสผู้ครอบครองเกาะ Reunion ที่อยู่ไม่ไกลกันก็เข้าครองมอริเชียสต่อมาและเรียกชื่อใหม่ว่า Isle de France แต่ฝรั่งเศสก็ต้องเสียเกาะแห่งนี้ให้กับอังกฤษภายหลังการพ่ายแพ้ในการสู้รบ ซึ่งอังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคมสุดท้ายก่อนที่มอรีเชียสจะมีเอกราชต่อมา การเดินชมเมืองพอร์ตหลุยส์ และย่าน Waterfront นั้นน่าเพลิดเพลินราวกับการเดินผ่านอดีตและปัจจุบันของมอรีเชียส เมืองที่เคยได้ชื่อว่า ‘ปารีสแห่งมหาสมุทรอินเดีย’ ยังมีเสน่ห์ของอาคารเก่าแก่ทรงโคโลเนียลตามมุมถนนต่าง ๆ ที่เป็นร่องรอยแห่งยุคอาณานิคมในศตวรรษที่แล้วฉุดสายตาให้มองดู ที่ริมอ่าวนั้นคุณจะได้พบกับอนุสาวรีย์ Sir Seewoosagur Ramgoolam บิดาผู้นำเอกราชมาให้มอรีเชียสยืนตระหง่านราวกับคอยชื่นชมความเป็นไปของเกาะและทักทายคนที่ผ่านไปมาทุกค่ำเช้า มอริเชียสเป็นสังคมที่มีความหลากหลาย เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนหลากเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมอันมาจากมรดกทางประวัติศาสตร์แห่งยุคอาณานิคม โดยประชากรส่วนใหญ่ที่มีสืบเชื้อสายมาจากชาวอินเดียและอีกราวร้อยละ 30 คือชาว Creoles ผิวดำที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ถูกนำมาแผ่นดินแอฟริกาเพื่อเป็นแรงงานในไร่อ้อยในยุคอาณานิคม รวมทั้งชาวผิวขาวและชาวจีน ที่มาตั้งรกรากอยู่ในประเทศซึ่งใช้ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ที่มาตั้งรกรากอยู่ในประเทศซึ่งใช้ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ และภาษา Creoles ที่ใช้พูดกันทั่วไปในหมู่คนท้องถิ่น
เช่นเดียวกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม อาหารในมอรีเชียสสะท้อนถึงภาพเหล่านั้น ด้วยประชากรส่วนใหญ่มีเชื้อสายอินเดีย อาหารพื้นเมืองนั้นมีความคล้ายคลึงกับอาหารอินเดีย บวกกับอิทธิพลของอาหารจีน ซึ่งมีการปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศ การรับประทานข้าวและปลาทะเล แน่นอนว่าคุณสามารถหาอาหารแบบแอฟริกันและฝรั่งเศสได้ที่นี่เช่นกัน ขนาดของเกาะมอรีเชียสนั้นไม่ได้ใหญโตเกินไปนัก เป็นเกาะที่มีขนาดเส้นรอบวงราว ๆ 300 กว่ากิโลเมตรน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะนั้นคือที่ตั้งของน้ำตกที่สูงและใหญ่ที่สุดในเกาะมอริเชียสที่แสนตระการตา ภาพของ Chamarel Waterfalls ทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูงกว่า 95 เมตร เผยเห็นเต็มตาอยู่เบื้องหน้าจากจุดชมทิวทัศน์ด้านตรงข้าม ละลองน้ำที่กระเซ็นในเปลวแดดอาจให้คุณได้เห็นสายรุ้งที่ทอดตัวอยู่ในความชุ่มฉ่ำของละอองน้ำ ดุจการแสดงอันตื่นตาของธรรมชาติ ใกล้ ๆ กันนั้นยังมีความแปลกของธรรมชาติที่ Chamarel Coloured Earth หรือมหัศจรรย์ดินเจ็ดสี ที่ว่ากันว่าเกิดขึ้นจากแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพื้นดินที่สร้างสีสันให้กับเนินดินที่นี่ พื้นที่กว้างนั้นเป็นเนินโล่งปราศจากต้นไม้ปกคลุม ปรากฎสีเข้มอ่อนบนพื้นดินนั้นล้อไปตามองศาของแสงแดดที่สาดส่องลงมากระทบพื้นผิวสร้างความฉงนฉงายให้กับผู้ที่ได้พบเห็น ถ้ากล่าวได้ว่าท้องทะเลคือหัวใจของการมายือนเกาะมอร๊เชียสของนักเดินทางทั้งหลายคงไม่ผิด เพราะมอรีเชียสมีชื่อเสียงในด้านความสวยงามของท้องทะเล โดยเฉพาะชายตะวันออก และตะวันตกของเกาะมอริเชียสมีความเรื่องลือในด้านของความสวยงาม เช่นที่ Blue Bay ได้ชื่อว่าเป็นหาดยอดนิยมแห่งหนึ่งในมอริเชียสที่ไม่ควรพลาดการได้มาเอิบอิ่มกับทรายสีขาวและแหวกว่ายในน้ำทะเลสีฟ้า  คุณยังสามารถติดต่อเรือท้องกระจกออกไปชมปะการังที่อยู่นอกชายฝั่งได้ด้วย อีกจุดหมายสำหรับเหมาะสำหรับทริปกลางวันที่ Catamran ของคุณมักมาจอดพัก เพื่อให้คุณได้สนุกสนานกับเล่นน้ำทะเล และรับประทานมื้อเที่ยง คือ ILE Aux Cerfs อันเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวมักมาเล่นน้ำ อาบแดด และปิกนิกบน เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ ซึ่งยังมี Parasailing  สำหรับผู้ที่รักความท้าทายและต้องการชมเกาะแสนสวยนี้จากทางอากาศให้เล่นสนุกด้วย

You May Also Like