ความน่าตื่นตาตื่นใจ เกิดขึ้นทุกปี สำหรับภาพของฝูงวิลเดอร์บีสต์ที่พากันอพยพเปลี่ยนถิ่นหากินในช่วงกลางปี ตั้งแต่กรกฎาคมไปจนถึงพฤศจิกายน จากประเทศแทนซาเนีย พื้นที่อุทยานแห่งชาติ โงรอนโกโร (Ngorongoro) และเซเรนเกติ (Serengeti) ไปสู่ความสมบูรณ์ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ “มาไซมารา” (Masai Mara) ประเทศเคนยา วนเวียนเป็นวัฏจักรไปทุกปี การอพยพของฝูงสัตว์ในแอฟริกา ดูจะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนัก ถ้าหากไม่ใช่เพียงเพราะว่าวิลเดอบีสต์ ที่ว่านี้ เดินอพยพข้ามทุ่งหญ้า ข้ามผืนน้ำในปริมาณนับล้านตัว! โดยมีฝูงม้าลายบางส่วนร่วมเดินทางไปด้วย การอพยพแต่ละครั้ง นั่นหมายถึงความเสี่ยงของตัวที่อ่อนแอ และอาจเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของมัน เพราะระหว่างการเดินทาง ก็มีสัตว์นักล่าทั้งหลายรอจังหวะอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่แร้งแอฟริกัน ที่คอยเก็บตกสัตว์ที่ไม่สามารถเดินต่อไปได้ ไม่เพียงแต่การอพยพครั้งใหญ่เท่านั้น การมาเยือนแทนซาเนีย หรือเคนยา ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ล้วนตั้งเป้าหมายมาชมวิถีชีวิตที่หลากหลายเพราะบรรดาสิงสาราสัตว์ที่เห็นในสารคดีสัตว์โลก ต่างพากันดาหน้ามาอวดโฉมกันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสิงโต เสือชีตาร์ ไฮยีนา ยีราฟ ม้าลาย หรือช้างป่าแอฟริกา
และหากเดินทางไปชมการอพยพครั้งใหญ่ทางฝั่งประเทศเคนยา ยังอาจได้สัมผัสวิถีชนเผ่ามาไซ ผู้โดดเด่นในวัฒนธรรมดั้งเดิมและมีเอกลักษณ์ ซึ่งล้วนเป็นความน่าตื่นตาตื่นใจที่ทำให้ทุ่งหญ้าแอฟริกันไม่เคยว่างเว้นจากสีสันแห่งชีวิต
นักท่องเที่ยวผู้หลงใหลการส่องสัตว์เที่ยวชมธรรมชาติแห่งทุ่งหญ้าแอฟริกา สามารถชมวิถีชีวิตของเหล่าสัตว์กินพืชอพยพได้แทบทั้งปี เพราะมันใช้ชีวิตแบบเคลื่อนย้ายพื้นที่ไปหาแหล่งอาหารเดินตามเข็มนาฬิกาทุกปี ราวกับเป็นความสมดุลของวิถีแห่งชีวิตที่ปรับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ฝูงวิลเดอร์บีสต์นับล้าน หากินทางตอนใต้ของอุทยานฯ ก่อนจะเคลื่อนตัวมาตอนกลาง และอพยพครั้งใหญ่บริเวณรอยต่อสองประเทศในช่วงประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคม แล้วกลับมาสู่ทางใต้ของอุทยานฯในแทนซาเนียอีกครั้ง
และหากเดินทางไปชมการอพยพครั้งใหญ่ทางฝั่งประเทศเคนยา ยังอาจได้สัมผัสวิถีชนเผ่ามาไซ ผู้โดดเด่นในวัฒนธรรมดั้งเดิมและมีเอกลักษณ์ ซึ่งล้วนเป็นความน่าตื่นตาตื่นใจที่ทำให้ทุ่งหญ้าแอฟริกันไม่เคยว่างเว้นจากสีสันแห่งชีวิต