ตั้งแต่เช้าที่สถานีรถไฟเซา เบนโต (Sao Bento) คึกคักไปด้วยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่มาเพื่อรอรถไฟ และทั้งที่ตั้งใจแวะมาชมความงามภายในสถานีที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายครามสีฟ้าและขาว จำนวนกว่าสองหมื่นชิ้นเรียงรายเป็นภาพสำคัญทางประวัติศาสตร์
นี่คือหนึ่งในสถานที่ซึ่งคนที่รักในสถาปัตยกรรมและงานประดับกระเบื้องแบบโปรตุเกส ต้องมาแวะเมื่อมาถึงเมืองปอร์โต เช่นเดียวกับการได้แวะไปชมโบสถ์ Carmo ที่งดงามด้วยกระเบื้องอะซูเลฮู (Azulejo) ประดับผนังด้านข้างว่าด้วยเรื่องราวทางศาสนา และโบสถ์กอทิก Sao Francisco ที่ตกแต่งภายในแบบบาโรคอย่างงดงามในย่านเมืองเก่าของโปร์ตู หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ปอร์โต (Porto )
ผมได้มาเยือนปอร์โตในวาระที่ประเทศไทยและโปรตุเกสฉลองครบรอบความสัมพันธ์ครบห้าศตวรรษ จากกรุงลิสบอนโดยการเดินทางที่ใช้วลาราวสองชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของโปรตุเกสแห่งนี้ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับสอง
ปอร์โตมีเสน่ห์ที่ไม่เป็นรองใครเลย เป็นจุดหมายที่เหมาะกับการท่องเที่ยวในหลากมิติ ทั้งในแง่ของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และในด้านของไลฟ์สไตล์ การกินดื่มอย่างมีรสนิยม พร้อด้วยค่าครองชีพที่ยังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในยุโรป ทำให้ปอร์โตเป็นจุดหมายที่มาแรงที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่น่าไปเยือน
การชมเมืองปอร์โตสามารถทำได้หลายทาง ซึ่งวิธีการเข้าถึงชีพจรของเมืองที่ดีที่สุดคงได้แก่การออกเดินสำรวจไปตามถนนหนทางต่างๆ เพื่อชมบรรยากาศของเมืองที่มีชีวิตชีวาโดยเฉพาะย่านเมืองเก่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก กระโดดขึ้นรถรางไม้ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคไปตามเส้นทาง แวะขึ้นลงตามจุดต่างๆ ที่น่าชมในเมือง เช่นโบสถ์ และหอคอย Clérigos Tower ที่สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองได้
อย่าพลาดแวะร้านหนังสือชื่อ Liviaria Lello ที่ตกแต่งอย่างสุดแสนคลาสสิก ว่ากันว่าเจ เค โรลลิ่ง นำไปเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนที่เธอเคยมาใช้ชีวิตอยู่ที่ปอร์โต นอกจากการเดินชมเมืองที่น่าเพลิดเพลินแล้ว ผมยังได้สัมผัสประสบการณ์ที่พิเศษขึ้นในการชมเมืองปอร์โตด้วยมุมสูงจากเฮลิคอปเตอร์ กับ Helitours ที่ทะยานออกจากสถานีริมแม่น้ำขึ้นบินไปรอบๆเมืองและแลนด์มาร์คอื่น ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมทิวทิศน์จากมุมสูงของของเมือง บนเฮลิคอปเตอร์ลำน้อยนั้น มองลงมาด้านล่างเห็นเมืองปอร์โตราวกับแผนที่โบราณ มีถนนหนทางที่ตัดกันเหมือนกับใยแมงมุม มองเห็นโค้งแม่น้ำโดรู สะพาน อาคารและยอดโบสถ์ต่างๆ สนามฟุตบอลของสโมสรปอร์โต รวมทั้งอาคารทรงล้ำสมัยอย่าง Casa da Musica คอนเสิร์ตฮอลล์ทรงอุกาบาต อาคารสมัยใหม่ที่แสดงบรรยากาศความร่วมสมัยของปอร์โตได้อย่างไม่ขัดเขิน ในช่วงบ่ายแก่ๆ ผมมาเดินเตร็ดเตร่ในแถวๆ Cais da Ribeira ย่านท่าเรือริมแม่น้ำโดรูที่คึกคักไปด้วยผู้คน บริเวณริมน้ำเต็มไปด้วยบาร์ และร้านอาหารกลางแจ้งบรรยากาศดี นั่งจิบ Sangria มองทิวทัศน์ของสะพาน Ponte Dom Luis ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1881 โดยผู้สร้างเป็นวิศวกรชื่อ Theophile Seyrig ผู้ที่เปิดบริษัทร่วมกับ Gustav Eiffel สร้างหอไอเฟลนั่นเอง
สะพานเหล็กสองชั้นนี้ได้เชื่อมเอาสองฝั่งของปอร์โตเข้าด้วยกัน คือย่าน Cais da Ribeira กับอีกฝั่งคือย่าน Vila Nova de Gaia อันเป็นที่ตั้งของพอร์ตเฮาส์เก่าแก่หลากหลายแบรนด์ ที่มีความเป็นมาเนิ่นนานหลายศตวรรษ ปอร์โต ถือเป็นแหล่งกำเนิดพอร์ตไวน์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งชื่อเรียกของ พอร์ตไวน์นั้น มาจากการส่งออกจากพอร์ต หรือท่าเรือของโปร์โตนั่นเอง
ในอดีตนั้นพ่อค้าชาวอังกฤษและชาวสกอตแลนด์ถือได้ว่ามีบทบาทในการพัฒนาพอร์ตไวน์ ในพอร์ตเฮาส์ทั้งเล็กใหญ่ของที่นี่เป็นที่หลับพักผ่อนของ เหล้าพอร์ตที่ผลิตจากแหล่งปลูกองุ่นในหุบเขาต้นน้ำมากมายที่ส่งมารอการบ่ม (Ageing) และรอวันตื่นขึ้นมาราวกับเจ้าหญิงนิทรา มีชีวิตโลดแล่นในแก้วของผู้ที่หลงใหลในรสชาติที่หอมหวานของมัน
ทุกวันนี้ในพอร์ตเฮ้าส์ต่าง ๆ ยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ จัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชม ไปชิม และเรียนรู้เรื่องราวของการผลิตพอร์ตไวน์ได้อย่างละเอียด ชนิดของพอร์ตไวน์คร่าวๆ อาจไล่เรียงไปจาก Ruby คือพอร์ตไวน์วัยกระเตาะที่มีอายุเอจจิงตั้งแต่สองปีขึ้นไป ยังคงสีแดงดุจเลือดนกมากับความหวานและกลิ่นผลไม้สดชื่น
ต่อมาคือ Tawny ทำจากองุ่นคุณภาพกลางๆ บ่มไว้ตั้งแต่ สองปีจนถึงเจ็ดปีขึ้นไปในถังไม้มีสีเข้มมะฮอกกานี ให้กลิ่นละมุนเหมือนกับถั่วและผลไม้แห้ง ขยับไปที่ Aged Tawny ที่ผ่านการบ่มนานขึ้น ให้รสชาตินุ่มลิ้นราวกับบรั่นดี ขณะที่ Vintage Port สีอำพันเข้มนั้นยังคงรสชาติผลไม้และผลไม้แห้ง นุ่มละมุนละไมทวีความซับซ้อน เป็นพรีเมี่ยมพอร์ตที่มาจากองุ่นชั้นเลิศบ่มในถังไม้สองปี และบ่มต่อในขวดอีกสิบปีเป็นอย่างน้อย หรือยาวไปจนถึงศตวรรษ
ส่วนประเภท LBV(Late-bottled vintage) นั้นทำจากองุ่นที่คัดสรรแห่งปี ผ่านการบ่มห้าปีในถังไม้โอ๊ก และพร้อมดื่มทันทีที่บรรจุขวด ให้รสชาติที่นุ่มและบอดี้เบาบางกว่า ผมแวะไปเยี่ยมชมพอร์ตไวน์เฮ้าส์ที่เก่าแก่สุดคือ Kopke ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1638 ที่สามารถผลิตไวน์มากถึงแปดล้านขวดในแต่ละปี ที่นี่มีทัวร์ไวน์เทสติ้ง และทัวร์ชมโรงบ่มไวน์ โดยการจัดแสดงเป็นมิวเซียมที่ทันสมัย
อีกที่หนึ่งที่ไม่น่าพลาดแวะไปชม คือ Graham’s Port Wines Cellars ผู้ผลิตพอร์ตไวน์รายใหญ่อีกรายซึ่งเป็นเจ้าแรกที่ส่งพอร์ตไวน์ไปสู่อังกฤษ ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 1820 พอร์ตไวน์ของ Graham’s ภายใต้แบรนด์ “Six Grapes” เป็นเครื่องดื่มประจำของอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Sir Winston Churchill และ ไวน์ปี 1945 และ 1948 ของ Graham’s ได้รับการยกย่องว่าเป็นไวน์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
หากที่ได้มาถึงปอร์โตเมืองต้นตำรับแห่งพอร์ตไวน์ ก็ควรที่จะซื้อหากลับบ้านกันคนละขวดถ้าเลือกไม่ถูก ก็แนะนำว่าให้สั่งวินเทจ พอร์ตไวน์ที่ตรงกับปีเกิดของตัวเองมาชิม แล้วจะพบว่ามันมักสร้างความประทับใจให้คุณ เพราะปีเกิดของเรานั้นมักจะเป็นปีที่พิเศษสุดเสมอ! ปอร์โตยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงด้านอาหารของโปรตุเกส รวมไปถึงไลฟ์สไตล์การกินดื่มที่ไม่เป็นรองใคร
ที่นี่มีร้านอาหารอร่อยมากมาย ที่นี่ตั้งแต่ร้านมิชลินสตาร์ไปจนถึง เซเลบริตีเชฟต่างๆ ให้เลือกตามรสนิยม เช่นร้าน Cantinho Do Avillez ของเชฟ Jose Avillez ที่เสิร์ฟอาหารโปรตุเกสแบบโมเดิร์น
อีกร้านที่แนะนำให้ไปลิ้มลองที่ย่านริมน้ำคือ ODE Porto Wine House ที่มอบประสบการณ์ดินเนอร์ที่ไม่ธรรมดา ที่คุณต้องเคาะประตูที่ล็อคไว้ เพื่อที่ได้จะเข้าไปในร้านอาหารที่สร้างขึ้นในบ้านเก่าแก่กว่า 320 ปี คอนเซ็ปต์ของอาหารที่นี่เป็นแบบสโลว์ฟู้ดที่ต้องใช้เวลาคอยหารปรุงสดใหม่ จากครัวของ Cristovao de Oliveira e Sousa เจ้าของหนุ่มที่เสิร์ฟอาหารท้องถิ่นโปรตุเกสสูตรคุณย่าและพูดคุยอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง
แนะนำให้ลิ้มลองเมนูอาหารที่ทำจากปลาค็อดที่เรียกกันว่าบาคัลเยา (Bacalhau) นั้นรสชาติอร่อยถูกปาก จับคู่กับไวน์จากท้องถิ่น และแน่นอนที่สุดคือดินเนอร์มื้อใดในปอร์โตจะสมบูรณ์ไปไม่ได้หาก ไม่ได้ปิดท้ายด้วยพอร์ตไวน์คุณภาพดีจากปอร์โต ก่อนที่จะไปนั่งจิบเครื่องดื่มในบาร์สักแห่ง หรือฟังเพลงฟาโด ขับกล่อมก่อนกลับเข้าที่พักและหลับฝันในเมืองที่น่าหลงใหลแห่งโปรตุเกสนี้ Essentials
· Helitourให้บริการชมปอร์โตหรือดูโรในราคา 3,800 บาท ต่อคนขึ้นไป www.helitours.pt
· Furthur Reading www.visitportoandnorth.travel
นี่คือหนึ่งในสถานที่ซึ่งคนที่รักในสถาปัตยกรรมและงานประดับกระเบื้องแบบโปรตุเกส ต้องมาแวะเมื่อมาถึงเมืองปอร์โต เช่นเดียวกับการได้แวะไปชมโบสถ์ Carmo ที่งดงามด้วยกระเบื้องอะซูเลฮู (Azulejo) ประดับผนังด้านข้างว่าด้วยเรื่องราวทางศาสนา และโบสถ์กอทิก Sao Francisco ที่ตกแต่งภายในแบบบาโรคอย่างงดงามในย่านเมืองเก่าของโปร์ตู หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ปอร์โต (Porto )
ปอร์โตมีเสน่ห์ที่ไม่เป็นรองใครเลย เป็นจุดหมายที่เหมาะกับการท่องเที่ยวในหลากมิติ ทั้งในแง่ของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และในด้านของไลฟ์สไตล์ การกินดื่มอย่างมีรสนิยม พร้อด้วยค่าครองชีพที่ยังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในยุโรป ทำให้ปอร์โตเป็นจุดหมายที่มาแรงที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่น่าไปเยือน
อย่าพลาดแวะร้านหนังสือชื่อ Liviaria Lello ที่ตกแต่งอย่างสุดแสนคลาสสิก ว่ากันว่าเจ เค โรลลิ่ง นำไปเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนที่เธอเคยมาใช้ชีวิตอยู่ที่ปอร์โต
สะพานเหล็กสองชั้นนี้ได้เชื่อมเอาสองฝั่งของปอร์โตเข้าด้วยกัน คือย่าน Cais da Ribeira กับอีกฝั่งคือย่าน Vila Nova de Gaia อันเป็นที่ตั้งของพอร์ตเฮาส์เก่าแก่หลากหลายแบรนด์ ที่มีความเป็นมาเนิ่นนานหลายศตวรรษ
ในอดีตนั้นพ่อค้าชาวอังกฤษและชาวสกอตแลนด์ถือได้ว่ามีบทบาทในการพัฒนาพอร์ตไวน์ ในพอร์ตเฮาส์ทั้งเล็กใหญ่ของที่นี่เป็นที่หลับพักผ่อนของ เหล้าพอร์ตที่ผลิตจากแหล่งปลูกองุ่นในหุบเขาต้นน้ำมากมายที่ส่งมารอการบ่ม (Ageing) และรอวันตื่นขึ้นมาราวกับเจ้าหญิงนิทรา มีชีวิตโลดแล่นในแก้วของผู้ที่หลงใหลในรสชาติที่หอมหวานของมัน
ทุกวันนี้ในพอร์ตเฮ้าส์ต่าง ๆ ยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ จัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชม ไปชิม และเรียนรู้เรื่องราวของการผลิตพอร์ตไวน์ได้อย่างละเอียด ชนิดของพอร์ตไวน์คร่าวๆ อาจไล่เรียงไปจาก Ruby คือพอร์ตไวน์วัยกระเตาะที่มีอายุเอจจิงตั้งแต่สองปีขึ้นไป ยังคงสีแดงดุจเลือดนกมากับความหวานและกลิ่นผลไม้สดชื่น
ต่อมาคือ Tawny ทำจากองุ่นคุณภาพกลางๆ บ่มไว้ตั้งแต่ สองปีจนถึงเจ็ดปีขึ้นไปในถังไม้มีสีเข้มมะฮอกกานี ให้กลิ่นละมุนเหมือนกับถั่วและผลไม้แห้ง ขยับไปที่ Aged Tawny ที่ผ่านการบ่มนานขึ้น ให้รสชาตินุ่มลิ้นราวกับบรั่นดี ขณะที่ Vintage Port สีอำพันเข้มนั้นยังคงรสชาติผลไม้และผลไม้แห้ง นุ่มละมุนละไมทวีความซับซ้อน เป็นพรีเมี่ยมพอร์ตที่มาจากองุ่นชั้นเลิศบ่มในถังไม้สองปี และบ่มต่อในขวดอีกสิบปีเป็นอย่างน้อย หรือยาวไปจนถึงศตวรรษ
ส่วนประเภท LBV(Late-bottled vintage) นั้นทำจากองุ่นที่คัดสรรแห่งปี ผ่านการบ่มห้าปีในถังไม้โอ๊ก และพร้อมดื่มทันทีที่บรรจุขวด ให้รสชาติที่นุ่มและบอดี้เบาบางกว่า
อีกที่หนึ่งที่ไม่น่าพลาดแวะไปชม คือ Graham’s Port Wines Cellars ผู้ผลิตพอร์ตไวน์รายใหญ่อีกรายซึ่งเป็นเจ้าแรกที่ส่งพอร์ตไวน์ไปสู่อังกฤษ ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 1820 พอร์ตไวน์ของ Graham’s ภายใต้แบรนด์ “Six Grapes” เป็นเครื่องดื่มประจำของอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Sir Winston Churchill และ ไวน์ปี 1945 และ 1948 ของ Graham’s ได้รับการยกย่องว่าเป็นไวน์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
หากที่ได้มาถึงปอร์โตเมืองต้นตำรับแห่งพอร์ตไวน์ ก็ควรที่จะซื้อหากลับบ้านกันคนละขวดถ้าเลือกไม่ถูก ก็แนะนำว่าให้สั่งวินเทจ พอร์ตไวน์ที่ตรงกับปีเกิดของตัวเองมาชิม แล้วจะพบว่ามันมักสร้างความประทับใจให้คุณ เพราะปีเกิดของเรานั้นมักจะเป็นปีที่พิเศษสุดเสมอ!
ที่นี่มีร้านอาหารอร่อยมากมาย ที่นี่ตั้งแต่ร้านมิชลินสตาร์ไปจนถึง เซเลบริตีเชฟต่างๆ ให้เลือกตามรสนิยม เช่นร้าน Cantinho Do Avillez ของเชฟ Jose Avillez ที่เสิร์ฟอาหารโปรตุเกสแบบโมเดิร์น
อีกร้านที่แนะนำให้ไปลิ้มลองที่ย่านริมน้ำคือ ODE Porto Wine House ที่มอบประสบการณ์ดินเนอร์ที่ไม่ธรรมดา ที่คุณต้องเคาะประตูที่ล็อคไว้ เพื่อที่ได้จะเข้าไปในร้านอาหารที่สร้างขึ้นในบ้านเก่าแก่กว่า 320 ปี คอนเซ็ปต์ของอาหารที่นี่เป็นแบบสโลว์ฟู้ดที่ต้องใช้เวลาคอยหารปรุงสดใหม่ จากครัวของ Cristovao de Oliveira e Sousa เจ้าของหนุ่มที่เสิร์ฟอาหารท้องถิ่นโปรตุเกสสูตรคุณย่าและพูดคุยอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง
แนะนำให้ลิ้มลองเมนูอาหารที่ทำจากปลาค็อดที่เรียกกันว่าบาคัลเยา (Bacalhau) นั้นรสชาติอร่อยถูกปาก จับคู่กับไวน์จากท้องถิ่น และแน่นอนที่สุดคือดินเนอร์มื้อใดในปอร์โตจะสมบูรณ์ไปไม่ได้หาก ไม่ได้ปิดท้ายด้วยพอร์ตไวน์คุณภาพดีจากปอร์โต ก่อนที่จะไปนั่งจิบเครื่องดื่มในบาร์สักแห่ง หรือฟังเพลงฟาโด ขับกล่อมก่อนกลับเข้าที่พักและหลับฝันในเมืองที่น่าหลงใหลแห่งโปรตุเกสนี้
· Helitourให้บริการชมปอร์โตหรือดูโรในราคา 3,800 บาท ต่อคนขึ้นไป www.helitours.pt
· Furthur Reading www.visitportoandnorth.travel