สำรวจทุกซอกมุมของ ‘เวียนนา’ เมืองหลวงแห่งออสเตรียที่เป็นดั่งเวทีเพื่ออวดความงดงามของศิลปะ ลองไปกิน ดื่ม เที่ยวให้สุดเหวี่ยงตามสไตล์ชาวเมืองขนานแท้ โดยมีฉากสุดอลังการของสถาปัตยกรรมบาโรค และพระราชวังอิมพีเรียล ควบคู่ไปกับวัฒนธรรมกาแฟที่ไม่เหมือนใคร ในเมืองที่งดงามราวท่วงทำนองของดนตรีคลาสสิค เวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นเมืองสวยในฝันของใครต่อใครหลายคนที่ไปเยือนยุโรป โดยเฉพาะการมีเส้นทางบินตรงจากเมืองไทยไปเที่ยวได้สะดวกสบาย ส่วนเรื่องการใช้จ่ายนั้น ประเทศออสเตรียใช้สกุลเงินยูโร (EUR) การมีบัตร PLANET SCB บัตรคู่ใจนักเดินทางติดตัวไปด้วย จึงช่วยให้คุณไม่ต้องห่วงเรื่องการแลกเงิน ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นที่สามารถแลกเงินสกุลต่างประเทศได้ถึง 13 สกุลเงินยอดนิยม รวมถึงสกุลยูโร
บัตร PLANET SCB สามารถแลกได้เรทดีเทียบเท่ากับร้านแลกเงินชั้นนำ จะเช็คเรท เติมเงินเข้าบัตร และแลกเงินได้แบบ real time ผ่าน SCB EASY App แค่มี wi-fi
บัตรยังสามารถใช้จ่ายสุดคุ้มทั่วโลกทั้งการรูดใช้จ่าย หรือช้อปออนไลน์ได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน โดยไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน 2.5% ทุกสกุลเงิน จ่ายสะดวกสบายด้วยระบบ Paywave ในร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ VISA
สมัครง่าย ไม่ต้องรอผลอนุมัติ ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน
สมัครผ่านแอป SCB EASY คลิกที่นี่ https://link.scb/2Pb9JGy
หรือ สมัครได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ทั่วประเทศ
The Passport ชวนคุณมาสำรวจนครแห่งศิลปะและดนตรีแห่งนี้กันแบบเจาะลึกที่ไหนในเวียนนาไม่ควรพลาด ! 1.Hofburg Palace
พระราชวังฤดูหนาว ที่ฮอฟบูร์ก หนึ่งในสถานที่ประทับของราชวงศ์ มานานกว่า 600 ปี สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมได้โดยรถรางวงแหวนเส้นรอบเมืองเก่า พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายในเก็บรักษายุคสมัยอันเรืองรองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์ พระคลังสมบัติหลวง ข้าวของเครื่องใช้สุดล้ำค่า และห้องต่าง ๆ ภายในพระราชวัง ล้วนตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากศตวรรษที่ 18-19 เมื่อรายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมของพระราชวังอิมพีเรียลสุดอลังการก็ยิ่งทรงคุณค่ามากขึ้นไปอีก นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย เก็บรวมรวมหนังสือและสิ่งพิมพ์ทุกชนิดจำนวนกว่า 3 ล้านเล่ม ทั้งของในประเทศและต่างประเทศ ไปจนถึงหนังสือโบราณหายาก ก็สามารถมาตามหากันได้ที่นี่
www.hofburg-wien.at 2.Schönbrunn Palace
หากจะเริ่มต้นการเดินทางในเวียนนาให้เพอร์เฟ็กต์ที่สุด การยลความงดงามของพระราชวังฤดูร้อน สถาปัตยกรรมบาโรคที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรปก็นับเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด ครั้งหนึ่งพระราชวังเชินบรุนน์ เคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก หนึ่งในราชวงศ์ที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ยุโรปมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 พระราชวังแห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี 1996 ทุกวันนี้ห้องจำนวน 1,441 ห้องพระราชวังสุดโออ่า เปิดให้เข้าชมทั้งหมด 45 ห้อง และกลายเป็นแหล่งรวบรวมศิลปะการตกแต่งชั้นยอด ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าชมนับล้านคนในแต่ละปี
www.schoenbrunn.at 4.Danube Canal
แม่น้ำที่มีความยาวที่สุดในยุโรปแตกแขนงไหลผ่านตัวเมืองเวียนนาเป็นระยะทางถึง 17 กิโลเมตร คลองแห่งนี้เลยมีชื่อเรียกว่าคลองดานูบตามชื่อของแม่น้ำสายหลักมาตั้งแต่ปี 1686 ในทุกวันนี้ เส้นทางขนาบริมคลองกลายเป็นสถานที่นันทนาการยอดฮิตสำหรับนักวิ่ง นักปั่นจักรยาน และนักสเก็ตบอร์ด หากไปเวียนนาแล้วกำลังมองหากิจกรรมทำในช่วงบ่าย ลองเช่าจักรยานแล้วปั่นไปตามเส้นทางริมคลอง ก็จะได้เก็บภาพทิวทัศน์ของเมืองไปตลอดทาง มีสตรีทอาร์ตดิบ ๆ ให้ชมบ้างประปราย และมีร้านขายอาหารข้างทางอีกเพียบ แต่ถ้ามาในช่วงกลางคืนก็จะได้เห็นการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟช่วยให้คลองสายนี้แปลกตาไปอีกแบบ และจะมีช่วงที่คึกคักเป็นพิเศษ เพราะจะมีการจัดกิจกรรมแนวการแสดงดนตรีและตลาดนัดที่คนเวียนนาจะออกมาเดินเล่นกันในช่วงซัมเมอร์ของทุกปี 5.Zum Schwarzen Kameel
หากอยากสัมผัสวัฒนธรรมการกินของชาวเวียนนาอย่างแท้จริง แนะนำให้มาที่ร้าน Zum Schwarzen Kameel (แปลว่า อูฐสีดำ) ร้านอาหารขนาดเล็กที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง ตั้งอยู่ตรงถนน Bognergassse 5 บรรยากาศของร้านยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อร้อยกว่าปีก่อนมากนัก การประดับประดาภายในยังคงเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบในสมัยก่อน
เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าถ้ามากินอาหารที่นี่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบดั้งเดิมอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเมนูหรือสถาปัตยกรรมสุดวิจิตร เมนูส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูอาหารท้องถิ่น ที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ถ้าจะให้ดีต้องจิบไวน์ควบคู่ไปด้วยเพื่ออรรถรสในการลิ้มรสอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุด
www.kameel.at 6.Naschmarkt
สำหรับนักกินตัวยง คงเป็นเหมือนสรวงสวรรค์ที่รวบรวมร้านอาหารไว้มากกว่า 120 ร้านไว้ในที่เดียว ไม่ใช่แค่ผักหรือผลไม้ แต่มากันหลากหลายสัญชาติตั้งแต่อินเดียไปจนถึงญี่ปุ่น ร้านรุ่นบุกเบิกนั้นมีทั้ง Do-An และ Naschmarkt Deli ทั้งสองร้านนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ พอ ๆ กับร้าน Tewa ที่เสิร์ฟเฉพาะอาหารออแกร์นิกเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึงร้าน Neni ที่เป็นอาหารญี่ปุ่นชื่อดังประจำตลาด ถ้าอยากให้ได้ความสนุกมากเป็นพิเศษ แนะนำให้มาในวันเสาร์ เพราะจะมีตลาดนัดให้เดินเล่นกันจนเพลินเลยล่ะ 7.St. Stephen’s Cathedral
นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลไปยังมหาวิหารเซนต์สตีเฟน (Stephansdom ในภาษาเยอรมัน) แห่งเมืองเวียนนาตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์หรือไม่ มหาวิหารแห่งนี้ก็ต้อนรับเช่นกัน ทั้งเพื่อไปชมความยิ่งใหญ่งดงามของมหาวิหารเก่าแก่ใจกลางเมือง อายุราว 700 ปี และเพื่อขึ้นบันไดไปบนหอคอยสูงทางทิศใต้ของวิหาร เพื่อชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมือง หรือไม่ก็ชมหลังคากระเบื้องเคลือบหลากสีสัน อันเป็นจุดเด่นที่งดงามไม่แพ้กัน
เมื่อเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชั้นใน จะได้ชมงานศิลปะอันโด่งดัง ได้แก่ ฉากประดับแท่นบูชาน็อยชตัดท์ ที่งดงามโดดเด่นที่สุดท่ามกลางแท่นบูชาทั้งหมด 18 แท่น ประติมากรรมแท่นเทศน์หินประติมากรรมแบบโกธิค ไปจนถึงสุสานชั้นใต้ดินอันเป็นอนุสรณ์บรมศพของจักรพรรดิ
stephanskirche.at 8.Vienna Ring Tram
เดินทางสไตล์ชาวเวียนนา ด้วยระบบขนส่งของเส้นทางนี้ที่ทอดผ่านใจกลางเมืองมรดกโลกที่งดงามที่สุด ทั้งอาคารอันหรูหราของโรงละคร อาคารรัฐสภา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ สวนสาธารณะ และพระราชวังสำคัญ สถานที่สำคัญทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถสำรวจได้ด้วยรถรางถนนสายวงแหวน หรือ Ringstrasse เป็นบริการสาธารณะอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการเที่ยวชมเมืองเก่ามาก ๆ เพราะเส้นทางสายนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กำแพงเมืองเดิม มาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 แถมยังใช้เวลาเพียง 30 นาทีต่อรอบเท่านั้น
www.wienerlinien.at 9.Sausage Stand
ไส้กรอกเป็นสตรีทฟู้ดขึ้นชื่อของเวียนนา สามารถหาชิมได้ทั่วเมือง แต่เจ้าเด็ดร้านดังที่สุดนั้นต้องเป็นร้าน Bitzinger ตั้งอยู่แถว ๆ จัตุรัสอัลแบร์ทินา ว่ากันว่าเป็นไส้กรอกเวียนนาที่ดีที่สุด สามารถสั่งแล้วยืนกินตรงบาร์ของร้านได้เลย แถมยังได้ชมกรรมวิธีการย่างไส้กรอกไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย ส่วนเมนูก็มีให้ลองทั้ง ไส้กรอกเวียนนาแบบออริจินอล หรือจะเป็นแบบขนมปังไส้กรอกก็มีให้ลองเช่นกัน
www.bitzinger-wien.at 10.Cafe Hopping
มีคาเฟ่จำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั้งในและนอกเมืองเก่า วัฒนธรรมร้านกาแฟของที่นี่ขึ้นชื่อมากในระดับโลก เรื่องเล่าในอดีตบอกว่าวัฒนธรรมกาแฟใส่นมและน้ำตาลสไตล์เวียนนาเกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1683 และร้านกาแฟแห่งแรกก็เกิดขึ้นในช่วงนั้นเช่นกัน ทุกวันนี้ถ้าได้ไปเยือนเวียนนา ก็จะเห็นว่ามีร้านกาแฟสุดคลาสสิคอยู่หลายแห่ง เช่น Cafe Central, Café Diglas และ Café Sperl แน่นอนว่าเมนูที่น่าลิ้มลองที่สุดนั้นเรียกว่า Melange (เมล้องช์) เป็นกาแฟเอสเปรสโซ่เข้มข้นและมีครีมอยู่ด้านบน จะเสิร์ฟมาพร้อมกับช็อกโกแล็ตชิ้นเล็ก ๆ พร้อมน้ำเปล่าอีก 1 แก้ว เพียงแค่นี้ก็จะได้สัมผัสกับรสชาติของวัฒนธรรมกาแฟตามแบบฉบับชาวเวียนนาอย่างแท้จริง แต่ถ้าอยากให้อยู่ท้อง ลองสั่งเค้กมากินคู่กันสักชิ้นก็จะดีไม่น้อย 11.Ferris Wheel
ภายใน Prater สวนสนุกชื่อดังประจำเมือง มีชิงช้าสวรรค์เก่าแก่เจ้าของความสูงเกือบ 65 เมตร ถึงแม้ว่าไม่ใช่ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป แต่ก็สูงเด่นประดับเส้นของฟ้าของเมือง จนถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเวียนนาที่น่าจดจำ แทบไม่น่าเชื่อว่าชิงช้าสวรรค์ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับร้อยปี แถมยังเคยพังทลายลงเพราะสงคราม แต่ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่และยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ บอกลาอาการกลัวความสูงไปก่อน เพราะด้านบนนี้เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ชั้นเลิศของเมืองอันมีเสน่ห์ที่มีแม่น้ำดานูบไหลผ่าน สวยงามจนยากที่จะลืมเลือน 12.MuseumsQuartier
ใน 7th district เป็นเหมือนจุดนัดพบของโลกในอดีตและโลกปัจจุบัน พื้นที่ทั้งหมดกว่าหกหมื่นตารางเมตรของ MuseumsQuartier มีตั้งแต่อาคารสถาปัตยกรรมบาโรค ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดทันสมัย แต่ที่ดึงดูดสายตาที่สุดหนีไม่พ้นผลงานชื่อว่า MQ รูปทรงแปลกตา แถมสีสันก็จี๊ดจ๊าดสุด ๆ ที่ทุกคนสามารถใช้งานเป็นเก้าอี้ หรือที่นอนบริเวณด้านนอกได้
ส่วนโดยรอบ ๆ นั้นก็มีพิพิธภัณฑ์ดัง ๆ อย่าง Leopold Museum Kunsthalle Wien, Architekturzentrum Wien และ MUMOK ทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานเกี่ยวกับศิลปะหลากหลายแขนง และสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ 13.Wineyard in Nussberg
ทั้งวิวเมืองเวียนนา แม่น้ำดานูบ และพระอาทิตย์ตกดิน มีครบขนาดนี้ไม่ให้ไปสักครั้งคงไม่ได้ ไร่องุ่นพื้นที่กว่า 600 ไร่ ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุคกลาง ไวน์ต้นตำรับที่ดีที่สุดของเมืองนั้นต้องมาจาก Nussberg เพราะคุณภาพของดินที่เป็นหินปูน ทำให้ไวน์ของที่นี่มีรสชาติครีมมี่ และให้สีกับรสของผลไม้ที่เข้มมาก ๆ การได้มาดื่มไวน์โฮมเมดกลางแจ้งที่นี่จะทำให้คุณเหมือนหลุดออกไปอยู่ที่โลกหนึ่ง แถมยังเดินทางได้ง่าย ๆ จากตัวเมืองเพียง 40 นาทีเท่านั้น
www.wieninger.at 14.State Opera House
โรงละครแห่งนี้มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นอาคารชุดแรกที่สร้างขึ้นบนถนนเส้นวงแหวนอันลือชื่อ ตัวอาคารสไตล์นีโอเรเนสซองส์ ผ่านมาทั้งช่วงเวลาที่งดงามจนถึงย่ำแย่ที่สุด เมื่อเสียหายอย่างหนักหลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้ชมกันในทุกวันนี้ก็เป็นอาคารที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้คงรูปแบบเดิมเอาไว้มากที่สุด ภายในประดับประดาอย่างหรูหราด้วยแชนเดอเรีย และบันไดหินอ่อนสุดโอ่อ่า การเข้าชมที่ดีที่สุดควรจองทัวร์จากเว็บไซต์ทางการของโรงอุปรากร ถ้าจะให้ครบก็จองตั๋วชมการแสดงไปด้วยเลย ขอบอกว่าการแสดงมีหลากหลายไม่ซ้ำกันในแต่ละวันเลยล่ะ
www.wiener-staatsoper.at 15.Kohlmarkt
ย่านช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดและตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองที่สุด ถนนสำหรับขาช็อปแห่งนี้ทอดยาวจากพระราชวังฮอฟบูร์ก ผ่านถนน Graben ไปจนถึงถนน Kärntner ตรงนี้จะมีตั้งแต่ร้านขายอัญมณีของชาวเวียนนาแบบดั้งเดิม ไปจนถึงแบรนด์หรูระดับโลกอีกเพียบ ชาวเมืองเองก็นิยมมาเดินซื้อเครื่องประดับพวกแหวน สร้อย และนาฬิกากันที่ถนนสายนี้ และที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ประมูลจิวเวอรี่และเครื่องประดับหายากที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ชื่อว่า The Dorotheum ที่เฉลิมฉลองครบรอบ 300 ปี ไปแล้ว
บัตร PLANET SCB สามารถแลกได้เรทดีเทียบเท่ากับร้านแลกเงินชั้นนำ จะเช็คเรท เติมเงินเข้าบัตร และแลกเงินได้แบบ real time ผ่าน SCB EASY App แค่มี wi-fi
บัตรยังสามารถใช้จ่ายสุดคุ้มทั่วโลกทั้งการรูดใช้จ่าย หรือช้อปออนไลน์ได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน โดยไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน 2.5% ทุกสกุลเงิน จ่ายสะดวกสบายด้วยระบบ Paywave ในร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ VISA
สมัครง่าย ไม่ต้องรอผลอนุมัติ ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน
สมัครผ่านแอป SCB EASY คลิกที่นี่ https://link.scb/2Pb9JGy
หรือ สมัครได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ทั่วประเทศ
The Passport ชวนคุณมาสำรวจนครแห่งศิลปะและดนตรีแห่งนี้กันแบบเจาะลึกที่ไหนในเวียนนาไม่ควรพลาด ! 1.Hofburg Palace
พระราชวังฤดูหนาว ที่ฮอฟบูร์ก หนึ่งในสถานที่ประทับของราชวงศ์ มานานกว่า 600 ปี สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมได้โดยรถรางวงแหวนเส้นรอบเมืองเก่า พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายในเก็บรักษายุคสมัยอันเรืองรองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์ พระคลังสมบัติหลวง ข้าวของเครื่องใช้สุดล้ำค่า และห้องต่าง ๆ ภายในพระราชวัง ล้วนตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากศตวรรษที่ 18-19 เมื่อรายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมของพระราชวังอิมพีเรียลสุดอลังการก็ยิ่งทรงคุณค่ามากขึ้นไปอีก
www.hofburg-wien.at
หากจะเริ่มต้นการเดินทางในเวียนนาให้เพอร์เฟ็กต์ที่สุด การยลความงดงามของพระราชวังฤดูร้อน สถาปัตยกรรมบาโรคที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรปก็นับเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด ครั้งหนึ่งพระราชวังเชินบรุนน์ เคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก หนึ่งในราชวงศ์ที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ยุโรปมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18
www.schoenbrunn.at
แม่น้ำที่มีความยาวที่สุดในยุโรปแตกแขนงไหลผ่านตัวเมืองเวียนนาเป็นระยะทางถึง 17 กิโลเมตร คลองแห่งนี้เลยมีชื่อเรียกว่าคลองดานูบตามชื่อของแม่น้ำสายหลักมาตั้งแต่ปี 1686 ในทุกวันนี้ เส้นทางขนาบริมคลองกลายเป็นสถานที่นันทนาการยอดฮิตสำหรับนักวิ่ง นักปั่นจักรยาน และนักสเก็ตบอร์ด
หากอยากสัมผัสวัฒนธรรมการกินของชาวเวียนนาอย่างแท้จริง แนะนำให้มาที่ร้าน Zum Schwarzen Kameel (แปลว่า อูฐสีดำ) ร้านอาหารขนาดเล็กที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง ตั้งอยู่ตรงถนน Bognergassse 5 บรรยากาศของร้านยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อร้อยกว่าปีก่อนมากนัก การประดับประดาภายในยังคงเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบในสมัยก่อน
เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าถ้ามากินอาหารที่นี่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบดั้งเดิมอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเมนูหรือสถาปัตยกรรมสุดวิจิตร เมนูส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูอาหารท้องถิ่น ที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ถ้าจะให้ดีต้องจิบไวน์ควบคู่ไปด้วยเพื่ออรรถรสในการลิ้มรสอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุด
www.kameel.at
สำหรับนักกินตัวยง คงเป็นเหมือนสรวงสวรรค์ที่รวบรวมร้านอาหารไว้มากกว่า 120 ร้านไว้ในที่เดียว ไม่ใช่แค่ผักหรือผลไม้ แต่มากันหลากหลายสัญชาติตั้งแต่อินเดียไปจนถึงญี่ปุ่น ร้านรุ่นบุกเบิกนั้นมีทั้ง Do-An และ Naschmarkt Deli ทั้งสองร้านนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ พอ ๆ กับร้าน Tewa ที่เสิร์ฟเฉพาะอาหารออแกร์นิกเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึงร้าน Neni ที่เป็นอาหารญี่ปุ่นชื่อดังประจำตลาด ถ้าอยากให้ได้ความสนุกมากเป็นพิเศษ แนะนำให้มาในวันเสาร์ เพราะจะมีตลาดนัดให้เดินเล่นกันจนเพลินเลยล่ะ
นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลไปยังมหาวิหารเซนต์สตีเฟน (Stephansdom ในภาษาเยอรมัน) แห่งเมืองเวียนนาตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์หรือไม่ มหาวิหารแห่งนี้ก็ต้อนรับเช่นกัน ทั้งเพื่อไปชมความยิ่งใหญ่งดงามของมหาวิหารเก่าแก่ใจกลางเมือง อายุราว 700 ปี และเพื่อขึ้นบันไดไปบนหอคอยสูงทางทิศใต้ของวิหาร เพื่อชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมือง หรือไม่ก็ชมหลังคากระเบื้องเคลือบหลากสีสัน อันเป็นจุดเด่นที่งดงามไม่แพ้กัน
เมื่อเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชั้นใน จะได้ชมงานศิลปะอันโด่งดัง ได้แก่ ฉากประดับแท่นบูชาน็อยชตัดท์ ที่งดงามโดดเด่นที่สุดท่ามกลางแท่นบูชาทั้งหมด 18 แท่น ประติมากรรมแท่นเทศน์หินประติมากรรมแบบโกธิค ไปจนถึงสุสานชั้นใต้ดินอันเป็นอนุสรณ์บรมศพของจักรพรรดิ
stephanskirche.at
เดินทางสไตล์ชาวเวียนนา ด้วยระบบขนส่งของเส้นทางนี้ที่ทอดผ่านใจกลางเมืองมรดกโลกที่งดงามที่สุด ทั้งอาคารอันหรูหราของโรงละคร อาคารรัฐสภา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ สวนสาธารณะ และพระราชวังสำคัญ สถานที่สำคัญทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถสำรวจได้ด้วยรถรางถนนสายวงแหวน หรือ Ringstrasse เป็นบริการสาธารณะอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการเที่ยวชมเมืองเก่ามาก ๆ เพราะเส้นทางสายนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กำแพงเมืองเดิม มาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 แถมยังใช้เวลาเพียง 30 นาทีต่อรอบเท่านั้น
www.wienerlinien.at
ไส้กรอกเป็นสตรีทฟู้ดขึ้นชื่อของเวียนนา สามารถหาชิมได้ทั่วเมือง แต่เจ้าเด็ดร้านดังที่สุดนั้นต้องเป็นร้าน Bitzinger ตั้งอยู่แถว ๆ จัตุรัสอัลแบร์ทินา ว่ากันว่าเป็นไส้กรอกเวียนนาที่ดีที่สุด สามารถสั่งแล้วยืนกินตรงบาร์ของร้านได้เลย แถมยังได้ชมกรรมวิธีการย่างไส้กรอกไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย ส่วนเมนูก็มีให้ลองทั้ง ไส้กรอกเวียนนาแบบออริจินอล หรือจะเป็นแบบขนมปังไส้กรอกก็มีให้ลองเช่นกัน
www.bitzinger-wien.at
มีคาเฟ่จำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั้งในและนอกเมืองเก่า วัฒนธรรมร้านกาแฟของที่นี่ขึ้นชื่อมากในระดับโลก เรื่องเล่าในอดีตบอกว่าวัฒนธรรมกาแฟใส่นมและน้ำตาลสไตล์เวียนนาเกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1683 และร้านกาแฟแห่งแรกก็เกิดขึ้นในช่วงนั้นเช่นกัน ทุกวันนี้ถ้าได้ไปเยือนเวียนนา ก็จะเห็นว่ามีร้านกาแฟสุดคลาสสิคอยู่หลายแห่ง เช่น Cafe Central, Café Diglas และ Café Sperl แน่นอนว่าเมนูที่น่าลิ้มลองที่สุดนั้นเรียกว่า Melange (เมล้องช์) เป็นกาแฟเอสเปรสโซ่เข้มข้นและมีครีมอยู่ด้านบน จะเสิร์ฟมาพร้อมกับช็อกโกแล็ตชิ้นเล็ก ๆ พร้อมน้ำเปล่าอีก 1 แก้ว เพียงแค่นี้ก็จะได้สัมผัสกับรสชาติของวัฒนธรรมกาแฟตามแบบฉบับชาวเวียนนาอย่างแท้จริง แต่ถ้าอยากให้อยู่ท้อง ลองสั่งเค้กมากินคู่กันสักชิ้นก็จะดีไม่น้อย
ภายใน Prater สวนสนุกชื่อดังประจำเมือง มีชิงช้าสวรรค์เก่าแก่เจ้าของความสูงเกือบ 65 เมตร ถึงแม้ว่าไม่ใช่ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป แต่ก็สูงเด่นประดับเส้นของฟ้าของเมือง จนถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเวียนนาที่น่าจดจำ
ใน 7th district เป็นเหมือนจุดนัดพบของโลกในอดีตและโลกปัจจุบัน พื้นที่ทั้งหมดกว่าหกหมื่นตารางเมตรของ MuseumsQuartier มีตั้งแต่อาคารสถาปัตยกรรมบาโรค ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดทันสมัย แต่ที่ดึงดูดสายตาที่สุดหนีไม่พ้นผลงานชื่อว่า MQ รูปทรงแปลกตา แถมสีสันก็จี๊ดจ๊าดสุด ๆ ที่ทุกคนสามารถใช้งานเป็นเก้าอี้ หรือที่นอนบริเวณด้านนอกได้
ส่วนโดยรอบ ๆ นั้นก็มีพิพิธภัณฑ์ดัง ๆ อย่าง Leopold Museum Kunsthalle Wien, Architekturzentrum Wien และ MUMOK ทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานเกี่ยวกับศิลปะหลากหลายแขนง และสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ
ทั้งวิวเมืองเวียนนา แม่น้ำดานูบ และพระอาทิตย์ตกดิน มีครบขนาดนี้ไม่ให้ไปสักครั้งคงไม่ได้ ไร่องุ่นพื้นที่กว่า 600 ไร่ ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุคกลาง ไวน์ต้นตำรับที่ดีที่สุดของเมืองนั้นต้องมาจาก Nussberg เพราะคุณภาพของดินที่เป็นหินปูน ทำให้ไวน์ของที่นี่มีรสชาติครีมมี่ และให้สีกับรสของผลไม้ที่เข้มมาก ๆ การได้มาดื่มไวน์โฮมเมดกลางแจ้งที่นี่จะทำให้คุณเหมือนหลุดออกไปอยู่ที่โลกหนึ่ง แถมยังเดินทางได้ง่าย ๆ จากตัวเมืองเพียง 40 นาทีเท่านั้น
www.wieninger.at
โรงละครแห่งนี้มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นอาคารชุดแรกที่สร้างขึ้นบนถนนเส้นวงแหวนอันลือชื่อ ตัวอาคารสไตล์นีโอเรเนสซองส์ ผ่านมาทั้งช่วงเวลาที่งดงามจนถึงย่ำแย่ที่สุด เมื่อเสียหายอย่างหนักหลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้ชมกันในทุกวันนี้ก็เป็นอาคารที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้คงรูปแบบเดิมเอาไว้มากที่สุด ภายในประดับประดาอย่างหรูหราด้วยแชนเดอเรีย และบันไดหินอ่อนสุดโอ่อ่า การเข้าชมที่ดีที่สุดควรจองทัวร์จากเว็บไซต์ทางการของโรงอุปรากร ถ้าจะให้ครบก็จองตั๋วชมการแสดงไปด้วยเลย ขอบอกว่าการแสดงมีหลากหลายไม่ซ้ำกันในแต่ละวันเลยล่ะ
www.wiener-staatsoper.at
ย่านช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดและตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองที่สุด ถนนสำหรับขาช็อปแห่งนี้ทอดยาวจากพระราชวังฮอฟบูร์ก ผ่านถนน Graben ไปจนถึงถนน Kärntner ตรงนี้จะมีตั้งแต่ร้านขายอัญมณีของชาวเวียนนาแบบดั้งเดิม ไปจนถึงแบรนด์หรูระดับโลกอีกเพียบ ชาวเมืองเองก็นิยมมาเดินซื้อเครื่องประดับพวกแหวน สร้อย และนาฬิกากันที่ถนนสายนี้ และที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ประมูลจิวเวอรี่และเครื่องประดับหายากที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ชื่อว่า The Dorotheum ที่เฉลิมฉลองครบรอบ 300 ปี ไปแล้ว