Uchiko: เมืองที่เวลาเดินช้ากว่าโลกภายนอก

เมืองที่อบอวลบรรยากาศอดีตอันงดงามของญี่ปุ่น

เรื่อง/รูป: พัฒนา นิธิพัฒนปัญญา

เมืองอุจิโกะ (Uchiko) ทางตอนใต้ของจังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) เป็นเมืองที่ใครมาก็ต้องชอบ เพราะเป็นหนึ่งในหลายเมืองของญี่ปุ่น ที่ให้ความรู้สึกถวิลหา(Nostalgia) และจัดอยู่ในชั้นแนวหน้าด้วย เพราะหลายเมืองเก่าได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคนต่างชาติ  ร้านค้าต่างปรับตัวมารองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น จึงมีลักษณะเป็นเมืองท่องเที่ยวมากไป เช่น เมืองคุระชิกิ ที่โอคะยามะ หรือเมืองยุฟุอิน จังหวัดโออิตะ เป็นต้น

แต่ที่เมืองอุจิโกะนี้ให้ความรู้สึกราวกับว่า เวลาเดินช้ากว่าโลกภายนอก ทั้งอาคารบ้านเรือนร้านค้าและผู้คน เหมือนจะเดินไม่ทันเมืองใหญ่ จึงคงไว้ซึ่งสภาพความเป็นเมืองเก่าอย่างแท้จริง

อาคารแรกที่แวะไปชม เป็นโรงละครคาบูกิ Uchiko-za มีคำถามว่าทำไมในเมืองเล็กๆแบบนี้ถึงมีโรงละครมาตั้งอยู่ คำตอบ คือ เมืองอุจิโกะเคยรุ่งเรืองในด้านการค้าไหมและขี้ผึ้ง เศรษฐกิจจัดว่าดีทีเดียว จึงไม่แปลกที่มีสิ่งบันเทิงภายในเมือง

โรงละครแห่งนี้เป็นอาคารไม้สูง 2 ชั้น จุผู้ชมได้สูงสุด 650 คน สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1916 เพื่อเฉลิมฉลองยุคไทโช มีการจัดแสดง Kabuki  Bunraku หรือ Rakugo สลับกันไปในช่วงหลังจากฤดูเก็บเกี่ยว จุดเด่นของโรงละคร คือ เทคนิคต่างๆบนเวที ที่สามารถหมุนเปลี่ยนฉากได้ มีทางเดินใต้เวที และกลไกคล้ายลิฟท์ทำให้ตัวละครสามารถไปปรากฏอยู่อีกด้านหนึ่งของโรงละคร หรือโผล่ขึ้นมาจากใต้เวทีขึ้นได้ ถือเป็นเทคนิคชั้นสูงในยุคนั้น


อีกสิ่งที่น่าสนใจ คือ ที่นั่งชั้นล่างบริเวณตรงหน้าของเวทีทั้งหมดออกแบบมาเป็นบล็อกสี่เหลี่ยม แต่ละบล็อกกั้นเป็นคอกไม้ง่ายๆ 8 ช่อง ช่องหนึ่งมีพื้นที่ประมาณ 2 ตารางเมตร เรียกว่า Masu-seki หรือ Box seat เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า ที่นั่งตรงบริเวณนี้จะขายเป็นช่องหรือคอก มานั่งกี่คนก็ได้แต่ต้องอยู่ในบริเวณคอกของตัวเองเท่านั้น ปัจจุบันที่นั่งแบบ Masu-seki ยังมีให้เห็น ซึ่งหาดูได้ตามสนามแข่งซูโม่ แต่จำกัดให้นั่งได้แค่ 4 คนเท่านั้น

จุดเด่นของเมือง คือ ถนนที่ให้บรรยากาศย้อนอดีตต่างๆ เราเดินจากโรงละครไปตามถนน Honmachi ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ถนนเส้นนี้เป็นสายหลักของเมืองที่ทำให้เราเห็นว่า เวลาเดินช้าจริงๆ ร้านค้าต่างๆยังคงสภาพของสมัยโชวะไว้เป็นอย่างดี มีร้านขายอุปกรณ์สกีอยู่ร้านหนึ่งที่ทำให้นึกถึงห้างไนติงเกลโอลิมปิคขึ้นมา บนถนนเส้นนี้ยังมี Museum of Commercial and Domestice Life ที่จัดแสดงวิถีชีวิตในยุครุ่งเรืองให้ชมด้วย เดินมาประมาณ 400 เมตร ก็เจอทางแยกเข้าถนน Nakamichi ที่เป็นทางขึ้นเนิน มีอาคารหลายหลังน่าสนใจ ส่วนใหญ่เป็นบ้านของพ่อค้าที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น เช่น Omura Residence Honhaga Residence และKamihaga Residence ที่ควบรวม Japanese Wax Museum ไว้ด้วย  แต่ผมกลับชอบวิถีชุมชนบนถนนเส้นนี้มากกว่า หน้าบ้านบางหลังมีผักวางอยู่พร้อมป้ายราคา แต่ไม่มีคนขาย ใครอยากได้หยอดเงินไว้ในกระบอกไม้ไผ่ แล้วหยิบใส่ถุงเอง อีกหลังมีข้าวโพดตากแห้งไว้ก็มีแต่ป้ายราคา  ร้านถัดไปขายของทำจากไม้ไผ่ ผมถูกใจคอปเตอร์ไม้ไผ่จะซื้อไปฝากลูก มองหาคนเก็บตังค์ไม่เจอ เลยวางเงินไว้แล้วหยิบของใส่ถุงมา บ้านตรงข้ามขายส้มยูสุ เหลืออยู่แค่ถุงเดียวอยู่ข้างๆกล่องไม้ใส่เงินและไม่มีคนขาย วิถีชนบทของญี่ปุ่นช่างเป็นสังคมอุดมคติชัดๆ เคยได้ยินว่าเมืองไทยก็มีแบบนี้เมื่อนานมาแล้ว นานแค่ไหนจำไม่ได้ แต่ที่เมืองอุจิโกะ ยังเป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน มาแล้วไม่รัก ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ

You May Also Like