เที่ยว 3 เมือง ตามรอยวรรณกรรมเชคสเปียร์

3 เมืองในอิตาลี ที่ปรากฏในวรรณกรรมของกวีเอก
วิลเลียม เชคสเปียร์ กวีเอกของโลกชาวอังกฤษ ใช้เมืองของประเทศอิตาลีในการเซ็ตฉากบทละครอันเป็นตำนานระดับโลก เมืองอันงดงามและเรื่องราวจากบทประพันธ์โรแมนติกดราม่าทั้งหลายนั้น ผสมกลมกล่อมกันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดึงดูดให้นักเดินทางออกไปตามรอยจวบจนทุกวันนี้ ประเทศอิตาลี ดินแดนในฝันของนักเดินทางหลายๆคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ อารยธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปะความงามอันหลากหลาย การพกบัตร PLANET SCB บัตรคู่ใจนักเดินทางที่ช่วยให้คุณไม่ต้องห่วงเรื่องการแลกเงิน แถมยังสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะคุณสมบัติโดดเด่นที่สามารถแลกเงินสกุลต่างประเทศได้ถึง 13 สกุลเงินยอดนิยม รวมถึงสกุลยูโร ที่ใช้ในอิตาลี

บัตร PLANET SCB สามารถแลกได้เรทดีเทียบเท่ากับร้านแลกเงินชั้นนำ จะเช็คเรท เติมเงินเข้าบัตร และแลกเงินได้แบบ real time ผ่าน SCB EASY App แค่มี wi-fi บัตรยังสามารถใช้จ่ายสุดคุ้มทั่วโลกทั้งการรูดใช้จ่าย หรือช้อปออนไลน์ได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน โดยไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน 2.5% ทุกสกุลเงิน จ่ายสะดวกสบายด้วยระบบ Paywave ในร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ VISA

สมัครง่าย ไม่ต้องรอผลอนุมัติ ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน แค่มีบัญชี SCB เท่านั้น
สมัครผ่านแอป SCB EASY คลิกที่นี่ https://link.scb/2Pb9JGy หรือ สมัครได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ทั่วประเทศ


The Passport นำเสนอเส้นทางตามรอยบทละครอันลือลั่นของวิลเลียม เชคสเปียร์ ในเมืองสวยแสนโรแมนติกของประเทศอิตาลี เวโรนา (Verona)
แม้ว่าก่อนท่ีจะมีเรื่องโรมิโอกับจูเลียตจนโด่งดังไปทั่วโลก เวโรนาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเมืองแห่งความโรแมนติก แถมยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักจากคนนอกด้วยซ้ำ เพราะยุคนั้นเมืองรองอื่นๆในอิตาลีแทบจะอยู่ใต้เงาของเวนิส แต่วันนี้เวโรนานับเป็นหนึ่งในเมืองที่โรแมนติกที่ติดอันดับในโลก เป็นจุดหมายปลายทางที่มีคู่รักนับพันนับหมื่นเดินทางมาเยือนทุกปี เราไม่อาจรู้ได้ว่าโรมิโอกับจูเลียตเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ แม้ว่าดันเต กวีชาวอิตาเลียนจะเคยเอ่ยถึง ครอบครัวศัตรูคู่อาฆาตกันสองครอบครัว อันได้แก่ ตระกูล Montecchi กับ ตระกูล Cappelletti แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เมืองนี้เต็มไปด้วยสถานท่ีซึ่งมีความเก่ียวพันกับวรรณกรรมดังของโลกแน่นอนที่สุด มีระเบียงอันโด่งดังที่ว่ากันว่าโรมิโอปีนขึ้นไปบอกรักจูเลียตอยู่ใกล้กับทางเดินสายหลักของเมือง แม้เป็นที่แน่ชัดว่าระเบียงถูกสร้างเพิ่มข้ึนที่บ้านเก่าหลังเหมาะๆ ในปี ค.ศ. 1936 แต่คนก็ยังสงสัยกันว่ามันเป็นของดั้งเดิมอยู่ดี ที่บ้านมีรูปปั้นจูเลียตอยู่ด้านนอกและห้องนอนของเธอก็ถูกสร้างข้ึนใหม่ ภายในสถาปัตยกรรมหินของลานสนามของตึกน้ันซึ่งสามารถเข้ามาได้จากเฉลียงคดโค้งเล็กๆ ยังคง ถูกเก็บรักษาไว้ในบรรยากาศโบราณราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง เวโรนายังมีสุสานของจูเลียต ซึ่งอยู่ในสำนักแม่ชีคณะฟรันซิสกัน ในศตวรรษท่ี 13 เป็นสถานที่ที่จูเลียตเสียชีวิตในบทละคร และเป็นสถานท่ี เดียวที่อยู่นอกกำแพงเมืองในช่วงเวลาท่ีเหตุการณ์ ผู้คนต่างไปท่ีนี่เพื่อแสดงความอาลัยต่อจูเลียตและเชคสเปียร์ สุสานแห่งนี้จึงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสถานท่ีที่เศร้าที่สุดในโลกอีกแห่งหน่ึง เมืองแสนโรแมนติกแห่งนี้มีเนินเขาเรียงตัวซ้อนกันราวกับชั้นที่นั่งในโรงมหรสพ “เวโรนา” จึงนับเป็นเมืองที่คุณสัมผัสกลิ่นอายของเชคสเปียร์ได้เป็นอย่างดี ในด้านผู้คนท้องถิ่นในเมืองเวโรนาก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ยิ้มแย้ม มีอารมณ์ขัน เต็มไปด้วยมิตรไมตรี และเป็นกลุ่มมนุษย์ผู้มีนิสัยอยากรู้ อยากเห็น ชอบต้อนรับแขกผู้มาเยือน รวมทั้งยินดีเปิดรับอิทธิพลใหม่ๆ

สถานที่น่าสนใจอื่นๆในเวโรนา Piazza delle Erbe
จัตุรัสที่สวยที่สุดในเมืองรายล้อมไปด้วยคาเฟ่ และชาวเมือง ที่มารวมตัวกันเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร จัตุรัสแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดในเวโรนาหลายชิ้น เช่น พระราชวัง Palazzo Maffei สไตล์บาโรก และภาพเขียนสีเฟรสโกบนผนังของคาเฟ่ Casa Mazzanti

Basilica di San Zeno Maggiore
สถานที่แห่งนี้มีห้องใต้ดินที่โรมิโอและจูเลียตมาทำพิธีแต่งงานกัน เป็นตัวอย่างของแท้ดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ โดยมีหน้าต่างกุหลาบวงล้อแห่งโชคชะตา และประตูทองสัมฤทธิ์ยุคศตวรรษที่ 12 ติดอยู่ตรงฉากหน้าอาคาร
ปาดัว (Padua)
“ปาดัว” อาจไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังระดับแนวหน้าของอิตาลี แต่บทละครตลกเรื่องแรกๆของเชคสเปียร์เรื่อง “The Taming of the Shrew” ซึ่งเขียนข้ึนในช่วงปี ค.ศ. 1590 และเป็นหน่ึงในละครเร่ืองแรกๆของเขาที่จัดฉากในอิตาลี ว่ากันว่า เชคสเปียร์เลือกที่จะให้ฉากของ ละครเร่ืองน้ีอยู่ที่ปาดัว เมืองซึ่งต้ังอยู่ระหว่างเวโรนา กับเวนิส มหาวิทยาลัยปาดัว (University of Padua) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกๆ ในโลกแห่งหนึ่ง และในยุคของเชคสเปียร์ เมืองน้ีมีช่ือเสียงอย่างยิ่งในฐานะศูนย์กลางการเรียนรู้ของยุโรป และมีศิษย์เก่าอย่าง กาลิเลโอ (ผู้โด่งดังจากเรื่องกล้องโทรทรรศน์) และคาซาโนวา (ผู้โด่งดังเรื่องความเจ้าชู้) เชคสเปียร์ต้องการเปลี่ยนเมืองแห่งการเรียนรู้และ วิทยาศาสตร์แห่งนี้ให้เป็นเมืองแห่งความรักและความไม่ถูกต้องทางการเมือง เขาจึงใช้ชื่อเสียงของเมืองมากกว่าที่จะใช้ทำเลที่ตั้งอยู่จริงๆเป็นฉากหลัง ทำให้นอกจากมหาวิทยาลัยปาดัวแล้ว บทละครก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงสถานที่อื่นๆ ดังนั้นการไปเดินเล่นรอบมหาวิทยาลัยจึงเป็นตัวเลือกที่ดี มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ใน พื้นที่พระราชวัง Palazzo del Bo จุดขายสำคัญคือ คณะแพทย์มีโรงสอนกายวิภาคศาสตร์แห่งแรกของโลกสร้างข้ึนด้วยไม้อันงดงามในศตวรรษท่ี 16 เพื่อแสดงการผ่าชำแหละมนุษย์และสัตว์ต่างๆให้นักศึกษาดู จนถึงทุกวันน้ี มหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังคงเป็นมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ชั้นนำแห่งหนึ่ง ความมีชีวิตของมหาวิทยาลัยแผ่ขยายไปท่ัวทุกมุมเมือง คุณจะสนุกกับการเดินผ่านทางเดินหน้ามุข ซึ่งทอดตัวอยู่ใต้ตึกรามบ้านช่อง และเข้าไปใน Prato della Valle หนึ่งในจัตุรัสหลักของเมืองซ่ึงดูราวกับ สวนสไตล์อิตาเลียนที่จัดแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบ โอบล้อมด้วยลำคลองให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโลกใบเล็กๆ อยู่ในนั้น ตัดขาดจากส่วนอ่ืนๆของเมือง

สถานที่น่าสนใจอื่นๆในปาดัว Cappella Degli Scrovegni
ผลงานภาพเฟรสโกของ Giotto ภายในโบสถ์แห่งนี้ เป็นการปฏิวัติบทบาทของศิลปะในศาสนสถาน โดยการทำรูปตัวละครต่างๆในคัมภีร์ไบเบิลมีลักษณะและท่าทางเหมือนมนุษย์มากขึ้น ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับเลโอนาร์โด ดาวินชี เวนิส (Venice)
มีการถกเถียงกันเป็นวงกว้างว่าแท้จริงแล้ว เชคสเปียร์เคยไปเยือนอิตาลีหรือไม่ ? บทละครของเขาท่ีมีฉากในอิตาลีบางเรื่องสอดแทรกไปด้วยเกร็ดความรู้พื้นเมืองมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะรู้ หากไม่ได้ไปที่นั่นเอง เช่น ในเรื่องจูเลียส ซีซาร์ เชคสเปียร์อธิบายถึงพายุฤดูร้อนแบบแอฟริกันในกรุงโรม ซึ่งเป็นพายุชนิดที่ผ่านมาแล้วผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก และไม่เคยพบเห็นในอังกฤษ เขาดูเหมือนจะสามารถจับสังเกตนิสัยแบบอิตาเลียนได้ แต่ก็มีคนโต้ว่าเขาอาจจะรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตในอิตาลีจากการพูดคุยกับพวกพ่อค้าซ่ึงเดินทางมาท่ีแม่น้ำ เทมส์ ก็ได้ แต่ถึงจะว่าอย่างนั้น ในช่วงการปกครองของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธท่ี 1 เวนิสกับอังกฤษ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการเมืองกัน ดังน้ันประเด็นนี้จึงยังมีข้อกังขาอยู่ และที่น่าสนใจไปกว่านั้น ระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1585 ถึงปี ค.ศ. 1592 ไม่มีใครรู้ว่า เชคสเปียร์อยู่ท่ีไหน นั่นก็เป็นไปได้เช่นกันว่า เขาอาจจะไปอิตาลี บทละคร The Merchant of Venice หรือ เวนิสวาณิช รวมถึง Othello เขาวางฉากดำเนินเรื่องในเมืองเวนิส มีการกล่าวถึงย่านตลาด Rialto หลายคร้ัง ในเร่ืองเวนิสวาณิชมีการพูดถึงเรือกอนโดลา และ ‘tranect’ ซ่ึงน่าจะหมายถึง ‘เรือข้ามฟากขนส่งผู้คนจากเวนิสไปแผ่นดินใหญ่ ทุกวันน้ีเรือดังกล่าวยังคงมีอยู่ตามจุดต่างๆ หลายแห่ง ตลอดลำคลอง Grand Canal สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในปัจจุบัน เอาเป็นว่า ถ้าวิลเลียม เชคสเปียร์ เดินทางมาที่อิตาลีจริง เขาคงใช้เวลาไปกับการเดินเล่นตามท้องถนน แอบฟังผู้คนพูดคุยกัน และสังเกตว่าเกิดอะไรข้ึนในร้านรวง รวมถึงการเดินไปตลาด Rialto ทำให้ย้อนรำลึกถึงวันเวลาในยุคน้ัน พระราชวัง Palazzo Ducale ซึ่งมีหน้าฉากอาคารสไตล์กอทิกอันงดงามอลังการและโถงประชุมสภาขนาดใหญ่อาจจะเป็นภาพในใจที่เขาวางไว้ให้เป็นฉากสาหรับฉากสุดท้ายในห้องพิจารณาคดีของเร่ืองเวนิสวาณิช ขณะที่รูปป้ันทองสัมฤทธิ์สองตัวบนหอนาฬิกา Torre dell’Orologio ท่ีจัตุรัส St Mark’s Square ก็รู้จักในนาม ‘i mori’ หรือ ‘ชาวมัวร์’ ซึ่ง เป็นกุญแจสำคัญในเร่ืองโอเทลโล

สถานที่น่าสนใจอื่นๆในเวนิส Gallerie dell’Accademia
พิพิธภัณฑ์เวนิสท่ีสำคัญแห่งนี้มีของจัดแสดงเก่ียวกับอิทธิพลของเวนิสท่ีมีต่อโลกศิลปะให้ชมโดยละเอียด ไฮไลท์มีทั้งภาพ Creation of the Animals ของ Tintoretto และ หน่ึงในผลงานชุดสุดท้ายของ Titian ( www.gallerieaccademia.it ) Traghetti อาจจะไม่ใช่เรือโรแมนติกอย่างกอนโดลา แต่เรือ traghetto เป็นวิธีการ สัญจรไปมาในชีวิตจริงของชาวเมือง

You May Also Like