Tuscany อิตาลี
ทัสคานีเป็นภูมิภาคที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากมีเมืองที่สวยจับใจอย่างฟลอเรนซ์และเซียน่าแล้วยังเป็นแหล่งกำเนิดของศิลปะยุคเรเนซองส์และศูนย์กลางสมัยยุคกลาง และยังผลิตไวน์ดังของโลก อย่าง Brunello di Montalcino,Chianti Classico และ Vino Nobile di Montepulciano
ที่นี่จึงมีทัวร์ชิมไวน์ที่หลากหลายมาก เริ่มตั้งแต่ 45 นาที จนถึง 10 ชั่วโมงให้เลือก มีตั้งแต่ฟลอเรนซ์ถึงเซียน่า จิบไวน์รสละเมียดกับอาหารรสละมุนของทัสคานีคืออีกหนึ่งประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่น่าพลาด Alsace ฝรั่งเศส
พื้นที่ในการผลิตไวน์ของแคว้นอัลซาซ ที่เรียกว่า Alsace Wine Route นั้นยาวถึง 170 กม.จากเมืองสตราบูร์กมาถึงเมืองกอลมาร์ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศสติดกับชายแดนเยอรมนี ไวน์ดังของอัลซาซ มีตั้งแต่ Riesling, Pinot Blanc,Pinot Gris และไวน์ที่ผลิตจากองุ่นของเยอรมนี
ไวน์ของภูมิภาคนี้ไม่ได้บ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่ใช้การผสมผสานที่ลงตัวของความสุกขององุ่นและระดับแอลกอฮอล์เพื่อให้ได้ความกลมกล่อม ไม่ใช่แค่มีดีเฉพาะไวน์เท่านั้น แต่ที่อัลซาซ ยังมีเมืองที่งดงามราวเทพนิยาย อย่าง Colmar,Riquewhir ,Ribeauville และ Eguisheim ซึ่งเป็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งตึกสีสันสดใสตั้งอยู่บนถนนปูด้วยหินอัด Bordeaux ฝรั่งเศส
หนึ่งในสามภูมิภาคผลิตไวน์ที่สำคัญของฝรั่งเศส และเป็นเมืองหลวงในโลกของไวน์ ไวน์ดังของที่นี่ก็มี Cabernet Sauvignon,Merlot ,Cabernet Franc,Petit Verdot และ Malbec ที่ล้วนผสมผสานองุ่นอันหลากหลายสายพันธ์ในการทำไวน์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ การทำไวน์ของบอร์โดมีประวัติอันยาวนานตั้งแต่สมัยโรมัน แต่มาโด่งดังในปีค.ศ.1152 ที่ไวน์ของที่นี่ได้เสิร์ฟในงานอภิเษกสมรสของพระราชินี Eleanor แห่ง Aquitaine กับคิง เฮนรี่ ที่สอง พอถึงยุค 1300 บอร์โดกลายเป็นเมืองใหญ่ซึ่งมีชื่อเสียงในตลาดระดับอินเตอร์
นอกจากทัวร์ชิมไวน์แล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย อาทิ โบสถ์เซนต์ แอนดรูว์ โรงละคร Grand Theatre, Palais de la Bourse และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Musée National des Douanes ซึ่งไม่ควรพลาด รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ไวน์ La Cité du Vin ซึ่งจะมอบประสบการณ์ที่แสนจะยูนีคให้คุณ Burgundy ฝรั่งเศส
ชื่อที่คอไวน์คุ้นเคยกันดีอย่าง Gevrey-Chambertin, Vosne-Romanée,Pommard,Volnay และ Clos Vougeot ล้วนเป็นไวน์ซึ่งผลิตที่นี่ ถึงจะมีพื้นที่แค่แคบๆในการผลิตแต่สวนองุ่นในการทำไวน์ของ Dijon เมืองหลวงของแคว้นมีค่าและแพงระดับโลก ซึ่งดูจากสถานที่เก็บรักษาอย่างดีก็คงพอเข้าใจ ตามปกติแล้วไวน์ของเบอร์กินแบ่งเป็นสี่ระดับคือ regial,village,premier cru และ grand cru Swiss Riviera สวิตเซอร์แลนด์
ธรรมชาติที่งดงามชวนตะลึง กระท่อมไม้บนเนินเขาที่มี หิมะปกคลุม เวลานึกถึงสวิสคนอาจจะนึกถึงฟองดูว์ แต่ความจริงสวิสเป็นแหล่งปลูกองุ่นผลิตไวน์ และยังมีเทศกาลไวน์ Fête des Vignerons ซึ่งใหญ่ระดับโลกและจัดทุก 20 ปี ใน Vevey มากว่าสองศตวรรษแล้ว Swiss Riviera ซึ่งกินพื้นที่จากโลซานน์ถึงเมืองมองเทรอ คือแหล่งผลิตไวน์หนึ่งในสามที่สำคัญของประเทศและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ด้วย
มีทัวร์ชิมไวน์ซึ่งให้บริการเป็นกลุ่มเล็กๆตั้งแต่ 2-8 คน และยังสามารถไปเที่ยวเมืองมองเทรอ ซึ่งมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์และแหล่งช็อปปิ้ง รวมทั้งเทศกาลแจซในช่วงฤดูร้อนซึ่งเฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ มาแจมจนตัดสินใจย้ายมาอยู่ถาวร และบันทึกเสียงอัลบั้มสุดท้ายร่วมกับ The Queen
ทัสคานีเป็นภูมิภาคที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากมีเมืองที่สวยจับใจอย่างฟลอเรนซ์และเซียน่าแล้วยังเป็นแหล่งกำเนิดของศิลปะยุคเรเนซองส์และศูนย์กลางสมัยยุคกลาง และยังผลิตไวน์ดังของโลก อย่าง Brunello di Montalcino,Chianti Classico และ Vino Nobile di Montepulciano
ที่นี่จึงมีทัวร์ชิมไวน์ที่หลากหลายมาก เริ่มตั้งแต่ 45 นาที จนถึง 10 ชั่วโมงให้เลือก มีตั้งแต่ฟลอเรนซ์ถึงเซียน่า จิบไวน์รสละเมียดกับอาหารรสละมุนของทัสคานีคืออีกหนึ่งประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่น่าพลาด
พื้นที่ในการผลิตไวน์ของแคว้นอัลซาซ ที่เรียกว่า Alsace Wine Route นั้นยาวถึง 170 กม.จากเมืองสตราบูร์กมาถึงเมืองกอลมาร์ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศสติดกับชายแดนเยอรมนี ไวน์ดังของอัลซาซ มีตั้งแต่ Riesling, Pinot Blanc,Pinot Gris และไวน์ที่ผลิตจากองุ่นของเยอรมนี
ไวน์ของภูมิภาคนี้ไม่ได้บ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่ใช้การผสมผสานที่ลงตัวของความสุกขององุ่นและระดับแอลกอฮอล์เพื่อให้ได้ความกลมกล่อม ไม่ใช่แค่มีดีเฉพาะไวน์เท่านั้น แต่ที่อัลซาซ ยังมีเมืองที่งดงามราวเทพนิยาย อย่าง Colmar,Riquewhir ,Ribeauville และ Eguisheim ซึ่งเป็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งตึกสีสันสดใสตั้งอยู่บนถนนปูด้วยหินอัด
หนึ่งในสามภูมิภาคผลิตไวน์ที่สำคัญของฝรั่งเศส และเป็นเมืองหลวงในโลกของไวน์ ไวน์ดังของที่นี่ก็มี Cabernet Sauvignon,Merlot ,Cabernet Franc,Petit Verdot และ Malbec ที่ล้วนผสมผสานองุ่นอันหลากหลายสายพันธ์ในการทำไวน์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ การทำไวน์ของบอร์โดมีประวัติอันยาวนานตั้งแต่สมัยโรมัน แต่มาโด่งดังในปีค.ศ.1152 ที่ไวน์ของที่นี่ได้เสิร์ฟในงานอภิเษกสมรสของพระราชินี Eleanor แห่ง Aquitaine กับคิง เฮนรี่ ที่สอง พอถึงยุค 1300 บอร์โดกลายเป็นเมืองใหญ่ซึ่งมีชื่อเสียงในตลาดระดับอินเตอร์
นอกจากทัวร์ชิมไวน์แล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย อาทิ โบสถ์เซนต์ แอนดรูว์ โรงละคร Grand Theatre, Palais de la Bourse และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Musée National des Douanes ซึ่งไม่ควรพลาด รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ไวน์ La Cité du Vin ซึ่งจะมอบประสบการณ์ที่แสนจะยูนีคให้คุณ
ชื่อที่คอไวน์คุ้นเคยกันดีอย่าง Gevrey-Chambertin, Vosne-Romanée,Pommard,Volnay และ Clos Vougeot ล้วนเป็นไวน์ซึ่งผลิตที่นี่ ถึงจะมีพื้นที่แค่แคบๆในการผลิตแต่สวนองุ่นในการทำไวน์ของ Dijon เมืองหลวงของแคว้นมีค่าและแพงระดับโลก ซึ่งดูจากสถานที่เก็บรักษาอย่างดีก็คงพอเข้าใจ ตามปกติแล้วไวน์ของเบอร์กินแบ่งเป็นสี่ระดับคือ regial,village,premier cru และ grand cru
ธรรมชาติที่งดงามชวนตะลึง กระท่อมไม้บนเนินเขาที่มี หิมะปกคลุม เวลานึกถึงสวิสคนอาจจะนึกถึงฟองดูว์ แต่ความจริงสวิสเป็นแหล่งปลูกองุ่นผลิตไวน์ และยังมีเทศกาลไวน์ Fête des Vignerons ซึ่งใหญ่ระดับโลกและจัดทุก 20 ปี ใน Vevey มากว่าสองศตวรรษแล้ว Swiss Riviera ซึ่งกินพื้นที่จากโลซานน์ถึงเมืองมองเทรอ คือแหล่งผลิตไวน์หนึ่งในสามที่สำคัญของประเทศและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ด้วย
มีทัวร์ชิมไวน์ซึ่งให้บริการเป็นกลุ่มเล็กๆตั้งแต่ 2-8 คน และยังสามารถไปเที่ยวเมืองมองเทรอ ซึ่งมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์และแหล่งช็อปปิ้ง รวมทั้งเทศกาลแจซในช่วงฤดูร้อนซึ่งเฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ มาแจมจนตัดสินใจย้ายมาอยู่ถาวร และบันทึกเสียงอัลบั้มสุดท้ายร่วมกับ The Queen