จากลิสบอนไปทางเหนือหนึ่งชั่วโมงทางรถคือเมืองบนเขาที่ชื่อว่า ซินตรา (Sintra) เมืองที่เต็มไปด้วยปราสาททรงยุโรปสุดคลาสสิค ท่ามกลางสวนสวยราวฉากซีรีส์ยุคกลางที่มีเจ้าหญิง และเจ้าชายปรากฎตัวออกมาให้เห็น
ซินตราได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในฐานะของ” Cultural Landscape” แห่งแรกในยุโรป และเป็นพื้นที่ซึ่งที่มีภูมิอากาศเฉพาะ ประวัติศาสตร์ของซินตรา นับได้จากยุคที่พวกมัวร์จากแฟริกาเหนือเคยครอบครอง ก่อนที่จะมาเป็นที่แปรพระราชฐานของกษัตริย์และราชวงศ์โปรตุเกส ในปัจจุบันคือแหล่งท่องเที่ยว ที่พักร้อนของชาวโปรตุเกส เนื่องจากเป็นที่มีอากาศเย็นสบาย เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม และสวนอันร่มรื่น
ซินตราได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในฐานะของ” Cultural Landscape” แห่งแรกในยุโรป และเป็นพื้นที่ซึ่งที่มีภูมิอากาศเฉพาะ ประวัติศาสตร์ของซินตรา นับได้จากยุคที่พวกมัวร์จากแฟริกาเหนือเคยครอบครอง ก่อนที่จะมาเป็นที่แปรพระราชฐานของกษัตริย์และราชวงศ์โปรตุเกส ในปัจจุบันคือแหล่งท่องเที่ยว ที่พักร้อนของชาวโปรตุเกส เนื่องจากเป็นที่มีอากาศเย็นสบาย เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม และสวนอันร่มรื่น
พระราชวังแห่งซินตรา (Palacio Nacional de Sintra ) บอกเล่าเรื่องราวของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี
พระราชวังเก่าแก่ที่ย้อนประวัติไปตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 และในพัฒนาต่อมาด้วยศิลปะในรูปแบบกอทิกบวกกับ Manueline Style ในยุคของกษัตริย์ Manuel ที่ 1 ผสมผสานของศิลปะอิสลามของมัวร์ ที่นี่ยังคงรูปแบบที่สมบูรณ์นับจากกลางศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา
พระราชวังเก่าแก่ที่ย้อนประวัติไปตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 และในพัฒนาต่อมาด้วยศิลปะในรูปแบบกอทิกบวกกับ Manueline Style ในยุคของกษัตริย์ Manuel ที่ 1 ผสมผสานของศิลปะอิสลามของมัวร์ ที่นี่ยังคงรูปแบบที่สมบูรณ์นับจากกลางศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา
ปล่องไฟรูปทรงโคนจากห้องครัวของพระราชวังทั้งสองยังคงดูโดดเด่น เช่นเดียวกับห้องเพดานรูปหงส์ที่แสนสง่า และห้องเพดานรูปม้า ที่มีลวดลายกระเบื้องผนังและรายละเอียดตกแต่งงดงามเลื่องลือ
ย่านตัวเมืองใกล้กับพระราชวังซินตรา เป็นที่นัดพบของนักท่องเที่ยว ที่รวมเอาร้านอาหาร บาร์ ไปจนถึงของที่ระลึกหลากหลายตั้งแต่ผ้าปูโต๊ะลายไก่ ไปจนกระทั่งเครื่องเซรามิก และกระเบื้องเขียนลายประดับผนัง ที่มีเอกลักษณ์ของโปรตุเกส ที่ควรซื้อไปที่ระลึกสักชิ้นสองชิ้น
ย่านตัวเมืองใกล้กับพระราชวังซินตรา เป็นที่นัดพบของนักท่องเที่ยว ที่รวมเอาร้านอาหาร บาร์ ไปจนถึงของที่ระลึกหลากหลายตั้งแต่ผ้าปูโต๊ะลายไก่ ไปจนกระทั่งเครื่องเซรามิก และกระเบื้องเขียนลายประดับผนัง ที่มีเอกลักษณ์ของโปรตุเกส ที่ควรซื้อไปที่ระลึกสักชิ้นสองชิ้น
สูงขึ้นไปบนเขาในพื้นที่ของเขตมรดกโลกซินตรานั้น คือ ป้อมปราสาทมัวร์ (Castelo Dos Mouros) ที่ชาวมัวร์สร้างไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 เพื่อปกป้องเมืองซินตราเบื้องล่าง สิ่งที่เหลืออยู่ปัจจุบันได้รับการชุบชีวิตโดยกษัตริย์ Ferdinan II
กษัตริย์ Ferdinan II ได้รับการขนานนามว่ากษัตริย์ศิลปิน ซึ่งพระองค์ยังคือผู้สร้างพระราชวังแห่งชาติเปนา ในซินตรา (Pala’cio Nacional da Pena) อันเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบโรแมนติกชิ้นเลิศ ของโปรตุเกสในศตวรรษที่ 19
พระราชวัง Pena และสวนสวย อันถือเป็นหัวใจสำคัญของซินตรา ที่ผู้มาเยือนต้องไม่พลาดการเดินชมทั้งภายนอกและภายในปราสาทที่แบ่งเป็นห้องหับต่างๆ ที่บรรจุเอาประวัติศาสตร์ของโปรตุเกสเอาไว้ทุกซอกมุม
พระราชวัง Pena และสวนสวย อันถือเป็นหัวใจสำคัญของซินตรา ที่ผู้มาเยือนต้องไม่พลาดการเดินชมทั้งภายนอกและภายในปราสาทที่แบ่งเป็นห้องหับต่างๆ ที่บรรจุเอาประวัติศาสตร์ของโปรตุเกสเอาไว้ทุกซอกมุม
ด้วยสิ่งก่อสร้างที่มีศิลปะ แบบ Manueline ผสมกับมัวร์ ไปจนถึงสวนที่งดงาม ที่ประกอบด้วยพืชพรรณหลายหลายที่ได้รับการสรรหาจากทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสวนรุกขชาติที่สำคัญของประเทศ
พระราชวังอีกแห่งที่น่าชมคือ มอนเซอร์ราตี (Palácio de Monserrate ) ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 คือ อีกสถานที่งดงามอีกแห่งในเขตมรดกโลกแห่งซินตรา
มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ Francis Cook ที่ต่อมาได้รับการแต่งตั้งโดยกษัตริย์โปรตุเกสให้เป็น ไวเคาน์แห่งมอนเซอร์ราตี ได้ทุ่มเทตกแต่งและต่อเติมปราสาทแห่งนี้
อย่างประณีตงดงามด้วยศิลปะกอทิก อินเดีย และมัวร์ ผสมผสานกันจนกลายเป็นตัวอย่างอันเยี่ยมยอดของสถาปัตยกรรมโรแมนติกนิยมของโปรตุเกส
มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ Francis Cook ที่ต่อมาได้รับการแต่งตั้งโดยกษัตริย์โปรตุเกสให้เป็น ไวเคาน์แห่งมอนเซอร์ราตี ได้ทุ่มเทตกแต่งและต่อเติมปราสาทแห่งนี้
อย่างประณีตงดงามด้วยศิลปะกอทิก อินเดีย และมัวร์ ผสมผสานกันจนกลายเป็นตัวอย่างอันเยี่ยมยอดของสถาปัตยกรรมโรแมนติกนิยมของโปรตุเกส