นอกจากเมืองหลวงกรุงเบอร์ลินที่เสมือนศูนย์กลางสีสันการท่องเที่ยวแล้ว เส้นทางเที่ยวสุดเพอร์เฟคในประเทศเยอรมนี ต้องลองตระเวนไปตามเมืองตอนใต้ เช่น สัมผัสโลกแห่งยนตกรรมที่มิวนิค เยือนมหาวิหารมรดกโลกที่เมืองโคโลญจน์ หรือฝากประสบการณ์ที่เมกกะแห่งผู้รักความท้าทาย ในการขับขี่ที่เมืองนัวร์เบิร์ก Munich
BMW Welt และ BMW Museum
มิวนิคเป็นเมืองแห่งบริษัทยนตกรรมระดับโลกอย่าง BMW การมาเยือนเมืองนี้ จึงไม่ควรพลาดชมความก้าวหน้า ของ BMW Group ที่ BMW Welt (ซึ่งมีความหมายว่า BMW World นั่นเอง) พื้นที่กว่า 25,000 ตารางเมตร ครอบคลุมทั้งนิทรรศการจัดแสดงรถยนต์ BMW โมเดลปัจจุบันทุกซีรีส์ โซนใหม่ล่าสุดที่จัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้า BMW i3 , BMW i8 และโซนมอเตอร์ไซค์ รวมถึงโซน Mini และ Rolls-Royce นอกจากนี้ ข้ามฝั่งมาอีกนิด ยังมี BMW Museum ซึ่งจัดนิทรรศการถาวร ได้แก่ The Seven Exhibition Houses แบ่งออกเป็น 7 ส่วน เช่น House of Design นำเสนอแรงบันดาลใจและกระบวนการออกแบบของ BMW , House of Company ประวัติศาสตร์และพัฒนาการมากว่าร้อยปี , House of Technology ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเครื่องยนต์ , House of the Motorcycle จัดแสดงเรื่องราวของมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ยุคบุกเบิก เป็นต้น
www.bmw-welt.com Maximilianstrasse
หนึ่งในถนนที่เฉิดฉายความวิจิตรของสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอ-กอทิก ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1850 โดยพระเจ้า Maximilian ที่สอง แห่งแคว้นบาวาเรีย ทรงออกแบบแผนผังของถนน และพระนามของพระองค์ ก็กลายเป็นชื่อเส้นทางสายนี้ ปัจจุบันที่นี่คือถนนสายช้อปปิ้งแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงมากในมิวนิค ระยะทางเพียงกิโลเมตรเศษ เรียงรายไปด้วยร้านค้าแฟชั่น เครื่องประดับ กระเป๋า ฯลฯ ที่ดึงดูดให้คุณอยากจับจ่ายละลายทรัพย์ หรือถ้าขี้เกียจเดิน ก็มีคาเฟ่ ภัตตาคาร ให้คุณได้แวะพักดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอาคารบ้านเรือนสไตล์ยุโรป Nymphenburg Palace
ใครมีโอกาสได้มาเยือนพระราชวังนิมเฟนบูร์ก ในวันที่อากาศแจ่มใส จะเข้าใจได้ทันที ว่าเหตุใดราชวงศ์ผู้ปกครองแคว้นบาวาเรีย จึงสร้างสถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อน เพราะความงามของอาคารสไตล์บารอคภายนอกนั้น ตัดไปกับสีเขียวขจีของสนามหญ้าและสระน้ำกว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ยิ่งใหญ่อลังการ
พระราชวังใช้เวลาสร้างสรรค์กว่าหนึ่งทศวรรษ และสร้างสำเร็จในปี ค.ศ. 1675 ภายใต้การดูแลของอกุสติโน บาเรลลี สถาปนิกชาวอิตาเลียน ภายนอกว่างดงามแล้ว ภายในยิ่งหรูหราไปด้วยการตกแต่งสถาปัตยกรรมสุดวิจิตร โดยมีไฮไลท์ที่ Gallery of Beauties งานจิตรกรรมสุดโปรดของพระเจ้าลุดวิกที่ 1 Neuschwanstein Castle
ปราสาท “นอยชวานสไตน์” ในแคว้นบาวาเรีย โด่งดังระดับโลกในฐานะที่เป็นหนึ่งในต้นแบบปราสาท ในเทพนิยายของ วอลท์ ดิสนีย์ ความวิจิตรอลังการที่อยู่ในเทือกเขาและป่าสนครึ้ม เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างฝรั่งเศส ไบแซนไทน์ โรมัน และนีโอ-กอทิก ซึ่งเกิดจากความคลั่งไคล้ ในศิลปะ วรรณกรรม และอุปรากร ของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย โดยเฉพาะอิทธิพลจาก Swan Knight นิยายของริชาร์ด วากเนอร์ ผู้โด่งดัง
เมื่อปราสาทถูกสร้างด้วยแรงขับเคลื่อนของจินตนาการ ไม่ได้มาจากความคิดของสถาปนิกชื่อดัง ไม่ได้คำนึงประโยชน์ใช้สอยด้านการศึกการสงครามแบบปราสาทอื่นๆ ผลลัพธ์จึงทำให้ปราสาทแห่งนี้หรูหราฟุ้งฝันราวกับถอดแบบมาจากโรงละครในเทพนิยายเลยทีเดียว Cologne
Cologne Cathedral
ไม่ว่าจะหลบเลี่ยงยังไง สายตาก็คงไม่อาจพ้นความอลังการของมหาวิหารโคโลญจน์ไปได้ อาสนวิหารคาทอลิกสถาปัตยกรรมกอธิกที่สร้างเพื่อวัตถุประสงค์ใช้ประพิธีกรรมของสามมหากษัตริย์ แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสถานที่เก็บหีบสามกษัตริย์ ตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำไรน์ มีความสูง (รวมหอคอย) ถึง 157 เมตร ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของเมืองก็เห็นความวิจิตรของมหาวิหารแห่งนี้
การก่อสร้างที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1248 นั้น ใช้เวลาเนิ่นนาน และต่อเนื่องไปเรื่อยๆ รวมแล้วกว่า 600 ปี และยังต้องซ่อมแซมจากความเสียหายในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ทว่าความงามของมหาวิหาร ก็ยังผ่านกาลเวลาจนได้รับสถานะเป็นมรดกโลกในปี 1996 และเป็นดั่งสถานที่ห้ามพลาด เมื่อมาเยือนเมืองโคโลญจน์ Frankfurt
ภาพลักษณ์ของแฟรงก์เฟิร์ตเป็นดั่งศูนย์กลางการเงิน การธนาคาร และเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ตึกสูงระฟ้าทันสมัยเบียดเสียดน่าตื่นตา คลาคล่ำไปด้วยประชากรกว่า 5 ล้านคน แต่ทว่าด้านการท่องเที่ยวก็คึกคักไม่แพ้กัน
เมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Museum für Moderne Kunst พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่โดดเด่นตั้งแต่ภายนอก ซึ่งภายในนั้นมีผลงานของแอนดี้ วอร์ฮอล เจ้าพ่อแห่งศิลปินป๊อปอาร์ต , Städel Museum หอศิลป์เก่าแก่ ตั้งแต่ปี 1815 ที่รวบรวมผลงานศิลปินระดับโลกไว้มากมาย หรือ ลองไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศที่ย่าน Altstadt ย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำ ที่เพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมอาคารย้อนยุค Boppard
บ๊อบพาร์ด อาจไม่คุ้นหูนักเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในตอนใต้ของเยอรมนี แต่เมืองนี้ก็มีชื่อเสียงเรื่องแหล่งผลิตไวน์ขาว ทัศนียภาพงดงามไปด้วยที่ลาดเชิงเขาไร่องุ่น และมี winery ให้แวะชม แวะชิมไวน์ชั้นเลิศ เมืองนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองโรแมนติกอีกแห่ง ความพิเศษทางภูมิศาสตร์ของเมือง ยังมีจุดเด่นที่ตั้งอยู่บนแนวโค้งเกือกม้าของลุ่มแม่น้ำไรน์ ซึ่งในตัวเมืองมี chair lift นำไปสู่ยอดเขาที่สามารถดื่มด่ำความงามของบ้าเรือน แม่น้ำ เบื้องล่างได้เต็มสายตา Koblenz
เมืองโคเบลนซ์ นับเป็นจุดหมายที่ไม่ไกลจากแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งครบเครื่องการท่องเที่ยว ด้วยความเป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นก่อนคริสตกาล เมืองแห่งนี้จึงยังปรากฏหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Ehrenbreitstein Fortress ป้อมปราการศตวรรษที่ 19 ซึ่งตระหง่านสูงราว 118 เมตร อยู่ริมแม่น้ำไรน์ การนั่งกระเช้าชมความงามแบบ 360 องศา สัมผัสความน่าตื่นตาตื่นใจจุดตัดระหว่างแม่น้ำโมเซลกับแม่น้ำไรน์
หรือออกนอกเมืองไปสักนิด ชม Stolzenfels Castle ปราสาทงามในศตวรรษที่ 13 ที่อิงแอบอยู่กับขุนเขา และพลาดไม่ได้กับ Basilica of St. Castor มหาวิหารเก่าแก่ที่สุดประจำเมือง Nürburg
Nürburgring นักแข่งรถยนต์ทางเรียบหรือผู้หลงใหลในมอเตอร์สปอร์ต คงไม่มีใครไม่รู้จัก Nürburgring หรือ The Ring สนามแข่งรถระดับตำนานในเมืองนัวร์เบิร์ก ที่อยู่ห่างจากโคโลญจน์ไปราว 70 กม. สนามแห่งนี้เก่าแก่กว่า 90 ปี แบ่งเป็นสนามย่อย 4 สนาม มีระยะทางรวม 28.265 กม. ไฮไลท์เด็ดสุด คือ สนามย่อยที่ชื่อ Nordschleife ซึ่งเป็นที่กล่าวขานถึงความยาก และเป็นสนามอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แม้แต่ Nikki Lauda นักแข่งแชมป์ F1 ระดับตำนานก็เคยเกือบเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่
อย่างไรก็ตามด้วยแทร็คที่แสนจะท้าทาย ก็ทำให้ Nürburgring เป็นสนามที่บริษัทผลิตรถยนต์จากทั่วโลกใช้เพื่อการทดสอบประสิทธิภาพ และเป็นสนามในฝันที่นักขับหลายคนอยากมีประสบการณ์สุดระทึกใจสักครั้งในชีวิต
BMW Welt และ BMW Museum
มิวนิคเป็นเมืองแห่งบริษัทยนตกรรมระดับโลกอย่าง BMW การมาเยือนเมืองนี้ จึงไม่ควรพลาดชมความก้าวหน้า ของ BMW Group ที่ BMW Welt (ซึ่งมีความหมายว่า BMW World นั่นเอง) พื้นที่กว่า 25,000 ตารางเมตร ครอบคลุมทั้งนิทรรศการจัดแสดงรถยนต์ BMW โมเดลปัจจุบันทุกซีรีส์ โซนใหม่ล่าสุดที่จัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้า BMW i3 , BMW i8 และโซนมอเตอร์ไซค์ รวมถึงโซน Mini และ Rolls-Royce
www.bmw-welt.com
หนึ่งในถนนที่เฉิดฉายความวิจิตรของสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอ-กอทิก ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1850 โดยพระเจ้า Maximilian ที่สอง แห่งแคว้นบาวาเรีย ทรงออกแบบแผนผังของถนน และพระนามของพระองค์ ก็กลายเป็นชื่อเส้นทางสายนี้ ปัจจุบันที่นี่คือถนนสายช้อปปิ้งแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงมากในมิวนิค ระยะทางเพียงกิโลเมตรเศษ เรียงรายไปด้วยร้านค้าแฟชั่น เครื่องประดับ กระเป๋า ฯลฯ ที่ดึงดูดให้คุณอยากจับจ่ายละลายทรัพย์ หรือถ้าขี้เกียจเดิน ก็มีคาเฟ่ ภัตตาคาร ให้คุณได้แวะพักดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอาคารบ้านเรือนสไตล์ยุโรป
ใครมีโอกาสได้มาเยือนพระราชวังนิมเฟนบูร์ก ในวันที่อากาศแจ่มใส จะเข้าใจได้ทันที ว่าเหตุใดราชวงศ์ผู้ปกครองแคว้นบาวาเรีย จึงสร้างสถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อน เพราะความงามของอาคารสไตล์บารอคภายนอกนั้น ตัดไปกับสีเขียวขจีของสนามหญ้าและสระน้ำกว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ยิ่งใหญ่อลังการ
พระราชวังใช้เวลาสร้างสรรค์กว่าหนึ่งทศวรรษ และสร้างสำเร็จในปี ค.ศ. 1675 ภายใต้การดูแลของอกุสติโน บาเรลลี สถาปนิกชาวอิตาเลียน ภายนอกว่างดงามแล้ว ภายในยิ่งหรูหราไปด้วยการตกแต่งสถาปัตยกรรมสุดวิจิตร โดยมีไฮไลท์ที่ Gallery of Beauties งานจิตรกรรมสุดโปรดของพระเจ้าลุดวิกที่ 1
ปราสาท “นอยชวานสไตน์” ในแคว้นบาวาเรีย โด่งดังระดับโลกในฐานะที่เป็นหนึ่งในต้นแบบปราสาท ในเทพนิยายของ วอลท์ ดิสนีย์ ความวิจิตรอลังการที่อยู่ในเทือกเขาและป่าสนครึ้ม เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างฝรั่งเศส ไบแซนไทน์ โรมัน และนีโอ-กอทิก ซึ่งเกิดจากความคลั่งไคล้ ในศิลปะ วรรณกรรม และอุปรากร ของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย โดยเฉพาะอิทธิพลจาก Swan Knight นิยายของริชาร์ด วากเนอร์ ผู้โด่งดัง
เมื่อปราสาทถูกสร้างด้วยแรงขับเคลื่อนของจินตนาการ ไม่ได้มาจากความคิดของสถาปนิกชื่อดัง ไม่ได้คำนึงประโยชน์ใช้สอยด้านการศึกการสงครามแบบปราสาทอื่นๆ ผลลัพธ์จึงทำให้ปราสาทแห่งนี้หรูหราฟุ้งฝันราวกับถอดแบบมาจากโรงละครในเทพนิยายเลยทีเดียว
Cologne Cathedral
ไม่ว่าจะหลบเลี่ยงยังไง สายตาก็คงไม่อาจพ้นความอลังการของมหาวิหารโคโลญจน์ไปได้ อาสนวิหารคาทอลิกสถาปัตยกรรมกอธิกที่สร้างเพื่อวัตถุประสงค์ใช้ประพิธีกรรมของสามมหากษัตริย์ แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสถานที่เก็บหีบสามกษัตริย์ ตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำไรน์ มีความสูง (รวมหอคอย) ถึง 157 เมตร ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของเมืองก็เห็นความวิจิตรของมหาวิหารแห่งนี้
การก่อสร้างที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1248 นั้น ใช้เวลาเนิ่นนาน และต่อเนื่องไปเรื่อยๆ รวมแล้วกว่า 600 ปี และยังต้องซ่อมแซมจากความเสียหายในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ทว่าความงามของมหาวิหาร ก็ยังผ่านกาลเวลาจนได้รับสถานะเป็นมรดกโลกในปี 1996 และเป็นดั่งสถานที่ห้ามพลาด เมื่อมาเยือนเมืองโคโลญจน์
ภาพลักษณ์ของแฟรงก์เฟิร์ตเป็นดั่งศูนย์กลางการเงิน การธนาคาร และเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ตึกสูงระฟ้าทันสมัยเบียดเสียดน่าตื่นตา คลาคล่ำไปด้วยประชากรกว่า 5 ล้านคน แต่ทว่าด้านการท่องเที่ยวก็คึกคักไม่แพ้กัน
เมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Museum für Moderne Kunst พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่โดดเด่นตั้งแต่ภายนอก ซึ่งภายในนั้นมีผลงานของแอนดี้ วอร์ฮอล เจ้าพ่อแห่งศิลปินป๊อปอาร์ต , Städel Museum หอศิลป์เก่าแก่ ตั้งแต่ปี 1815 ที่รวบรวมผลงานศิลปินระดับโลกไว้มากมาย หรือ ลองไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศที่ย่าน Altstadt ย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำ ที่เพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมอาคารย้อนยุค
บ๊อบพาร์ด อาจไม่คุ้นหูนักเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในตอนใต้ของเยอรมนี แต่เมืองนี้ก็มีชื่อเสียงเรื่องแหล่งผลิตไวน์ขาว ทัศนียภาพงดงามไปด้วยที่ลาดเชิงเขาไร่องุ่น และมี winery ให้แวะชม แวะชิมไวน์ชั้นเลิศ เมืองนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองโรแมนติกอีกแห่ง ความพิเศษทางภูมิศาสตร์ของเมือง ยังมีจุดเด่นที่ตั้งอยู่บนแนวโค้งเกือกม้าของลุ่มแม่น้ำไรน์ ซึ่งในตัวเมืองมี chair lift นำไปสู่ยอดเขาที่สามารถดื่มด่ำความงามของบ้าเรือน แม่น้ำ เบื้องล่างได้เต็มสายตา
เมืองโคเบลนซ์ นับเป็นจุดหมายที่ไม่ไกลจากแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งครบเครื่องการท่องเที่ยว ด้วยความเป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นก่อนคริสตกาล เมืองแห่งนี้จึงยังปรากฏหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Ehrenbreitstein Fortress ป้อมปราการศตวรรษที่ 19 ซึ่งตระหง่านสูงราว 118 เมตร อยู่ริมแม่น้ำไรน์ การนั่งกระเช้าชมความงามแบบ 360 องศา สัมผัสความน่าตื่นตาตื่นใจจุดตัดระหว่างแม่น้ำโมเซลกับแม่น้ำไรน์
หรือออกนอกเมืองไปสักนิด ชม Stolzenfels Castle ปราสาทงามในศตวรรษที่ 13 ที่อิงแอบอยู่กับขุนเขา และพลาดไม่ได้กับ Basilica of St. Castor มหาวิหารเก่าแก่ที่สุดประจำเมือง
Nürburgring นักแข่งรถยนต์ทางเรียบหรือผู้หลงใหลในมอเตอร์สปอร์ต คงไม่มีใครไม่รู้จัก Nürburgring หรือ The Ring สนามแข่งรถระดับตำนานในเมืองนัวร์เบิร์ก ที่อยู่ห่างจากโคโลญจน์ไปราว 70 กม. สนามแห่งนี้เก่าแก่กว่า 90 ปี แบ่งเป็นสนามย่อย 4 สนาม มีระยะทางรวม 28.265 กม. ไฮไลท์เด็ดสุด คือ สนามย่อยที่ชื่อ Nordschleife ซึ่งเป็นที่กล่าวขานถึงความยาก และเป็นสนามอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แม้แต่ Nikki Lauda นักแข่งแชมป์ F1 ระดับตำนานก็เคยเกือบเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่
อย่างไรก็ตามด้วยแทร็คที่แสนจะท้าทาย ก็ทำให้ Nürburgring เป็นสนามที่บริษัทผลิตรถยนต์จากทั่วโลกใช้เพื่อการทดสอบประสิทธิภาพ และเป็นสนามในฝันที่นักขับหลายคนอยากมีประสบการณ์สุดระทึกใจสักครั้งในชีวิต