อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน

ความสงบงามสุดปลายฟ้า แห่งทวีปอเมริกาใต้
ขุนเขาสูงตระหง่านน่าเกรงขาม ทะเลสาบสีน้ำนมดูลึกลับน่าค้นหา ธารน้ำแข็งสีฟ้าขาวสุดลูกหูลูกตา ตลอดจนพืชพันธุ์ในป่าเขตกึ่งขั้วโลกและสัตว์ประจำถิ่นอย่างเสือพูมาและกัวนาโค สัตว์ในวงศ์เดียวกับอัลปากา คือความงดงามตามธรรมชาติอันน่าหลงใหลของอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน ในประเทศชิลี หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดในอเมริกาใต้ อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน (Torres del Paine) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงปาตาโกเนียทางตอนใต้ของประเทศชิลี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,814 ตารางกิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์ Sistema Nacional de Áreas Silvestres Protegidas del Estado de Chile (National System of Protected Forested Areas of Chile) อีกทั้งยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดและผู้มาเยือนมากที่สุดของชิลี
สัญลักษณ์อันโดดเด่นของอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เนที่ทำให้ใครหลายคนต้องเดินทางมาไกลเกือบถึงขั้วโลกใต้คือ The Three Towers เขาหินแกรนิต 3 ยอด อันประกอบด้วยยอดเขา Torres d’Agostini, Torres Central และ Torres Monzino แต่ละยอดสูงกว่า 2,000 เมตร ซึ่งสามารถเที่ยวชมได้โดยการซื้อทัวร์ชมอุทยานแบบวันเดย์ทริป
หรือหากต้องการเก็บภาพประทับใจแบบระยะใกล้ ก็ต้องออกแรงเดินกันสักหน่อย โดยสามารถเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิว Mirador Base Las Torres ที่ความสูง 870 เมตร มีระยะทางจากจุดเริ่มต้นที่ทำการอุทยานไป-กลับรวม 18 กิโลเมตรโดยประมาณ ความยากในการเดินระดับปานกลาง-ค่อนข้างยาก จากที่ราบผ่านลำธาร โตรกผา ข้ามแม่น้ำและป่าครึ้มขจีจนถึงจุดชมวิว ใช้เวลาเดินทั้งสิ้นประมาณ 4 ชั่วโมง ไป-กลับรวม 8 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับความสงบงามของอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน แบบลึกซึ้ง เส้นทาง W Circuit trek คือเส้นทางยอดนิยม โดยเส้นทางนี้ใช้เวลาเดินทั้งสิ้น 5 วัน ไปยังจุดชม The Three Towers ลัดเลาะทะเลสาบ ขึ้นลงเนิน พักค้างคืนท่ามกลางโอบกอดของขุนเขา พายเรือในทะเลสาบธารน้ำแข็ง เรียกว่าได้อยู่กับตัวเองและธรรมชาติอย่างแท้จริง สำหรับนักท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป แม้จะไม่ได้สำรวจอุทยานแบบใกล้ชิด แต่เส้นทางก็ใช่ว่าจะธรรมดา เพราะนอกจากจะได้ชมความงามของ The Three Towers ในหลากหลายจุดแล้ว ยังได้ตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
ไม่ว่าจะเป็น Milodon Cave ถ้ำขนาดใหญ่ที่มีรูปจำลองของสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ Nordenskjold Lake และน้ำตก Salto Grande อันตระการตาที่ความงามมาพร้อมกับแรงลมกรรโชก พลังจากธรรมชาติที่พัดปะทะจนแทบยืนไม่อยู่ Pehoé Lake ทะเลสาบที่มีโรงแรมอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ที่สามารถดื่มด่ำทัศนียภาพของ Paine Horns ยอดเขาเลื่องชื่อของอุทยาน แวะเยี่ยมชมธารน้ำแข็งที่ทะเลสาบ Grey Lake ก่อนแสงสุดท้ายจะบอกลาวัน นอกจากนี้ นักเดินทางที่ต้องการสำรวจปาตาโกเนียฝั่งอาร์เจนตินา สามารถเดินทางโดยรถบัสข้ามพรมแดนไปยังเมือง El Calafate เมืองต้นทางสำหรับการเที่ยวชมธารน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกอย่าง Perito Moreno และยอดเขา Fitz Roy ได้อีกด้วย    ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเยือนอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน คือระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของซีกโลกใต้ แต่ก็จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ในช่วงเปลี่ยนฤดูอย่างเช่นเดือนพฤศจิกายนและเดือนเมษายน-พฤษภาคม มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่า แต่ก็เป็นช่วงที่มีลมแรงมาก ส่วนฤดูหนาวระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายนเส้นทางปิดและไม่มีทัวร์หรือที่พักเปิดบริการ  Make it happen
การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน หากเดินทางจากประเทศไทย ต้องบินจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงซานติอาโก เมืองหลวงของประเทศชิลีก่อน โดยอาจบินไปทางตะวันตก แวะเปลี่ยนเครื่อง ณ เมืองใดเมืองหนึ่งในยุโรป หรือบินไปทางตะวันออก แวะเปลี่ยนเครื่องที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย จากซานติอาโก นั่งเครื่องบินต่อไปยังเมืองปุนตา อาเรนาส (Punta Arenas) ใช้เวลาเดินทาง 3.35 ชั่วโมงและเดินทางด้วยรถบัสต่อไปยังเมืองปวยร์โต นาตาเลส (Puerto Natales) ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง Visa
ผู้ถือหนังสือเดินทางไทย สามารถเดินทางเข้าประเทศชิลี (และอาร์เจนตินา)​ ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และพำนักได้ไม่เกิน 90 วัน

You May Also Like